พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 251 ช่องโหว่
ตอนที่ 251 ช่องโหว่
ตั้งแต่อันหลิงเกอฉีกหน้าหลี่อี๋เหนียง ฮูหยินในจวนต่าง ๆ ก็เหมือนกับฮูหยินผู้เฒ่าที่รู้ว่าหลี่ซื่อมิชอบอันหลิงเกอ
ตอนนี้ยิ่งได้ยินหลี่ซื่อบอกว่าอันหลิงเกอน่าสงสัย นางจึงมิได้รู้สึกแปลกอันใดมากนัก
แต่ดวงตาของอันหลิงเกอเป็นประกายวาววับและริมฝีปากก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างมีความหมาย “หลี่อี๋เหนียงเพิ่งมาถึง เหตุใดถึงรู้ว่าท่านย่าโดนยาพิษ ? ”
คำกล่าวของพวกนางเมื่อครู่มิได้พูดถึงการถูกพิษของฮูหยินผู้เฒ่าเลย
แต่หลี่อี๋เหนียงรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าถูกพิษ นี่จึงแปลกไปเสียหน่อย
คนทั่วไปเมื่อได้ยินว่าผู้อาวุโสในบ้านไปตามหมอมารักษา สิ่งแรกที่นึกถึงย่อมเป็นเพราะสุขภาพของผู้อาวุโสท่านนั้นมิดี หรือเกิดอันใดขึ้นกับผู้อาวุโสท่านนั้น ใครเล่าจักนึกถึงเรื่องถูกพิษ ?
ดวงตาของเว่ยซื่อสว่างวาบขึ้นมาทันที ความตื่นตกใจบนใบหน้าก็เริ่มหายไปแล้ว นางจึงเอ่ยว่า “จริงด้วย ฮูหยินรองหลี่เพิ่งมาถึงเรือนของท่านแม่และยังมิมีผู้ใดกล่าวว่าท่านแม่ถูกพิษเสียหน่อย แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร ? นอกเสียจากเจ้ารู้ล่วงหน้าว่าท่านแม่จักโดนพิษ”
หากหลี่ซื่อทราบล่วงหน้าว่าฮูหยินผู้เฒ่าจักถูกพิษ เช่นนั้นนางย่อมมิใช่ผู้น่าสงสัยที่สุดในจวน แต่เป็นหลี่ซื่อเสียมากกว่า
อีกอย่างฮูหยินผู้เฒ่าก็มิชอบหลี่ซื่อยิ่งนัก ทั้งยังเคยใช้กฎจวนลงโทษ หากคนผู้นี้คิดร้ายอยู่ในใจแล้วลงมือวางยาพิษฮูหยินผู้เฒ่าก็ฟังแล้วมีเหตุผลเช่นกัน !
หลี่ซื่อแอบบ่นในใจ นางแค่พลั้งปากไปนิดเดียวเท่านั้น แต่คนสารเลวอันหลิงเกอสามารถจับผิดนางได้เสียแล้ว อีกทั้งยังดึงนางเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีก
ช่างมีไหวพริบและเจ้าแผนการตั้งแต่อายุยังน้อย หากปล่อยให้อันหลิงเกอโตขึ้นอีกก็คงรับมือมิไหว!
แววตาของหลี่ซื่อมีความโกรธแค้นแล่นผ่าน แต่ใบหน้าก็แค่แสดงความแปลกใจออกมา จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นปิดปาก “ตายจริง ท่านแม่ถูกพิษจริงด้วยหรือนี่ ? ”
นางแสดงท่าทีห่วงใยฮูหยินผู้เฒ่า จากนั้นก็ด่าผู้ที่วางยาพิษ สีหน้าของนางดูโกรธแค้นขณะที่จ้องไปยังอันหลิงเกอ ดวงตาคู่นั้นคล้ายบอกว่าตนโดนผู้อื่นปรักปรำ
“ระหว่างทางข้าได้ยินสาวใช้บอกว่าเกิดเรื่องกับฮูหยินผู้เฒ่าคล้ายกับถูกพิษ ข้ามิทันระวังจึงปากไวไปเสียหน่อย คุณหนูใหญ่สงสัยข้าเพราะเรื่องนี้หรือ ? ”
สิ่งที่นางสั่งให้เถ่าหงทำถูกปกปิดเอาไว้อย่างดี อันหลิงเกอจับผิดนางมิได้แน่ ทุกอย่างนางก็แค่แสร้งคาดเดาเท่านั้น
อันหลิงเกอยกยิ้มตรงมุมปาก มิได้เลิกสงสัยเพราะคำกล่าวเพียงมิกี่คำของหลี่อี๋เหนียง “ก่อนหน้านั้นหลี่อี๋เหนียงจักรู้ว่าท่านย่าถูกพิษหรือไม่ยังมิต้องกล่าวถึง แต่คนที่รับผิดชอบซื้อยาในคลังของเราเป็นคนของหลี่อี๋เหนียง ข้าคงกล่าวมิผิดใช่หรือไม่ ? ”
หลี่ซื่อใจกระตุกวูบ อันหลิงเกอเอ่ยเรื่องยาออกมาในตอนนี้ หรือเพราะเจอสิ่งใดบางอย่างแล้ว ?
