พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 310 แผนการของติ้งกั๋วกง
ตอนที่ 310 แผนการของติ้งกั๋วกง
ติ้งกั๋วกงมองไปยังอันหลิงเกอ ในใจพลันบังเกิดแผนการบางอย่างขึ้นมา
ภาพเด็กหรรษาเป็นหนึ่งในภาพมีชื่อเสียงที่สุดของอาจารย์จาง เขายังมีโอกาสเห็นเพียงมิกี่ครั้งเท่านั้น แต่อันหลิงเกอสามารถวาดเลียนแบบได้อย่างไร้ที่ติเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร ?
หมายความว่าในมือของอันหลิงเกอต้องมีภาพของจริงอยู่ !
สำหรับติ้งกั๋วกงที่หลงใหลในภาพวาดแล้ว ข่าวนี้ย่อมสำคัญกว่างานวันเกิดของตน
เขาจึงหัวเราะออกมาเสียงดังและพยายามทำให้ตนดูเป็นคนใจดีและเป็นกันเองมากที่สุด
“เจ้าเป็นบุตรีของท่านโหวอันใช่หรือไม่ ? ”
เขาถามออกมา แสดงให้เห็นว่าจดจำอันหลิงเกอได้
ตอนนั้นเรื่องที่อันหลิงเกอคิดค้นยารักษาโรคระบาดและช่วยชีวิตราษฎรมากมายเอาไว้ได้เป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งต้าโจว
อีกทั้งฮ่องเต้ยังพระราชทานรางวัลโดยการแต่งตั้งนางเป็นหมอหญิงและอนุญาตให้นางสามารถเข้าออกวังได้อย่างอิสระ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ติ้งกั๋วกงจำนางได้ดี
อันหลิงเกอพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจักฟังติ้งกั๋วกงกล่าวต่อไปว่า “ข้าเห็นภาพของเจ้าที่วาดเลียนแบบได้มิเลวเลย หากมิใช่เพราะข้าเคยเห็นภาพของจริงมาก่อนก็คงคิดว่านี่เป็นภาพของจริงจากอาจารย์จางเสียแล้ว”
เขาหัวเราะออกมา ใบหน้าแฝงไว้ด้วยความเกรงใจขณะที่ถาม “มิทราบว่าข้าขอดูภาพของจริงที่เจ้ามีอยู่ได้หรือไม่ ? ”
ตอนนั้นเขาอยากซื้อภาพนี้มาเก็บไว้แทบตาย แต่เจ้าของภาพเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็มิยอมขายให้ บอกว่าภาพของอาจารย์จางมีความหมายกับเจ้าของมาก
แม้ว่าเขาจักหลงใหลในภาพวาดมากเพียงใดก็ตาม เขามิมีทางไปบังคับแย่งชิงของรักของหวงของผู้ใดเด็ดขาด แม้ภายในใจรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก ตอนนั้นเขาจึงเลิกหวังและมิอยากได้ภาพนี้มาครอบครองอีก
แต่บัดนี้ภาพมาตกอยู่ในมือของจวนโหวอันแล้ว จิตใจที่นิ่งสงบมานานของติ้งกั๋วกงจึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
สิ่งที่อันหลิงเกอต้องการคือความปรารถนาอันแรงกล้าที่อีกฝ่ายมีต่อภาพนี้จึงทำให้แผนการขั้นต่อไปของนางสำเร็จลุล่วงได้
นางทำท่าทางลำบากใจและมีสีหน้าครุ่นคิด “ผลงานจริงของอาจารย์จางแม้อยู่ที่จวนโหว แต่ที่จริงมิได้อยู่ในมือของข้าน้อยเจ้าค่ะ หากท่านติ้งกั๋วกงอยากดูก็ต้องลองถามหลี่อี๋เหนียงแล้วเจ้าค่ะ”
หลี่อี๋เหนียงเป็นผู้ใดอีกเล่า ?
