พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 224 ความจริง
ตอนที่ 224 ความจริง
นี่คือผู้ปกครองฉู่โจวแทนใต้เท้าเจียว!
แม้คนที่นี่มิเข้าใจเรื่องราชกิจในราชสำนัก แต่พวกเขาก็สามารถเข้าใจความหมายของประโยคนี้ได้หลังจากฟังคำกล่าวของอันอิงเฉิง
กระทั่งคนธรรมดายังรู้สึกหวาดกลัวเมื่อได้ยินคำสั่งนี้ คงมิต้องบอกว่าใต้เท้าเจียวจักหวาดกลัวเพียงใด
แม้ตำแหน่งของนายอำเภอมิถือว่าสูงมาก ทว่าใต้เท้าเจียวก็เป็นขุนนางที่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้ง ท่านโหวกับมู่ซื่อจื่อแค่ช่วยกันกล่าวมิกี่คำก็เอาโทษเขาได้แล้ว อีกทั้งสองคนยังตั้งตัวเป็นผู้ปกครองเมืองฉู่โจวชั่วคราว ที่จริงก็ดูเหมือนรังแกคนมากไปหน่อย
แต่นั่นถือเป็นเรื่องปกติ สายตาทุกคนจ้องไปที่สัญลักษณ์แทนราชโองการในมือของอันอิงเฉิง ลวดลายมังกรที่สลักไว้ดูเหมือนจริงจนแทบบินออกมาได้ สิ่งนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของอำนาจที่มิอาจต่อกรได้
มันคือราชโองการของผู้มีอำนาจสูงสุด แม้ตำแหน่งใต้เท้าเจียวสูงแค่ไหนก็มิอาจสูงมากไปกว่าฮ่องเต้ !
สีหน้าใต้เท้าเจียวดูแย่กว่าเมื่อครู่ ทั้งยังเหมือนซีดเซียวกว่าเดิมอีกด้วย
คิดว่าสิ่งที่ตนทำต้องมิมีผู้ใดรู้อย่างแน่นอน เขาแค่กักตัวราษฎรไว้ในฉู่โจว เรื่องอื่นมิใช่หน้าที่ แม้ฮ่องเต้ส่งคนมารักษาโรคระบาด มากสุดก็แค่ตำหนิว่าเขาไร้ความสามารถในการทำงาน
จนกระทั่งทรัพย์สินมากมายของเขาถูกค้นพบ แม้ว่าเขาอยากสลัดตัวให้พ้นแต่ก็ไร้หนทาง
โดยเฉพาะเมื่อในมืออันอิงเฉิงมีสัญลักษณ์แทนราชโองการก็เท่ากับเป็นคำบัญชาของฮ่องเต้ หากอันอิงเฉิงปลดเขาออกจากตำแหน่งแล้วส่งไปศาลต้าหลี่ เขาก็มิอาจต่อต้านอันใดได้อีกแล้ว
แต่เขาอุตส่าห์สั่งสมชื่อเสียงมานานหลายปี มิง่ายเลยที่จักขึ้นมาถึงตำแหน่งนี้ได้แล้วจักยอมรับโทษนี้ไว้ได้เยี่ยงไร ?
