พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 75 ไปตรวจค้น
ตอนที่ 75 ไปตรวจค้น การบุกรุกของบ่าวรับใช้เหล่านั้นพลันหยุดลง พวกเขาหันมาคำนับอันหลิงเกอที่แสดงสีหน้ามิพึงพอใจเป็นอย่างมาก นางกวาดสายตาเย็นชามองบ่าวรับใช้เหล่านั้นทีละคน จากนั้นก็ชี้ไปที่บ่าวผู้หนึ่งแล้วเอ่ยถามเสียงเข้ม “บอกข้ามาว่าเหตุใดพวกเจ้าจึงบุกรุกเรือนของข้า หากมิมีเหตุผลดีพอ ข้าจักเรียนท่านพ่อให้นำตัวพวกเจ้าไปเฆี่ยนคนละ 20 ไม้ ” “เรียนคุณหนูใหญ่ ท่านอย่ามีโทสะไปเลยขอรับ พวกข้าน้อยได้รับคำสั่งจากฮูหยินรองให้มาค้นเรือนฉีอู๋ มิใช่การบุกรุกหรอกขอรับ” “พวกเจ้าช่างกล้า แม้แต่เรือนฉีอู๋ของคุณหนูใหญ่ยังกล้าบุกเข้ามาแล้วบอกว่ามิใช่การบุกรุกได้อย่างไร ? ” ปี้จูกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันออกไป ดวงตากลมโตของนางจ้องเขม็งไปยังบ่าวรับใช้เหล่านั้น “แม้ว่าคุณหนูใหญ่จักอ่อนโยนและใจดี พวกเจ้าก็อย่าคิดรังแกกันได้ง่าย ๆ พวกเจ้าแต่ละคนมิรู้จักประมาณตนเสียเลย กล้ามาวางอํานาจใส่เรือนฉีอู๋เยี่ยงนี้” คำกล่าวของปี้จูเป็นเหตุให้ใบหน้าของบ่าวรับใช้เหล่านั้นแสดงท่าทีอึดอัดใจออกมา “ฮูหยินรองสั่งให้พวกข้าน้อยมาค้นเรือนฉีอู๋ พวกข้าน้อยมิอาจปฏิเสธได้ขอรับ ! ” แม้หวังซื่อจักแย่งสิทธิ์อำนาจในการดูแลห้องเก็บสมบัติจากมือของหลี่ซื่อไปแล้ว ทว่าเรื่องต่าง ๆ ในจวนโหวยังถูกปกครองโดยหลี่ซื่อ บ่าวรับใช้เหล่านี้มีหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยของจวนโหวจึงต้องอยู่ภายใต้อำนาจของหลี่ซื่อไปโดยปริยาย อันหลิงเกอได้ฟังเยี่ยงนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น ดวงตาทอประกายแข็งกร้าวจ้องมองบ่าวเหล่านั้น “อี๋เหนียงสั่งให้พวกเจ้ามาค้นเรือนของข้าหรือ ? ” “ขอรับคุณหนูใหญ่ หากมิมีคำสั่งของฮูหยินรอง พวกข้าน้อยจักกล้าตรวจค้นเรือนคุณหนูใหญ่ได้เยี่ยงไร เพียงเพราะฮูหยินรองมีคำสั่ง พวกข้าน้อยจึงมิอาจปฏิเสธได้ ขอคุณหนูใหญ่อย่าทำให้พวกข้าน้อยลำบากเลยขอรับ” “ข้ามิทำให้พวกเจ้าลำบากหรอก” อันหลิงเกอกระตุกยิ้มมุมปาก “พวกเจ้าต้องบอกข้าว่าอี๋เหนียงสั่งค้นทุกเรือนในจวนหรือสั่งค้นแค่เรือนของข้าเท่านั่น?” บ่าวรับใช้เหล่านั้นหันไปสบตากันโดยมิรู้จักกล่าวเยี่ยงไรดี ปี้จูยกมือเท้าสะเอวแล้วจ้องเขม็ง “เหตุใดพวกเจ้ามิตอบคุณหนูใหญ่ ? แม้แต่คำถามนี้ก็ตอบมิได้เชียวหรือ ? คงมิใช่ว่าพวกเจ้าสร้างข้ออ้างขึ้นมาเองเพื่อเข้าไปในเรือนของคุณหนูใหญ่หวังลักขโมยหรอกนะ ? สมบัติของคุณหนูใหญ่มีมิน้อย หากพวกเจ้าหยิบไปบ้าง…” “มิกล้า ! มิกล้าขอรับ ! พวกข้าน้อยมิกล้าขอรับ” บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งรีบปฏิเสธ “เรียนคุณหนูใหญ่ ฮูหยินรองสั่งให้พวกข้าน้อยมาค้นเรือนท่านผู้เดียวขอรับ ส่วนเรือนผู้อื่นนั้นยังมิมี…ความผิดปกติอันใดขอรับ” มิมีความผิดปกติอันใดอย่างนั้นหรือ ? หมายความว่ามิได้สั่งคนไปค้นเรือนอื่นสินะ ? เมื่อคิดได้เช่นนี้ อันหลิงเกอก็ยกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาฉายแววน่ากลัวขึ้นมาจนเป็นเหตุให้บ่าวเหล่านั้นรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งกาย “ที่เรือนผู้อื่นมิมีความผิดปกติอันใด อี๋เหนียงสั่งคนมาค้นแต่เรือนของข้าหมายความว่าเยี่ยงไร ? ” อันหลิงเกอถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา มิสามารถคาดเดาได้ว่านางกำลังคิดอันใดอยู่ เป็นเหตุให้บ่าวเหล่านั้นรู้สึกกลัวจนมิกล้าขยับตัวไปไหน ได้แต่ก้มหน้าเอาไว้ มิกล้าเงยหน้ามองอันหลิงเกอ “พวกข้าน้อยก็มิเข้าใจเช่นกันขอรับ เราทำตามคำสั่งเท่านั้น คุณหนูใหญ่โปรดให้ความร่วมมือด้วยขอรับ” บ่าวรับใช้คนเดิมข่มความหวาดกลัวเอาไว้แล้วกล่าวทั้งที่ยังก้มหน้า แสดงถึงความแน่วแน่ที่จักเข้าไปค้นเรือนตามคำสั่ง ปี้จูหัวเราะเยาะออกมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาบอกคุณหนูใหญ่ให้ความร่วมมือ ? คุณหนูใหญ่เป็นเจ้านายตัวจริงแห่งจวนโหวและเป็นบุตรสาวคนโตของท่านโหว ฐานะสูงส่งเยี่ยงนี้ แต่พวกเจ้าอยากบุกค้นเรือนคุณหนูใหญ่แล้วยังกล้าขอร้องให้มอบความร่วมมือ ผู้ใดกันที่มอบความใจกล้าเช่นนี้แก่พวกเจ้า ? ” หลายวันมานี้ปี้จูต้องรับมือกับการวางอำนาจในเรือนฉีอู๋จากแม่นมจ้าว คำพูดคำจาของนางจึงร้ายกาจขึ้นมาก เพียงนางกล่าวมิกี่คำก็ทำให้บ่าวรับเหล่านั้นรู้สึกละอายใจขึ้นมาจนนิ่งเงียบพูดอันใดมิออก “ช่างเถิด ข้ามิทำให้พวกเจ้าลำบากใจหรอก” อันหลิงเกอเข้าใจความลำบากของบ่าวรับใช้พวกนี้ดี “ในเมื่อเป็นคำสั่งของอี๋เหนียง พวกเจ้าก็ไปเรียกอี๋เหนียงมาเพื่อให้นางมอบเหตุผลที่บุกค้นเรือนของข้า หากว่าเหตุผลมากพอ ข้าจักยอมให้พวกเจ้าค้น” เมื่อได้ฟังอันหลิงเกอกล่าวมาเช่นนี้ พวกเขาก็แสดงท่าทีลำบากใจหนักกว่าเดิม บ่าวเยี่ยงพวกตนจักกล้าสอบถามฮูหยินรองได้หรือ ในยามที่พวกเขากำลังจักขอร้องอันหลิงเกอก็ได้ยินเสียงของหลี่ซื่อดังขึ้นมาจากด้านหลัง “เกอเอ๋อกำลังทำอันใดอยู่หรือ? บ่าวรับใช้พวกนี้ทำอันใดให้เจ้ามิพอใจเล่า ? ” หลี่ซื่อถามอันหลิงเกอด้วยท่าทีเป็นห่วง แต่เมื่อเหลือบตาไปทางบ่าวรับใช้ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “ข้าให้พวกเจ้ามาค้นเรือนคุณหนูใหญ่แล้วมัวทำอันใดอยู่ตรงนี้ ยังมิรีบไปตรวจค้นอีกหรือ” “หยุดก่อน ! ” อันหลิงเกอร้องเรียกพวกเขาแล้วหันไปจ้องหลี่ซื่อ “อี๋เหนียงสั่งให้บ่าวรับใช้ตรวจค้นเรือนของข้า ท่านต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมใช่หรือไม่ ? ” “ข้าทำเยี่ยงนี้ย่อมมีเหตุผลอยู่แล้ว” หลี่ซื่อเอ่ยพร้อมรอยยิ้มแต่แววตาแข็งกระด้าง “เนื่องจากวันนี้มีบ่าวมารายงานว่าเห็นโจรบุกเข้าจวน มิรู้ว่าขโมยสิ่งใดไปบ้าง พวกเขาจึงตามจับโจรมาถึงที่นี่” “แต่เพราะเรือนฉีอู๋เป็นของเจ้า