พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 148 กำชับ
ตอนที่ 148 กำชับ
เพียงชั่วพริบตาหยูเอ๋อก็คิดวิธีจัดการอันหลิงเกอได้แล้ว เพราะอันหลิงเกอทำลายเรื่องดี ๆ ของนาง ทำให้นางต้องสูญเสียบุตร ดังนั้นนางต้องให้อันหลิงเกอชดใช้ด้วยชีวิต !
ทันใดนั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นในแววตาหลี่ซื่อ แต่ยังแสร้งตีหน้าเศร้าพร้อมกล่าวว่า “ทว่าการจัดการเกอเอ๋อมิใช่เรื่องง่ายถึงเพียงนั้น ข้ากลัวว่าคนของข้ายังมิทันเข้าใกล้ นางก็รู้ตัวก่อนแล้ว เรื่องนี้มิมีทางสำเร็จแน่นอน”
ในเมื่อหยูเอ๋อมีความกล้าขายข่าวของหวังซื่อก็ต้องมีไหวพริบอยู่บ้าง
เมื่อได้ยินคำกล่าวของหลี่ซื่อ นางก็เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในนั้นทันที
“ฮูหยินรองวางใจได้เจ้าค่ะ ถ้าคราวนี้บ่าวมีชีวิตรอดออกไป จักช่วยจัดการปัญหาใหญ่เยี่ยงคุณหนูใหญ่ให้ท่านแน่นอนเจ้าค่ะ”
หลี่ซื่อลอบหัวเราะอยู่ภายในใจ มิว่าหยูเอ๋อทำเหมือนภักดีต่อนางเพียงใด แต่จุดประสงค์ของอีกฝ่ายก็แค่อยากให้นางเชิญหมอมาดูอาการเท่านั้น
คนที่มีเป้าหมายแรงกล้าคือคนที่นางจักใช้ประโยชน์ได้ดีที่สุด
ทันใดนั้นหลี่ซื่อก็รีบให้สัญญา “เจ้าวางใจได้ พรุ่งนี้ข้าจักให้คนมาดูแลและนำยามาให้ รับรองว่าผ่านไปมิถึง 10 วัน เจ้าต้องหายขาด”
หยูเอ๋อได้ฟังก็กล่าวขอบคุณหลี่ซื่ออย่างจริงใจอีกรอบ รอให้หลี่ซื่อออกไปจึงรีบยัดอาหารเข้าปาก
….
ราวกับค่ำคืนข้ามผ่านไปในชั่วพริบตา หมอกยามเช้าห้อมล้อมจวนโหวไว้ทั้งจวน ทว่าเพียงชั่วอึดใจเดียวแสงอาทิตย์ก็สาดส่องลงมาทำให้หมอกยามเช้าจางหายไป
เนื่องจากอันหลิงเกอโดนถอนหมั้น อันหลิงอี อันหลิงเฉว่และคนอื่น ๆ จึงไร้ความคิดที่จะไปหาเรื่องนางอีก เอาแต่คิดว่าจักใช้ช่วงเวลาที่มู่จวินฮานยังมิไปม่อเป่ยรีบดึงดูดความสนใจของเขา
พวกนางเปิดฉากต่อสู้กันที่สำนักศึกษาจิงตูครั้งแล้วครั้งเล่า แข่งกันทั้งความสามารถและรูปร่างหน้าตา หรือแทบเปลี่ยนตนเองเป็นนกยูงที่เดินอวดความงามไปทุกที่เพื่อให้มู่จวินฮานได้เห็นว่าพวกนางงดงามเพียงใด
ทว่าอันหลิงเกอกลับอยู่เงียบ ๆ เพราะในหัวกำลังคิดแต่เรื่องกักตุนยาสมุนไพร
เนื่องจากตอนนี้อากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มได้กลิ่นอายของฤดูร้อนบ้างแล้ว
เมื่อนึกย้อนถึงชาติก่อน โรคระบาดเกิดขึ้นในช่วงกลางฤดูร้อนและเกิดการระบาดรุนแรงอย่างกะทันหันจนผู้คนจำนวนมากมิทันตั้งตัว ดังนั้นผ่านไปมิถึง 3 วันก็มีซากศพมากมาย
เนื่องจากอุณหภูมิร้อนระอุจึงทำให้ศพที่ติดเชื้อแพร่สู่ผู้คนจำนวนมากขึ้น เมืองหลวงจึงตกอยู่ในสภาวะหวาดกลัว ไล่ตั้งแต่ฮ่องเต้ยันขอทานข้างถนนก็ล้วนถูกความหวาดกลัวจากโรคระบาดครอบงำ
ฮ่องเต้ถึงขั้นคิดย้ายเมืองหลวง ทว่าโดนเหล่าขุนนางห้ามไว้เสียก่อน
ในที่สุดก็มีคนเสนอให้เผาศพและยังมีคนค้นพบยารักษาโรคระบาดจึงได้ควบคุมโรคได้อย่างช้า ๆ
อันหลิงเกอเก็บความคิดและโยนอาหารปลาลงในทะเลสาบ ทันใดนั้นปลาสีแดงสดก็รีบว่ายเข้ามาและแย่งชิงอาหารอย่างบ้าคลั่ง ในสายตาคนนอกมันคือภาพงดงามของการต่อสู้แย่งชิงอาหารของปลา
แต่สุดท้ายนางก็วกกลับมานึกถึงเรื่องนี้อีก ตั้งแต่องค์ชายเจ็ดรู้เรื่องที่นางกักตุนยาสมุนไพร นางก็ให้ฉู่หยูและลู่จิงหยูติดต่อกับลูกน้องของมู่จวินฮานโดยตรงและนำสมุนไพรพวกนั้นไปเก็บที่จวนอ๋องมู่
ทว่ามู่จวินฮานใกล้ออกจากเมืองหลวงและเมื่อถึงเวลานั้นนางจักทำเยี่ยงไรกับสมุนไพรพวกนั้น ?