“ช้าก่อนขอรับ ! ” ใต้เท้าเจียวมองอันอิงเฉิงและมู่จวินฮานพร้อมเอ่ยอย่างจริงจัง “ตำแหน่งของพวกท่านสูงมากก็จริง แต่มิอาจกล่าวโทษต่อขุนนางได้โดยง่ายเช่นนี้ ตัวข้าเพิ่งได้รับตำแหน่งที่ฉู่โจวมิถึงหนึ่งเดือน พอถามใจตนเองแล้วก็แน่ใจว่ามิเคยทำเรื่องมิดีต่อราษฎร แม้พวกท่านมีสัญลักษณ์แทนราชโองการแต่ก็มิสามารถทำงานง่าย ๆ เช่นนี้ได้ ! ”
เมื่อเห็นว่าใต้เท้าเจียวยังมิยอมรับผิด มู่จวินฮานจึงชี้ไปที่ตัวชายร่างผอม “เจ้าได้ทำผิดต่อราษฎรหรือไม่ลองถามชายผู้นี้ก็รู้แล้ว”
เดิมทีชายร่างผอมคิดว่าคนกลุ่มตรงหน้าเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวมีฐานะเท่านั้น แต่พอตอนนี้ได้ยินว่าคนหนึ่งเป็นท่านโหว อีกคนเป็นถึงมู่ซื่อจื่อ เขาถึงรู้ว่าตำแหน่งของทั้งสองคนสูงกว่าใต้เท้าเจียวเสียอีก
โดยเฉพาะพวกเขายังมีสัญลักษณ์แทนราชโองการไว้ในมือ…
เพียงพริบตาเดียวชายร่างผอมก็เข้าใจได้ทั้งหมด เขามิได้ดิ้นรนที่จักตะโกนว่าตนบริสุทธิ์อีกต่อไป แต่คุกเข่าลงกับพื้นเพื่อแสดงความจริงใจออกมา “ข้าน้อยยอมพูดแล้วขอรับ ข้าน้อยยอมพูดทั้งหมดแล้ว”
เขาได้เรียบเรียงคำพูดอยู่ชั่วครู่แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา
“ใต้เท้าเจียวเป็นคนสั่งให้ข้าน้อยไปฆ่าซุนยิง จากนั้นก็ให้มาที่นี่เพื่อบอกว่าซุนยิงตายเพราะกินยา เช่นนั้นจักได้มิมีคนมาซื้อยาที่ร้านอีก ข้าน้อยมิรู้ว่าใต้เท้าเจียวมีแผนการอันใด แต่เขาเป็นถึงนายอำเภอ กล่าวว่าขุนนางเป็นดั่งบิดามารดา ข้าน้อยมิกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของเขาจึงได้ทำความผิดไป ใต้เท้าทั้งสองได้โปรดช่วยพิจารณาด้วยขอรับ ! ”
ชายร่างผอมโยนความผิดไปให้ใต้เท้าเจียวทั้งยังทำท่าทีว่าโดนบังคับอย่างไร้ทางเลือก
แววตาของซุนยิงแทบมีไฟลุกขึ้นมาแล้ว เขาพุ่งไปหาชายร่างผอม “ข้ามิมีความแค้นอันใดกับเจ้า เจ้าอยากทำร้ายข้าเยี่ยงนั้นหรือ ! ”
เขากำหมัดและต่อยชายร่างผอมอย่างบ้าคลั่ง ความกลัวที่เกือบเสียชีวิตเมื่อคืนได้ผสมกับความโกรธที่ถูกคนอื่นรวมหัวกันทำร้าย ทำให้แม้กระทั่งขาที่เจ็บยังมิเป็นอุปสรรคต่อการลงมือในครั้งนี้เลย
“เจ้าตีข้าด้วยเหตุอันใด นี่คือคำสั่งของใต้เท้าเจียว ข้าเองก็มิมีทางเลือก เจ้าไปแก้แค้นที่เขาสิ ! ”
ชายร่างผอมกุมหัวแล้ววิ่งหนี สุดท้ายก็ถูกตีไปหลายทีโดยมิกล้าโต้ตอบ ใบหน้าของเขาถูกตีจนมีรอยช้ำรอยเขียวเป็นจุด ๆ
“ใต้เท้าเจียว คราวนี้เจ้ายังมีอันใดจักกล่าวอีกหรือไม่ ? ”
ฉากความวุ่นวายด้านนั้นมิได้มีผลกระทบต่ออันอิงเฉิงและคนอื่น อันอิงเฉิงจ้องเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้าสั่งฆ่าคนที่มิเกี่ยวข้องคนหนึ่ง ทั้งยังต้องการโยนความผิดมาที่ร้านยาของพวกเรา ฉวยโอกาสทำให้ผู้คนสงสัยในสูตรยาของพวกเรา เจ้าช่างอำมหิตยิ่งนัก ! ”
หากผู้คนมิเชื่อสูตรยาและมิทานยาตามสูตร โรคระบาดก็มิอาจควบคุมได้ ภายในหนึ่งเดือนเมืองฉู่โจวจักเต็มไปด้วยราษฎรที่ทุกข์ทรมานจากโรคระบาด
พอถึงตอนนั้นก็พูดยากแล้วว่าเมืองฉู่โจวยังเหลือคนที่มีชีวิตรอดกี่คน
เป็นขุนนางดุจดั่งเป็นบิดามารดา ใต้เท้าเจียวมิคิดรักษาโรคระบาดให้ราษฎรกลับพยายามขัดขวางการกระจายสูตรยาออกไปอีก มิรู้จริง ๆ ว่าจิตใจทำด้วยอะไร !