เป็นไปมิได้!
ตอนนั้นที่มารดาถูกพิษ หมอชาวบ้านที่นางตามมารักษาได้เอ่ยไว้ว่าขมิ้นและเปลือกส้มมีรูปร่างคล้ายกันมากที่สุด แม้เป็นหมอเก่าแก่ที่คุ้นเคยกับวัตถุดิบมาครึ่งชีวิตก็ยังมิแน่ว่าสามารถแยกแยะได้
เพื่อมิให้ยาเหล่านี้ปะปนกัน ทางร้านยาถึงเชิญหมอสมุนไพรมาหลายคนเพื่อช่วยในการแยกแยะ เมื่อยืนยันเรียบร้อยจึงแบ่งประเภทของยาเหล่านั้นได้
อันหลิงเกออายุยังน้อย แม้รู้วิชาแพทย์อยู่บ้างแต่คงแยกแยะขมิ้นและเปลือกส้มมิออกแน่
เมื่อนึกได้เช่นนี้หลี่ซื่อจึงสงบลงแล้วแสดงสีหน้างุนงงออกมา “ใช่แล้ว คนจัดซื้อยาเป็นคนของข้า คุณหนูใหญ่มีปัญหาอันใดหรือไม่ ? ”
“ปัญหาย่อมมิมี” อันหลิงเกอพูดไปด้วย ขณะเดียวกันก็สังเกตท่าทางของหลี่อี๋เหนียงไปด้วย
เมื่อเห็นหลี่อี๋เหนียงแอบโล่งอก อันหลิงเกอจึงแน่ใจในการคาดเดาของตนมากขึ้น
ดวงตาล้ำลึกของนางจ้องใบหน้างดงามของหลี่อี๋เหนียงเอาไว้ นางจ้องจนเหมือนกับว่าจักมีดอกไม้งอกออกมาจากหน้าอีกฝ่าย
หลี่ซื่อเริ่มระแวงในใจจนมิกล้าสบตากับอีกฝ่าย “ในเมื่อคุณหนูใหญ่มิมีปัญหาอันใด เหตุใดต้องมองข้าเช่นนี้ด้วย ? ”
“ข้าได้กลิ่นขมิ้นจากตัวหลี่อี๋เหนียง มิทราบว่าเมื่อครู่หลี่อี๋เหนียงได้ทานอันใดลงไป ? ”
ขมิ้น!
รูม่านตาของหลี่ซื่อหดตัวและในดวงตาก็มีความหวาดกลัวฉายผ่านวูบหนึ่ง อันหลิงเกอรู้จักขมิ้น หรือว่าเจออันใดแล้ว ?