คิ้วของติ้งกั๋วกงขมวดขึ้นทันทีและเมื่อมองไปตามสายตาของอันหลิงเกอก็เห็นหลี่ซื่อที่กำลังนั่งอยู่ตรงนั้น
หลี่ซื่อที่อยู่ ๆ ถูกกล่าวถึงขึ้นมาจึงเกิดอาการตื่นตระหนกทันที
เมื่อนางเห็นสายตาอันลุกโชนของติ้งกั๋วกง นางก็รู้สึกคล้ายกำลังโดนจดจ้องอยู่
นางรีบตอบออกไปด้วยเสียงตะกุกตะกัก “คุณหนูใหญ่ ภาพนี้เจ้าเป็นคนวาดเลียนแบบ ท่านติ้งกั๋วกงอยากเห็นภาพของจริง เจ้าก็ไปนำมาให้ท่านติ้งกั๋วกงดูเอง ข้าตัดสินใจแทนเจ้ามิได้หรอก”
เพราะอันหลิงอีทำร้ายอันหลิงเกอมิสำเร็จจนทำให้ติดกามโรคเสียเอง หลี่ซื่อจึงรู้สึกเกลียดอันหลิงเกอมากถึงขั้นเข้ากระดูกดำ ทำให้คำที่กล่าวและน้ำเสียงดูแปลกพิกล
แต่อันหลิงเกอหาได้สนใจท่าทีของนาง ยิ่งท่าทีของหลี่ซื่อในตอนนี้ดูแย่มากเท่าไรก็ยิ่งมีประโยชน์ต่อนางมากเท่านั้น
“หลี่อี๋เหนียงตัดสินใจแทนข้ามิได้ก็จริง แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องให้ท่านอนุญาตเสียก่อน”
น้ำเสียงของอันหลิงเกอกระจ่างใส ดวงตาที่มองไปยังหลี่อี๋เหนียงเปล่งประกายระยิบระยับ สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในดวงตาคู่นั้นคือคลื่นลูกใหญ่พร้อมโหมกระหน่ำ แต่มิมีผู้ใดสามารถมองเห็น
“ภาพนี้เป็นภาพที่ท่านแม่ซื้อเอาไว้ตอนยังมีชีวิตอยู่ ต่อมาถูกเก็บรวมไว้กับสินเดิมในห้องเก็บสมบัติและกุญแจของห้องนั้นก็อยู่ในมือท่าน ท่านติ้งกั๋วกงอยากเห็นภาพจริง ข้าย่อมต้องถามท่านก่อน”
หลี่ซื่อหน้าซีดขึ้นมาทันที ในที่สุดนางเพิ่งเข้าใจวัตถุประสงค์แท้จริงของอันหลิงเกอ
มิน่าเล่า วันนี้อันหลิงเกอทำตัวสงบเสงี่ยมและอ่อนน้อมกว่าปกติ ที่แท้ก็ขุดหลุมไว้เพื่อให้นางตกลงไปนี่เอง
กุญแจห้องเก็บสินเดิมของฮูหยินใหญ่อันอยู่ที่นางจริง ตอนที่อันหลิงเกอถามนางเรื่องห้องนั้น นางให้อันหลิงเกอไปเพียงโฉนดร้านและโฉนดที่ดิน อย่างไรเสียโฉนดอยู่ในมือนางก็หาได้มีประโยชน์อันใด มิสู้ใช้มันเพื่อกันอันหลิงเกอออกไปและจักได้เลิกยุ่งกับนางเสียที
ส่วนของที่มีค่าจริง ๆ อาทิ ของโบราณ ภาพวาดและอัญมณี ล้วนถูกนางเก็บไว้ในห้อง และกุญแจก็มีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นได้ครอบครอง
ตอนนั้นนางคิดว่าอันหลิงเกอยังเด็กจึงมิรู้เรื่องอันใด หลังจากฮูหยินใหญ่อันสิ้นลม คนที่ดูแลร้านพวกนั้นก็มิฟังคำสั่งอีก นางที่เข้ามารับช่วงดูแลร้านต่อก็ไร้ความรู้ มิเพียงมิได้ประโยชน์อันใดจากร้านพวกนั้น กลับต้องใช้คนจำนวนมากเพื่อไปดูแลอีกต่างหาก
แต่ผู้ใดจักคิดกันว่าที่แท้อันหลิงเกอยังมีแผนสอง
สายตาของหลี่ซื่อกวาดมองไปโดยรอบจึงได้เห็นสายตาดูถูกเหยียดหยามหลายคู่จ้องมายังนาง
