พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 70 มีอะไรให้ไม่ดีใจอีก
ตอนที่ 70 มีอะไรให้ไม่ดีใจอีก ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อได้ฟังอันหลิงอีกล่าวยังคงเรียบเฉย ใบหน้ายังคงเคร่งขรึม “เจ้ากล่าวมาสิว่าเกอเอ๋อทำร้ายเจ้าเยี่ยงไร ? “ อันหลิงอีร้องไห้ฟ้องด้วยน้ำตา “ท่านย่าให้พี่หญิงใหญ่พาพวกเราออกไปเดินเล่น ข้าเดินตามหลังพี่หญิงอยู่ดี ๆ แต่จู่ ๆ พี่หญิงก็ถีบข้า ข้ายืนมิมั่นคง ถึงได้ตกลงไปในน้ำเจ้าค่ะ” นางปกปิดความจริงตอนที่ทะเลาะกับอันหลิงเหมิง บอกไปเพียงว่านางถูกอันหลิงเกอถีบถึงได้ตกลงไปในน้ำ แต่ฮูหยินผู้เฒ่ามิได้โง่เขลา นางชายตามองอีกคนที่เปียกปอนอยู่ด้านข้าง “แล้วเหมิงเอ๋อล่ะตกน้ำไปได้เยี่ยงไร ? ” อันหลิงเหมิงกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากลับเรียกชื่ออันหลิงเฉ่วขึ้นมาก่อน “เฉ่วเอ๋อ เจ้ากล่าวมาสิว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่” อันหลิงเฉ่วที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้างก้มศีรษะลงแล้วเล่าในสิ่งที่นางเห็น “เรียนท่านย่าเจ้าค่ะ ตอนนั้นมิรู้เพราะเหตุอันใด จู่ ๆ น้องสามและน้องสี่ก็ทะเลาะกันขึ้นมา เดิมทีน้องสามจะเอื้อมมือไปตบหน้าน้องสี่ แต่น้องสี่พุ่งเข้าหาน้องสามก่อน ทั้งสองคนจึงตกลงไปในทะเลสาบพร้อมกัน จากนั้นพี่หญิงใหญ่จึงร้องตะโกนให้คนมาช่วยพวกนาง ส่วนเรื่องอื่น เฉ่วเอ๋อร์ก็มิทราบเจ้าค่ะ” นี่เป็นประเด็นที่เห็นซึ่งหน้า ถ้าฮูหยินผู้เฒ่าสอบถามสาวใช้พวกนั้นก็จะรู้ความเช่นนั้น อันหลิงเฉ่วจึงมิมีความจำเป็นที่จะต้องปกปิด ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า จากนั้นก็มองไปที่อันหลิงเกออีกครั้ง “อีเอ๋อบอกว่าเจ้าถีบนางเป็นเรื่องจริงรึ ? ” อันหลิงเกอเงยมองขึ้นมองฮูหยินผู้เฒ่า ด้วยแววตาที่ขอโทษ “ตอนนั้นในระหว่างที่น้องสามและน้องสี่ทะเลาะกันอยู่นั้น เดิมข้าคิดที่จะเข้าไปตักเตือนพวกนาง แต่จู่ ๆ น้องสี่ก็พุ่งเข้ามาหาข้า ข้าจึงรีบหลบ ในระหว่างที่วุ่นวายอยู่นั้นจึงเผลอถีบโดนน้องสามเข้าเจ้าค่ะ ข้าต้องขอโทษน้องสามในที่นี้ด้วย” เมื่ออันหลิงเกอกล่าวออกมาเยี่ยงนี้ เดิมเหตุก็เกิดมาเพราะอันหลิงอีและอันหลิงเหมิง สุดท้ายเรื่องก็ยังมาเกิดขึ้นจากพวกนางทั้งสองคนอีก ? ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องไปที่ทั้งสองอย่างขุ่นเคืองใจและกล่าวดุออกไปด้วยเสียงเข้ม “งานเลี้ยงกำลังราบรื่นอยู่ดี ๆ แท้ ๆ กลับถูกเจ้าสองคนทำลายเสียป่นปี้ไปหมดแล้ว ! ” เดิมทีฮูหยินได้ไปถามไถ่ว่ามีบุตรชายตระกูลไหนที่อยู่ในวัยเหมาะสมที่จะออกเรือนบ้าง จากนั้นถึงได้เชิญฮูหยินเหล่านั้นมากัน เพื่อให้อันหลิงเฉ่วได้ไปปรากฏตัวต่อหน้าบรรดาฮูหยินเหล่านั้น หากมีตระกูลไหนสนใจที่จะมาหมั้นหมาย