ใต้เท้าเจียวจ้องชายร่างผอมอย่างโกรธเกรี้ยว เขาแทบอยากถลกหนังคนตรงหน้าออกมา
เดิมทีคิดว่าคนผู้นี้ซื่อตรงและพึ่งพาได้ ที่แท้ก็เป็นแค่นกสองหัว !
เมื่อได้ยินคำถามของอันอิงเฉิง ใต้เท้าเจียวก็ละสายตาจากชายร่างผอม เขาถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “แค่คำพูดเรื่อยเปื่อยของคนที่มิรู้จักหัวนอนปลายเท้าผู้หนึ่ง ท่านโหวก็เชื่อหรือขอรับ ? ”
ขอเพียงยืนกรานมิยอมรับ พวกเขาจักทำอันใดได้เล่า ?
มู่จวินฮานคาดไว้แล้วว่าอีกฝ่ายจักทำเช่นนี้ ดวงตาเฉียบคมดูมิแปลกใจเลย “ใต้เท้าเจียว เจ้ามิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตาจริง ๆ ”
หลังจากนั้นเขาก็เดินไปตรงหน้าใต้เท้าเจียว จากนั้นก้มหน้าลงเล็กน้อย ฝ่ามือที่เรียวยาวมีตราประทับขนาดเล็กของทางการปรากฏขึ้น “นี่ใช่ตราประทับของใต้เท้าเจียวหรือไม่ ? ”
ใต้เท้าเจียวรู้สึกถึงลางสังหรณ์มิดี ตราประทับของเขาไปอยู่ในมือมู่จวินฮานได้เยี่ยงไร ?
ตราประทับนี้เป็นของจริงมิผิดอย่างแน่นอน เขาจึงได้แต่พยักหน้ารับ “ถูกต้องแล้วขอรับ นี่คือตราประทับของข้า หรือตราประทับนี้มีปัญหาอันใด ? ”
“ซุนยิง เจ้าบอกใต้เท้าเจียวไปสิว่าตราประทับนี้มีปัญหาอันใด”
ซุนยิงตีชายร่างผอมจนระบายความโกรธหมดแล้วก็เดินขาเป๋มาหยุดอยู่ข้างกายมู่จวินฮาน “เรียนใต้เท้า ตราประทับนี้ข้าพบว่ามันตกอยู่ในเรือนของข้าขอรับ”
“ตราประทับของใต้เท้าเจียวไปตกอยู่ที่เรือนของซุนยิง นี่ช่างแปลกยิ่งนัก ใต้เท้าเจียวว่าหรือไม่ ? ”
มุมปากมู่จวินฮานยังมีรอยยิ้มจาง ๆ เพียงแต่ดวงตาเฉี่ยวคมเย็นชาทำให้คนรู้สึกมิค่อยดี
ชายร่างผอมรีบตะโกนออกมา “ตราประทับนี้เป็นใต้เท้าเจียวมอบให้ข้า เขาสั่งให้ข้าไปฆ่าซุนยิง เมื่อเสร็จงานแล้วเอาตราประทับขุนนางไปหาเขาก็สามารถได้รับเงินก้อนใหญ่แล้วขอรับ ! ”
เรื่องที่เขาฆ่าคนถูกเปิดโปงแล้ว เห็นได้ชัดว่าใต้เท้าเจียวมิคิดช่วยเขาเลย หากมิรีบดึงใต้เท้าเจียวลงตอนนี้ เขาก็ต้องเป็นผู้รับผิดทั้งหมด !
สายตาของใต้เท้าเจียวเหมือนอยากกินเลือดกินเนื้อคนเข้าไป เขาชี้ไปที่ชายร่างผอม “คนชั้นต่ำอย่ากล่าวเหลวไหล ข้าได้สั่งให้เจ้าไปทำเรื่องเยี่ยงนั้นตั้งแต่เมื่อไร ? ”