มือสองข้างที่วางอยู่ข้างตัวของหลี่ซื่อเริ่มกำแน่นโดยมิรู้ตัว เมื่อนึกได้ว่ามีผู้คนกำลังจับจ้องมาที่ตน นางจึงรีบคลายมือออกและบนใบหน้าก็มีรอยยิ้มแห้งประดับอยู่ “ขมิ้นอันใดเล่า ข้ามิเคยทานมันมาก่อน”
“มิเคยจริงหรือ ? ”
อันหลิงเกอเดินเข้าไปก้าวหนึ่ง รูปร่างของหญิงสาวอายุสิบห้าสูงบางดูดีราวต้นหลิวที่ถูกตัดกิ่งใบออก นางกำลังยืนตรงหน้าหลี่อี๋เหนียง กลิ่นอายของนางสามารถกดดันผู้คนได้ดียิ่ง
“มิมีจริง ๆ เหตุใดคุณหนูใหญ่จึงได้ถามเช่นนี้ ? ”
หลี่ซื่อเม้มปาก แม้มิได้โดนกลิ่นอายของอันหลิงเกอทำให้ตกใจ แต่ดวงตาหลุกหลิกไปมา เห็นได้ชัดว่ามีความผิด
อันหลิงเกอถอนหายใจแล้วหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่า “ก็ได้ ท่านย่าเจ้าคะ ในเมื่อหลี่อี๋เหนียงบอกว่ามิรู้จักขมิ้น เช่นนั้นหลานต้องเปลี่ยนวิธีอื่นในการตามหาผู้ร้ายแล้วเจ้าค่ะ”
“วิธีใดหรือ ? ” ฮูหยินผู้เฒ่าดูใจร้อนอยู่บ้าง ดวงตาฝ้าฟางคู่นั้นส่องประกายแหลมคมราวกับมีด
หากรู้ว่ามันผู้ใดกล้าลอบทำร้ายตน นางต้องถลกหนังมันออกมา!
ทั้งตัวของฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยรัศมีของความอาฆาต เห็นได้ชัดว่าโกรธมาก
อันหลิงเกอปลอบใจฮูหยินผู้เฒ่าสองสามคำแล้วกล่าวว่า “หากหลานจำมิผิด ป้าซุนคนครัวได้เลี้ยงสุนัขป่าไว้ตัวหนึ่ง หลานได้ยินว่าสุนัขตัวนั้นจมูกไวมาก เพียงให้มันดมกลิ่นครั้งเดียวก็สามารถตามหากลิ่นเดียวกันที่อยู่บริเวณโดยรอบได้เจ้าค่ะ”
“มีเรื่องนี้จริงเจ้าค่ะ” เว่ยซื่อกล่าวขึ้น นางนึกอีกเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “คนของกรมพิธีการเคยมาหาป้าซุนเพราะเรื่องนี้ พวกเขาอยากให้นางมอบสุนัขแก่กรมพิธีการเพื่อตามหาผู้ร้าย แต่ป้าซุนปฏิเสธไปเสียก่อนเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าจึงเข้าใจเจตนาของอันหลิงเกอทันที “เจ้าหมายความว่าผู้ที่ใส่ขมิ้นลงในน้ำซุปของข้าก็คือผู้ร้ายอย่างนั้นหรือ แล้วตอนนี้พวกเราก็กำลังหาตัวมันใช่หรือไม่ ? ”
“ถูกต้องเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอพยักหน้า ดวงตาสีดำเปล่งประกาย “ท่านย่า ใบสั่งยาที่หลานเขียนให้มิมีขมิ้นเป็นส่วนประกอบ แต่ในน้ำซุปนี้มีขมิ้นอยู่ บางครั้งแค่ส่วนประกอบของยาตัวหนึ่งเปลี่ยนไปจักทำให้ยาบำรุงกลายเป็นยาพิษได้เจ้าค่ะ”
“แม้หลานมิรู้ว่าเหตุใดขมิ้นจึงเป็นพิษต่อท่าน แต่ท่านก็ดื่มน้ำซุปนี้ไปหลายวันแล้ว เหตุใดวันนี้ท่านจึงโดนพิษอย่างฉับพลัน ต้องเพราะว่ามีขมิ้นโผล่ขึ้นมาโดยไร้สาเหตุเจ้าค่ะ”
หลี่ซื่อฟังอยู่ด้านข้างก็เริ่มตื่นตระหนก แต่พอได้ยินอันหลิงเกอเอ่ยว่ามิรู้เหตุใดขมิ้นจึงเป็นพิษต่อฮูหยินผู้เฒ่าก็วางใจ
ใบหน้าของนางฉายแววประหลาดใจแล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ที่แท้ท่านแม่ก็ถูกพิษเพราะขมิ้น แต่เหตุใดคุณหนูใหญ่จึงคิดว่าข้าเกี่ยวข้องกับขมิ้นเล่า ? ”