ก็จะได้หาคนดี ๆ มาให้เฉ่วเอ๋อได้ดูจากงานเลี้ยง ? หลายคนต่างก็พากันตกใจในเวลาเดียวกัน แต่มีเพียงอันหลิงเกอที่รู้ดี ก่อนหน้านี้ท่านย่าบอกว่าต้องการจะแนะนำอาสะใภ้และอาสะใภ้สามให้กับฮูหยินและคุณหนูในเมืองหลวงได้รู้จัก แต่คนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงกลับมีเฉพาะฮูหยินเพียงเท่านั้น มิเห็นมีคุณหนูที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพวกนางเลย นี่มันก็แปลกมากแล้ว ด้วยเหตุผลนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าฮูหยินทั้งหลาย ท่านย่าจึงมิได้เอ่ยถึงอันหลิงเหมิงเลย จงใจเพียงแต่ให้ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่อันหลิงเฉ่วเพียงเท่านั้น ในขณะที่นางยกย่องฝีมือการเย็บปักถักร้อยอันหลิงเฉ่ว รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านย่าก็ยิ่งเห็นชัดมากขึ้น เมื่อก่อนอันหลิงเกอคิดแค่ว่าท่านย่าคงรักอันหลิงเฉ่วมากเพียงเท่านั้น พอได้เห็นอันหลิงเฉ่วได้รับการยกย่องจากผู้อื่นก็แลดูมีความสุขมาก แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าที่แท้พวกนางก็เป็นเพียงแค่ตัวเสริมโรง อันหลิงเฉ่วต่างหากที่เป็นตัวเอกของงานเลี้ยงนี้ เมื่อได้ฟังฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวเยี่ยงนี้แล้ว ร่องรอยของความอิจฉาและความเกลียดชังฉายชัดขึ้นในดวงตาอันหลิงอี แต่นางมิได้แสดงออกมา กลับแสดงใบหน้าที่น้อยเนื้อต่ำใจออกมาแทน “มันเป็นความผิดของอีเอ๋อเองเจ้าค่ะ ที่ทำให้งานเลี้ยงนี้เสียหาย” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเห็นท่าทางน้อยใจและความน่าสงสารของนางเช่นนี้ ใบหน้าก็อ่อนลง นึกขึ้นมาได้ว่านางเพิ่งตกลงไปในน้ำและสัมผัสกับความเย็น ก็ตำหนิมิลง “ช่างเถอะ พวกเจ้าสองคนตกลงไปในน้ำ กลับไปพักผ่อนเสีย แล้วอย่าก่อเรื่องอีกล่ะ” อันหลิงเหมิงขานรับด้วยความหวาดกลัว พร้อมกับเดินตามหลังอันหลิงอีออกไป “โง่ ! แค่เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ก็ทำมิได้ ข้าจะมีเจ้าไว้ทำไม ! ” เพิ่งจะเดินออกมาจากเรื่อฮูหยินผู้เฒ่าได้มินาน เมื่อปลอดคน อันหลิงอีก็แสดงใบหน้าโหดเหี้ยมออกมา และตบหน้าอันหลิงเหมิงไปอย่างแรง อันหลิงเหมิงกุมหน้าตัวเอง น้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตา แต่ก็ยังคงก้มหน้าขอโทษ “ทั้งหมดเป็นเพราะพี่หญิงใหญ่เจ้าเล่ห์ ถึงทำให้นางหลบหนีไปได้ ครั้งหน้านางจะมิมีทางโชคดีเยี่ยงนี้เป็นแน่เจ้าค่ะ” พวกนางทั้งสองวางแผนกันไว้อย่างดี ที่จะแกล้งทำเป็นทะเลาะกันและผลักอันหลิงเกอลงไปในน้ำระหว่างเกิดความวุ่นวาย ถ้าอันหลิงเกอจมน้ำตายไปก็ยิ่งดี แต่ถ้ามิตายก็ต้องทำให้นางได้รับความทุกข์ทรมานให้ได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าอันหลิงเกอจะมีไหวพริบถึงเพียงนี้ ถึงกับหลบเลี่ยงแผนการของพวกนางได้ และย้อนกลับมาทำให้พวกนางทั้งสองตกลงไปในน้ำแทน ได้อับอายขายขี้หน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกฮูหยินผู้เฒ่าลงโทษอีกด้วย ! อันหลิงอีกัดฟันอย่างขมขื่น “นั่นมิใช่เพราะว่าเจ้างี่เง่า มิรู้จักหาวิธีแก้ไขหรอกหรือรึ มิอย่างนั้น…” เมื่อพูดถึงตรงนี้ อันหลิงอีนึกถึงตอนที่ตัวเองถูกอันหลิงเหมิงพุ่งเข้ามาหา และตกลงไปในน้ำ เวลานั้นมีน้ำล้นทะลักเข้ามาเต็มไปหมด และทะลักเข้าไปในปากและจมูกของนาง ความรู้สึกที่หายใจมิออกเยี่ยงนั้น ตลอดชีวิตนี้นางมิอยากจะลิ้มรสมันอีก เมื่อนึกถึงตรงนี้ แววตาที่โหดเหี้ยมอำมหิตของอันหลิงอีก็เหลือบมองไปทางอันหลิงเหมิงอย่างเย็นชา “ท่านย่ากำลังโกรธอยู่ เจ้ากลับไปรออยู่ที่เรือนตนเองก่อน ถ้ามีเรื่องอันใดข้าจะใช้ให้สาวใช้ไปตามเจ้ามาเอง” อันหลิงเหมิงพยักหน้าด้วยความเคารพ ยืนมองอันหลิงอีที่เดินจากไปไกล จากนั้นถึงได้แสดงสีหน้าท่าทีที่เริ่มดูน่ากลัวและแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ถ้ามิใช่เพื่ออนาคตของตัวนางเอง นางมิมีทางทำตัวต่ำต้อยต่อหน้าอันหลิงอีเป็นแน่ เห็น ๆ กันอยู่พวกนางทั้งสองคนต่างเป็นบุตรสาวอนุและยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกันอีก แต่อันหลิงอีถือตัวว่าเป็นบุตรสาวของท่านโหว ถึงได้ทำตัวโอหังอวดดีและดุด่าทุบตีตนเองราวกับว่าตนเป็นเพียงบ่าวรับใช้ และคอยจิกหัวเรียกใช้เช่นนี้ ! อันหลิงเหมิงกำหมัดแน่นหายใจเข้าลึก ๆ อยู่นาน จากนั้นถึงได้คลายความแค้นในใจลง แล้วปรับสีหน้าท่าทีให้เป็นปกติ แล้วเดินกลับไปยังเรือนของตนเอง อันหลิงเกอที่แอบฟังทั้งสองคนก็เดินออกมาจากมุมมองหนึ่งของจวน แล้วก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ลมพัดพากลิ่นไม้สนที่คุ้นเคยมา ถึงแม้กลิ่นจะเจือจางแต่นางก็ยังรับรู้ได้ “มู่ซื่อจื่อพอใจกับการดูละครฉากนี้หรือไม่เจ้าคะ?” ทันทีที่นางกล่าวจบ ร่างสูงโปร่งของมู่จวินฮานก็เดินออกมาจากด้านหลังของพุ่มดอกไม้ เขาเดินมาด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ใบหน้าของชายหนุ่มรูปงามที่เศร้าหมอง ในตอนนี้กลับมามีรอยยิ้มที่เจ้าชู้และชั่วร้ายเช่นเดียว ราวกับชายหนุ่มเจ้าสำราญที่เยาะเย้ยถากถางสังคม “คุณหนูอันรู้ได้เยี่ยงไรว่าข้าอยู่ที่นี่ ? ” มู่จวิ้นฮานยกยิ้มมุมปากดวงตาจ้องมองอันหลิงเกอเต็มไปด้วยความรัก ทำราวกับว่าระหว่างทั้งสองมิเคยมีเรื่องบาดหมางใจต่อกันมาก่อน อันหลิงเกอที่จ้องมองมู่จวินฮานอยู่ แต่กลับเดาความคิดของเขามิถูก มิรู้ว่าเขายังโกรธตนเองอยู่ไหม จึงทำได้เพียงกล่าวคล้อยตามเขาไปว่า “มู่ซื่อจื่อมีกลิ่นกายหอมสดชื่นเยี่ยงไม้สน เมื่อสักครู่ข้าได้กลิ่นเข้าพอดี” กลิ่นหอมสดชื่นเยี่ยงไม้สน ? ดวงตาหงส์ของมู่จวินฮานกลอกกลิ้งไปมา รอยยิ้มที่มุมปากกว้างขึ้นมาเล็กน้อย คิดมิถึงว่านางจะจำได้แม้กระทั่งกลิ่นไม้สนบนกายของเขา หรือว่าภายในใจของนางมีเขาอยู่เช่นกัน ทันทีที่มีความคิดนี้ผุดขึ้นมา มู่จวินฮานที่เดิมทีคิดจะมิสนใจใยดีอันหลิงเกอสักสองสามวัน ก็ควบคุมตนเองเอาไว้มิได้อีกต่อไป ความรู้สึกน้อยใจที่ผ่านมาก็มลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที แต่เขามีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ จึงโน้มตัวลงไปหยุดอยู่ตรงหน้าอันหลิงเกอ แล้วกล่าวหยอกล้อออกไป “คุณหนูอันจำได้กระทั่งกลิ่นกายของข้า มันทำให้ข้าปลื้มใจอย่างบอกมิถูกจริง ๆ ” มู่จวิ้นฮานเลิกคิ้วขึ้น นัยน์ตาหงส์ลึกล้ำและมองการณ์ไกล “หรือว่าอันที่จริงคุณหนูอันก็ตกหลุมรักข้าอยู่แล้ว เช่นนั้นถึงได้สนใจข้ามากถึงเพียงนี้ ? ” “ท่านพูดบ้าอันใดออกมาเจ้าคะ ! ” อันหลิงเกอกล่าวตำหนิมู่จวินฮานออกไป พร้อมกับก้าวถอยหลังไปหลายก้าว พลันแก้มของนางกลับค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้น นางมิรู้ว่าเหตุใด จู่ ๆ เมื่อสักครู่ที่มู่จวินฮานเข้ามาใกล้ ในดวงตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นของเขามีเงานางสะท้อนอยู่ เป็นเหตุให้นางนึกถึงคำกล่าวที่ว่า พบเจอกับคนในดวงใจ มีหรือจะมิดีใจ ?
ตอนที่ 70 มีอะไรให้ไม่ดีใจอีก
ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อได้ฟังอันหลิงอีกล่าวยังคงเรียบเฉย ใบหน้ายังคงเคร่งขรึม
“เจ้ากล่าวมาสิว่าเกอเอ๋อทำร้ายเจ้าเยี่ยงไร ? “
อันหลิงอีร้องไห้ฟ้องด้วยน้ำตา
“ท่านย่าให้พี่หญิงใหญ่พาพวกเราออกไปเดินเล่น ข้าเดินตามหลังพี่หญิงอยู่ดี ๆ แต่จู่ ๆ พี่หญิงก็ถีบข้า ข้ายืนมิมั่นคง ถึงได้ตกลงไปในน้ำเจ้าค่ะ”
นางปกปิดความจริงตอนที่ทะเลาะกับอันหลิงเหมิง บอกไปเพียงว่านางถูกอันหลิงเกอถีบถึงได้ตกลงไปในน้ำ
แต่ฮูหยินผู้เฒ่ามิได้โง่เขลา นางชายตามองอีกคนที่เปียกปอนอยู่ด้านข้าง
“แล้วเหมิงเอ๋อล่ะตกน้ำไปได้เยี่ยงไร ? ”
อันหลิงเหมิงกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากลับเรียกชื่ออันหลิงเฉ่วขึ้นมาก่อน
“เฉ่วเอ๋อ เจ้ากล่าวมาสิว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”
อันหลิงเฉ่วที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้างก้มศีรษะลงแล้วเล่าในสิ่งที่นางเห็น
“เรียนท่านย่าเจ้าค่ะ ตอนนั้นมิรู้เพราะเหตุอันใด จู่ ๆ น้องสามและน้องสี่ก็ทะเลาะกันขึ้นมา เดิมทีน้องสามจะเอื้อมมือไปตบหน้าน้องสี่ แต่น้องสี่พุ่งเข้าหาน้องสามก่อน ทั้งสองคนจึงตกลงไปในทะเลสาบพร้อมกัน จากนั้นพี่หญิงใหญ่จึงร้องตะโกนให้คนมาช่วยพวกนาง ส่วนเรื่องอื่น เฉ่วเอ๋อร์ก็มิทราบเจ้าค่ะ”