ขณะที่นางกำลังหวนคิดเรื่องนี้ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองก็เห็นรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของมู่จวินฮาน
เขาอยู่ในชุดผ้าไหมลายเมฆคราม ดวงตาคมสะท้อนภาพทะเลสาบอันงดงาม เพียงแค่เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นก็เป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากแล้ว
ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่มุมตะวันออกเฉียงใต้ของสำนักศึกษาจิงตู ทางด้านซ้ายเป็นสวนดอกไม้ ส่วนด้านขวาเป็นหุบเขา ในเวลาปกติจักมีคนมาที่นี่น้อยมากหรือมีเพียงสตรีที่รักสงบเท่านั้น
อันหลิงเกอมองมู่จวินฮานที่กำลังเดินเข้ามาด้วยความประหลาดใจ แต่แล้วนางก็กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว
“เจ้าคิดอันใดอยู่หรือ ? ”
มู่จวินฮานถามพร้อมยกยิ้มมุมปาก ขณะที่ยืนอยู่ข้างกายอันหลิงเกอ สายลมที่พัดผ่านทะเลสาบก็นำพาความเย็นสดชื่นมาด้วย
เพียงครู่เดียวมู่จวินฮานก็รู้แล้วว่าเด็กน้อยกำลังกังวลเรื่องอันใดอยู่
อันหลิงเกอก็มิปิดบังแล้วกล่าวออกมาตามตรง “ข้ากำลังคิดว่าหากท่านไปม่อเป่ย แล้วข้าจักทำเยี่ยงไรกับสมุนไพรเหล่านั้นดี ? ”
ตามหลักแล้วการที่พวกเขาหมั้นหมายกันและถอนหมั้นก็ต้องรู้สึกอึดอัด แต่ดูเหมือนหลักการนี้มิมีผลต่อทั้งสองคน
เมื่อได้ฟังเยี่ยงนั้นมู่จวินฮานก็ยื่นมือไปจับหน้าอกของตน ทำราวกับปวดใจมิน้อย “ข้าจักไปม่อเป่ยอยู่แล้ว แต่เจ้ามิเป็นห่วงข้าเลยสักนิด ซ้ำยังครุ่นคิดเรื่องสมุนไพรพวกนั้น เจ้าเย็นชากับข้าเกินไปหน่อยกระมัง?”