หากกล่าวตามหลักแล้วนางเป็นเพียงอนุภรรยาคนหนึ่ง เดิมมิมีสิทธิ์มางานเลี้ยงของจวนติ้งกั๋วกงด้วยซ้ำ แต่สถานการณ์ของจวนโหวอันแตกต่างตรงที่ตำแหน่งของฮูหยินใหญ่อันว่างมาหลายปีและนางก็เป็นผู้ดูแลเรื่องภายในจวนมาโดยตลอด แม้ไร้ศักดิ์เป็นฮูหยินแต่ในสายตาของผู้อื่นก็ถือว่าเป็นนายหญิงของจวนครึ่งหนึ่งแล้ว นางจึงสามารถมาเข้าร่วมงานที่แม้แต่เว่ยซื่อยังมิมีสิทธิ์เข้าร่วม
นางพยายามมาเป็นสิบปีจนสุดท้ายก็สามารถสร้างฐานอำนาจบารมี ฮูหยินที่ไปมาหาสู่กับนางก็มีมิน้อย ทว่าคนพวกนั้นส่วนใหญ่เป็นคนที่เหมือนกับนาง หากมิใช่อนุที่ถูกแต่งตั้งเป็นภรรยาเอกในภายหลังก็มักเป็นคนที่ได้มาเป็นภรรยาเอกคนที่สองต่อจากภรรยาเอกที่ตายไป
ดังนั้นคนที่สามารถมาร่วมงานวันเกิดของติ้งกั๋วกงได้ ส่วนใหญ่จักเป็นฮูหยินที่มีตำแหน่งภรรยาเอกอย่างถูกต้อง แต่เดิมพวกนางต่างก็รังเกียจเหล่าอนุอยู่แล้ว เมื่ออันหลิงเกอกล่าวเช่นนี้ยิ่งทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทันที
“ช่างน่าสงสาร เป็นถึงคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหว ทว่าแม้แต่ภาพของมารดาก็ยังตัดสินใจเองมิได้ อนุคนนี้มีอำนาจมากเกินไปแล้ว”
“มิเพียงแค่นั้นเพราะข้ายังได้ยินมาอีกว่าอนุหลี่ให้คนคอยกลั่นแกล้งคุณหนูใหญ่ตลอด หากมิใช่เพราะคุณหนูใหญ่ฉลาดหลักแหลมจนคิดค้นยารักษาโรคระบาดจนได้รับพระราชทานรางวัลจากฝ่าบาทล่ะก็ อนุภรรยาที่โหดร้ายเช่นนี้มิรู้ว่าคุณหนูใหญ่จักโดนกลั่นแกล้งมากเพียงใด”
ฮูหยินเหล่านั้นจากเดิมจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันเบา ๆ แต่เมื่อมีคนเห็นด้วยเพิ่มขึ้น เสียงกระซิบก็กลายเป็นเสียงอึกทึกขึ้นมาทันที
หลี่ซื่อที่นั่งอยู่ตรงนั้นรู้สึกราวกับว่าเก้าอี้มีหนามแหลมคมโผล่ขึ้นมาทิ่มแทง มิว่าเปลี่ยนอิริยาบถอย่างไรก็รู้สึกมิสบายอยู่ดี
คำวิจารณ์จากผู้คนโดยรอบเป็นเหมือนฝ่ามือที่ตบบนใบหน้าของนางครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ใบหน้าของนางในตอนนี้แทบเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอยู่แล้ว
นางถึงกับมิกล้าหันไปมองสายตาดูถูกพวกนั้นอีก เพราะมันทำให้นางได้รู้แจ้งแก่ใจว่าอนุภรรยาเยี่ยงตนมิมีวันสามารถเข้าไปอยู่กับเหล่าภรรยาเอกที่แท้จริงได้
ทว่าการที่อันหลิงเกออยากทำให้นางอับอายต่อหน้าผู้คน นางจักยอมให้เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ?
หลี่ซื่อกะพริบตาปริบ ๆ แสร้งทำเป็นตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน “ที่แท้ภาพนี้ก็อยู่ในห้องเก็บสมบัติด้วยหรือนี่ แหม คุณหนูใหญ่ช่างความจำดีเสียจริง ข้ากลัวว่าจักทำให้ของภายในห้องเสียหายจนมอบให้คุณหนูใหญ่ในวันแต่งงานมิได้จึงปิดห้องนั้นไว้ตลอด”
หมายความว่าห้องนั้นมีเพียงนางเป็นคนดูแล ในอนาคตก็จักมอบคืนอันหลิงเกออยู่แล้วทั้งยังปิดห้องไว้ตลอด อันหลิงเกอไปเห็นภาพนั้นได้อย่างไร ?