นี่เป็นประเด็นที่เห็นซึ่งหน้า ถ้าฮูหยินผู้เฒ่าสอบถามสาวใช้พวกนั้นก็จะรู้ความเช่นนั้น อันหลิงเฉ่วจึงมิมีความจำเป็นที่จะต้องปกปิด
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า จากนั้นก็มองไปที่อันหลิงเกออีกครั้ง
“อีเอ๋อบอกว่าเจ้าถีบนางเป็นเรื่องจริงรึ ? ”
อันหลิงเกอเงยมองขึ้นมองฮูหยินผู้เฒ่า ด้วยแววตาที่ขอโทษ
“ตอนนั้นในระหว่างที่น้องสามและน้องสี่ทะเลาะกันอยู่นั้น เดิมข้าคิดที่จะเข้าไปตักเตือนพวกนาง แต่จู่ ๆ น้องสี่ก็พุ่งเข้ามาหาข้า ข้าจึงรีบหลบ ในระหว่างที่วุ่นวายอยู่นั้นจึงเผลอถีบโดนน้องสามเข้าเจ้าค่ะ ข้าต้องขอโทษน้องสามในที่นี้ด้วย”
เมื่ออันหลิงเกอกล่าวออกมาเยี่ยงนี้ เดิมเหตุก็เกิดมาเพราะอันหลิงอีและอันหลิงเหมิง
สุดท้ายเรื่องก็ยังมาเกิดขึ้นจากพวกนางทั้งสองคนอีก ?
ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องไปที่ทั้งสองอย่างขุ่นเคืองใจและกล่าวดุออกไปด้วยเสียงเข้ม
“งานเลี้ยงกำลังราบรื่นอยู่ดี ๆ แท้ ๆ กลับถูกเจ้าสองคนทำลายเสียป่นปี้ไปหมดแล้ว ! ”
เดิมทีฮูหยินได้ไปถามไถ่ว่ามีบุตรชายตระกูลไหนที่อยู่ในวัยเหมาะสมที่จะออกเรือนบ้าง
จากนั้นถึงได้เชิญฮูหยินเหล่านั้นมากัน เพื่อให้อันหลิงเฉ่วได้ไปปรากฏตัวต่อหน้าบรรดาฮูหยินเหล่านั้น หากมีตระกูลไหนสนใจที่จะมาหมั้นหมาย ก็จะได้หาคนดี ๆ มาให้เฉ่วเอ๋อได้ดูจากงานเลี้ยง ? หลายคนต่างก็พากันตกใจในเวลาเดียวกัน
แต่มีเพียงอันหลิงเกอที่รู้ดี ก่อนหน้านี้ท่านย่าบอกว่าต้องการจะแนะนำอาสะใภ้และอาสะใภ้สามให้กับฮูหยินและคุณหนูในเมืองหลวงได้รู้จัก แต่คนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงกลับมีเฉพาะฮูหยินเพียงเท่านั้น มิเห็นมีคุณหนูที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพวกนางเลย นี่มันก็แปลกมากแล้ว
ด้วยเหตุผลนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าฮูหยินทั้งหลาย ท่านย่าจึงมิได้เอ่ยถึงอันหลิงเหมิงเลย จงใจเพียงแต่ให้ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่อันหลิงเฉ่วเพียงเท่านั้น ในขณะที่นางยกย่องฝีมือการเย็บปักถักร้อยอันหลิงเฉ่ว รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านย่าก็ยิ่งเห็นชัดมากขึ้น
เมื่อก่อนอันหลิงเกอคิดแค่ว่าท่านย่าคงรักอันหลิงเฉ่วมากเพียงเท่านั้น พอได้เห็นอันหลิงเฉ่วได้รับการยกย่องจากผู้อื่นก็แลดูมีความสุขมาก แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าที่แท้พวกนางก็เป็นเพียงแค่ตัวเสริมโรง อันหลิงเฉ่วต่างหากที่เป็นตัวเอกของงานเลี้ยงนี้
เมื่อได้ฟังฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวเยี่ยงนี้แล้ว ร่องรอยของความอิจฉาและความเกลียดชังฉายชัดขึ้นในดวงตาอันหลิงอี แต่นางมิได้แสดงออกมา กลับแสดงใบหน้าที่น้อยเนื้อต่ำใจออกมาแทน