ดวงตาเฉียบคมพราวระยับและรอยยิ้มมุมปากที่ทำให้สตรีนับมิถ้วนหน้าแดง
ทว่าอันหลิงเกอกลอกตาใส่เขา ผู้อื่นอาจคิดว่ามู่จวินฮานคือคุณชายเจ้าสำราญไร้ความสามารถ แต่นางรู้ดีว่าคนผู้นี้ร้ายกาจมากเพียงใด
ยิ่งไปกว่านั้นคือเดิมทีทั้งสองก็พูดคุยเรื่องนี้กันแล้ว มู่จวินฮานจักพาลูกน้องไปม่อเป่ยด้วย ดังนั้นก็คงมิมีอันตรายอันใด
สิ่งอันตรายที่สุดในเวลานี้เป็นโรคระบาดที่กำลังจักลุกลามในเมืองหลวงอีกมินาน
“มู่ซื่อจื่อ แม้แต่ฮ่องเต้ ท่านก็ยังกล้าวางอุบาย ท่านคงนึกถึงความปลอดภัยของตนอยู่แล้ว”
ตอนที่มู่จวินฮานกล่าวว่าจักยกเลิกงานสมรสกับจวนโหวเพื่อให้ฮ่องเต้มิลงมือกับจวนโหวอีก นางมิเห็นด้วยกับเขาที่สุด
แต่เขาวางแผนไว้หมดแล้ว รวมไปถึงว่าทั้งสองจักแสดงละครเยี่ยงไร เขาจักเข้าวังไปทูลฮ่องเต้เยี่ยงไร ทุกอย่างก็จัดเตรียมไว้พร้อมสรรพ
หากมิได้เป็นเพราะการทำเยี่ยงนี้จักช่วยบรรเทาวิกฤติระหว่างสองจวนได้ นางก็มิมีทางเห็นด้วยหรอก
เขามักชอบหยอกล้อนาง ทำให้นางรู้สึกหวั่นไหว แต่แล้วก็จักไปม่อเป่ยและทิ้งนางไว้ที่เมืองหลวง
เมื่อครุ่นคิดถึงตอนนี้ อันหลิงเกอก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันที
มู่จวินฮานรู้ว่าอันหลิงเกอมิพอใจที่เขาจักไปม่อเป่ย หลังได้ยินคำกล่าวประชดประชันของนาง เขาก็มิได้เก็บมาใส่ใจอีก ใบหน้าหล่อเหลายังเปื้อนด้วยรอยยิ้มมากเสน่ห์ “ข้ามิได้วางอุบายใส่ฮ่องเต้เสียหน่อย นี่เป็นพระประสงค์ที่ให้ข้าทำ ข้าก็ทำตาม”
เมื่ออันหลิงเกอได้ฟังก็พบว่าสิ่งที่มู่จวินฮานกล่าวเป็นจริง เขาก็แค่คว้าโอกาสเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ต่อเท่านั้น
แม้เขาวางแผนไว้หมดแล้ว ทว่าดาบและหอกในสนามรบไร้ตาแล้วจักรับประกันได้อย่างไรว่าปลอดภัย ?
ในเมื่อวางแผนไว้แล้วก็ยังอยากให้นางกังวลและเป็นห่วง ดังนั้นนางมิเป็นห่วงแม้แต่น้อย !
เมื่อคิดได้เช่นนั้น อันหลิงเกอก็เค้นเสียงดัง ฮึ ! แล้วหันไปมองทะเลสาบ พวกปลาสีส้มที่แย่งชิงอาหารก็แยกย้ายกันไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้พวกมันกำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำอย่างเพลิดเพลิน
มู่จวินฮานเห็นอันหลิงเกอมิกล่าวอันใดออกมา เขาจึงแย่งอาหารปลามาจากมือนาง หลังจากนั้นปลาตัวสีส้มก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
เขามองปลาในบ่ออย่างอารมณ์ดี จากนั้นก็หันไปมองอันหลิงเกอด้วยสายตาอ่อนโยนและมิอาจละสายตาไปจากนางได้ “เกอเอ๋อ เจ้าจักมิสนใจข้าแล้วจริงหรือ ? ”
“ถ้ามิสนใจข้าจริง เยี่ยงนั้นข้าจักเดินทางไปม่อเป่ยเดี๋ยวนี้เลย”
เมื่อทิ้งประโยคนี้ไว้แล้วมู่จวินฮานก็หมุนตัวเหมือนจักเดินออกไป
อันหลิงเกอจึงรีบคว้าเสื้อเขาไว้ จากนั้นก็ยัดของบางอย่างเข้าไปในอกเสื้อของเขา
“นี่คืออันใด ? ” มู่จวินฮานก้มมองของที่อยู่ในหน้าอก
อันหลิงเกอกล่าวเสียงแผ่วเบา “*เกราะป้องกันหัวใจเจ้าค่ะ”
ของสิ่งนี้ทำมาจากเหล็กนิล นางสั่งคนไปหาช่างฝีมือดีที่สุดทำเกราะป้องกันหัวใจนี้ขึ้นมา แม้เบาบางดั่งปีกจักจั่น ทว่าแข็งแกร่งจนมิอาจทำลายได้
หากมู่จวินฮานนำของสิ่งนี้ไปม่อเป่ยด้วย นางจักได้รู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง
เด็กน้อยของข้าช่างปากแข็งแต่ใจดีเสียจริง
มู่จวินฮานหัวเราะออกมา จากนั้นก็รีบดึงอันหลิงเกอเข้าสู่อ้อมกอด
…..