“มันเป็นความผิดของอีเอ๋อเองเจ้าค่ะ ที่ทำให้งานเลี้ยงนี้เสียหาย”
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเห็นท่าทางน้อยใจและความน่าสงสารของนางเช่นนี้ ใบหน้าก็อ่อนลง นึกขึ้นมาได้ว่านางเพิ่งตกลงไปในน้ำและสัมผัสกับความเย็น ก็ตำหนิมิลง
“ช่างเถอะ พวกเจ้าสองคนตกลงไปในน้ำ กลับไปพักผ่อนเสีย แล้วอย่าก่อเรื่องอีกล่ะ”
อันหลิงเหมิงขานรับด้วยความหวาดกลัว พร้อมกับเดินตามหลังอันหลิงอีออกไป
“โง่ ! แค่เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ก็ทำมิได้ ข้าจะมีเจ้าไว้ทำไม ! ”
เพิ่งจะเดินออกมาจากเรื่อฮูหยินผู้เฒ่าได้มินาน เมื่อปลอดคน อันหลิงอีก็แสดงใบหน้าโหดเหี้ยมออกมา และตบหน้าอันหลิงเหมิงไปอย่างแรง
อันหลิงเหมิงกุมหน้าตัวเอง น้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตา แต่ก็ยังคงก้มหน้าขอโทษ
“ทั้งหมดเป็นเพราะพี่หญิงใหญ่เจ้าเล่ห์ ถึงทำให้นางหลบหนีไปได้ ครั้งหน้านางจะมิมีทางโชคดีเยี่ยงนี้เป็นแน่เจ้าค่ะ”
พวกนางทั้งสองวางแผนกันไว้อย่างดี ที่จะแกล้งทำเป็นทะเลาะกันและผลักอันหลิงเกอลงไปในน้ำระหว่างเกิดความวุ่นวาย ถ้าอันหลิงเกอจมน้ำตายไปก็ยิ่งดี แต่ถ้ามิตายก็ต้องทำให้นางได้รับความทุกข์ทรมานให้ได้
แต่ใครจะไปรู้ว่าอันหลิงเกอจะมีไหวพริบถึงเพียงนี้ ถึงกับหลบเลี่ยงแผนการของพวกนางได้ และย้อนกลับมาทำให้พวกนางทั้งสองตกลงไปในน้ำแทน ได้อับอายขายขี้หน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกฮูหยินผู้เฒ่าลงโทษอีกด้วย !
อันหลิงอีกัดฟันอย่างขมขื่น
“นั่นมิใช่เพราะว่าเจ้างี่เง่า มิรู้จักหาวิธีแก้ไขหรอกหรือรึ มิอย่างนั้น…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ อันหลิงอีนึกถึงตอนที่ตัวเองถูกอันหลิงเหมิงพุ่งเข้ามาหา และตกลงไปในน้ำ
เวลานั้นมีน้ำล้นทะลักเข้ามาเต็มไปหมด และทะลักเข้าไปในปากและจมูกของนาง ความรู้สึกที่หายใจมิออกเยี่ยงนั้น ตลอดชีวิตนี้นางมิอยากจะลิ้มรสมันอีก
เมื่อนึกถึงตรงนี้ แววตาที่โหดเหี้ยมอำมหิตของอันหลิงอีก็เหลือบมองไปทางอันหลิงเหมิงอย่างเย็นชา
“ท่านย่ากำลังโกรธอยู่ เจ้ากลับไปรออยู่ที่เรือนตนเองก่อน ถ้ามีเรื่องอันใดข้าจะใช้ให้สาวใช้ไปตามเจ้ามาเอง”
อันหลิงเหมิงพยักหน้าด้วยความเคารพ ยืนมองอันหลิงอีที่เดินจากไปไกล จากนั้นถึงได้แสดงสีหน้าท่าทีที่เริ่มดูน่ากลัวและแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ถ้ามิใช่เพื่ออนาคตของตัวนางเอง นางมิมีทางทำตัวต่ำต้อยต่อหน้าอันหลิงอีเป็นแน่ เห็น ๆ กันอยู่พวกนางทั้งสองคนต่างเป็นบุตรสาวอนุและยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกันอีก แต่อันหลิงอีถือตัวว่าเป็นบุตรสาวของท่านโหว ถึงได้ทำตัวโอหังอวดดีและดุด่าทุบตีตนเองราวกับว่าตนเป็นเพียงบ่าวรับใช้ และคอยจิกหัวเรียกใช้เช่นนี้ !
อันหลิงเหมิงกำหมัดแน่นหายใจเข้าลึก ๆ อยู่นาน จากนั้นถึงได้คลายความแค้นในใจลง แล้วปรับสีหน้าท่าทีให้เป็นปกติ แล้วเดินกลับไปยังเรือนของตนเอง
อันหลิงเกอที่แอบฟังทั้งสองคนก็เดินออกมาจากมุมมองหนึ่งของจวน แล้วก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ลมพัดพากลิ่นไม้สนที่คุ้นเคยมา ถึงแม้กลิ่นจะเจือจางแต่นางก็ยังรับรู้ได้
“มู่ซื่อจื่อพอใจกับการดูละครฉากนี้หรือไม่เจ้าคะ?”
ทันทีที่นางกล่าวจบ ร่างสูงโปร่งของมู่จวินฮานก็เดินออกมาจากด้านหลังของพุ่มดอกไม้ เขาเดินมาด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ใบหน้าของชายหนุ่มรูปงามที่เศร้าหมอง ในตอนนี้กลับมามีรอยยิ้มที่เจ้าชู้และชั่วร้ายเช่นเดียว ราวกับชายหนุ่มเจ้าสำราญที่เยาะเย้ยถากถางสังคม
“คุณหนูอันรู้ได้เยี่ยงไรว่าข้าอยู่ที่นี่ ? ”
มู่จวิ้นฮานยกยิ้มมุมปากดวงตาจ้องมองอันหลิงเกอเต็มไปด้วยความรัก ทำราวกับว่าระหว่างทั้งสองมิเคยมีเรื่องบาดหมางใจต่อกันมาก่อน
อันหลิงเกอที่จ้องมองมู่จวินฮานอยู่ แต่กลับเดาความคิดของเขามิถูก มิรู้ว่าเขายังโกรธตนเองอยู่ไหม จึงทำได้เพียงกล่าวคล้อยตามเขาไปว่า “มู่ซื่อจื่อมีกลิ่นกายหอมสดชื่นเยี่ยงไม้สน เมื่อสักครู่ข้าได้กลิ่นเข้าพอดี”
กลิ่นหอมสดชื่นเยี่ยงไม้สน ?
ดวงตาหงส์ของมู่จวินฮานกลอกกลิ้งไปมา รอยยิ้มที่มุมปากกว้างขึ้นมาเล็กน้อย คิดมิถึงว่านางจะจำได้แม้กระทั่งกลิ่นไม้สนบนกายของเขา หรือว่าภายในใจของนางมีเขาอยู่เช่นกัน ทันทีที่มีความคิดนี้ผุดขึ้นมา มู่จวินฮานที่เดิมทีคิดจะมิสนใจใยดีอันหลิงเกอสักสองสามวัน ก็ควบคุมตนเองเอาไว้มิได้อีกต่อไป ความรู้สึกน้อยใจที่ผ่านมาก็มลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที
แต่เขามีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ จึงโน้มตัวลงไปหยุดอยู่ตรงหน้าอันหลิงเกอ แล้วกล่าวหยอกล้อออกไป
“คุณหนูอันจำได้กระทั่งกลิ่นกายของข้า มันทำให้ข้าปลื้มใจอย่างบอกมิถูกจริง ๆ ”
มู่จวิ้นฮานเลิกคิ้วขึ้น นัยน์ตาหงส์ลึกล้ำและมองการณ์ไกล
“หรือว่าอันที่จริงคุณหนูอันก็ตกหลุมรักข้าอยู่แล้ว เช่นนั้นถึงได้สนใจข้ามากถึงเพียงนี้ ? ”
“ท่านพูดบ้าอันใดออกมาเจ้าคะ ! ”
อันหลิงเกอกล่าวตำหนิมู่จวินฮานออกไป พร้อมกับก้าวถอยหลังไปหลายก้าว
พลันแก้มของนางกลับค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้น นางมิรู้ว่าเหตุใด จู่ ๆ เมื่อสักครู่ที่มู่จวินฮานเข้ามาใกล้
ในดวงตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นของเขามีเงานางสะท้อนอยู่ เป็นเหตุให้นางนึกถึงคำกล่าวที่ว่า พบเจอกับคนในดวงใจ มีหรือจะมิดีใจ ?