พวกเขาจึงมิกล้าบุกเข้าไปและมารายงานเรื่องนี้แก่ข้า กอปรกับเรื่องที่ห้องเก็บสมบัติโดนบุกรุกเมื่อครั้งก่อนยังตามหาผู้ร้ายมิเจอ ข้าคิดว่าโจรคนนี้อาจเป็นคนเดียวกับครั้งก่อน เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้นข้าก็คำนึงถึงความปลอดภัยของเกอเอ๋อจึงสั่งให้พวกเขาตรวจค้นเรือนฉีอู๋” คำกล่าวของหลี่ซื่อแสดงถึงความหวังดีต่อจวนโหวและอันหลิงเกอเป็นอย่างมาก อันหลิงเกอจ้องมองหลี่ซื่อครู่หนึ่งแล้วหัวเราะออกมา “ในเมื่ออี๋เหนียงเป็นห่วงข้าถึงเพียงนี้ ข้าก็จักมิรั้งพวกเขาอีกแล้ว ปี้จูเปิดทางให้พวกเขาเข้าไปตรวจค้นเถิด” ปี้จูตอบรับแล้วเปิดทางให้พวกเขาเข้าไป เมื่อเห็นเยี่ยงนั้นหลี่ซื่อก็ยกยิ้มมุมปากอย่างย่ามใจ รอคอยการค้นหาสิ่งของเหล่านั้นออกมาแล้วอันหลิงเกอก็จักกลายเป็นหัวขโมยทันที มิแน่เรื่องนี้อาจร้ายแรงจนโดนยกเลิกการสมรสระหว่างมู่ซื่อจื่อก็ได้ หลี่ซื่อรออยู่ครู่หนึ่ง พวกบ่าวรับใช้ที่เข้าไปตรวจค้นก็ออกมารายงาน “เรียนฮูหยินรอง ในเรือนของคุณหนูใหญ่มิมีสิ่งแปลกปลอมเลยขอรับ” “เป็นไปมิได้” หลีซื่อเอ่ยสวนเสียงดังลั่น เมื่อนึกได้ว่าแสดงกิริยามิเหมาะสมออกมาจึงค่อย ๆ ปรับท่าทีให้เป็นปกติ “พวกเจ้ามารายงานข้าเองมิใช่หรือว่าโจรหลบหนีเข้าไปในเรือนคุณหนูใหญ่ จักมิพบสิ่งผิดปกติได้อย่างไร ? เยี่ยงนั้นพวกเจ้ารีบเข้าไปค้นอีกรอบ ห้ามให้โจรที่หลบซ่อนอยู่ลอบทำร้ายคุณหนูใหญ่เด็ดขาด” หลี่ซื่อแสร้งห่วงใยและสั่งให้บ่าวรับใช้ไปตรวจค้นอีกครั้ง แม้แต่แม่นมจ้าวที่อยู่ข้างกายของอันหลิงเกอยังเห็นด้วยกับคำสั่งของหลี่ซื่อ “พวกเจ้าไปตรวจค้นให้ดี ห้ามปล่อยโจรหลบหนีไปได้ มิเช่นนั้นข้าจัดการพวกเจ้าแน่”
ตอนที่ 75 ไปตรวจค้น
การบุกรุกของบ่าวรับใช้เหล่านั้นพลันหยุดลง พวกเขาหันมาคำนับอันหลิงเกอที่แสดงสีหน้ามิพึงพอใจเป็นอย่างมาก
นางกวาดสายตาเย็นชามองบ่าวรับใช้เหล่านั้นทีละคน จากนั้นก็ชี้ไปที่บ่าวผู้หนึ่งแล้วเอ่ยถามเสียงเข้ม
“บอกข้ามาว่าเหตุใดพวกเจ้าจึงบุกรุกเรือนของข้า หากมิมีเหตุผลดีพอ ข้าจักเรียนท่านพ่อให้นำตัวพวกเจ้าไปเฆี่ยนคนละ 20 ไม้ ”
“เรียนคุณหนูใหญ่ ท่านอย่ามีโทสะไปเลยขอรับ พวกข้าน้อยได้รับคำสั่งจากฮูหยินรองให้มาค้นเรือนฉีอู๋ มิใช่การบุกรุกหรอกขอรับ”
“พวกเจ้าช่างกล้า แม้แต่เรือนฉีอู๋ของคุณหนูใหญ่ยังกล้าบุกเข้ามาแล้วบอกว่ามิใช่การบุกรุกได้อย่างไร ? ”
ปี้จูกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันออกไป ดวงตากลมโตของนางจ้องเขม็งไปยังบ่าวรับใช้เหล่านั้น
“แม้ว่าคุณหนูใหญ่จักอ่อนโยนและใจดี พวกเจ้าก็อย่าคิดรังแกกันได้ง่าย ๆ พวกเจ้าแต่ละคนมิรู้จักประมาณตนเสียเลย กล้ามาวางอํานาจใส่เรือนฉีอู๋เยี่ยงนี้”
คำกล่าวของปี้จูเป็นเหตุให้ใบหน้าของบ่าวรับใช้เหล่านั้นแสดงท่าทีอึดอัดใจออกมา
“ฮูหยินรองสั่งให้พวกข้าน้อยมาค้นเรือนฉีอู๋ พวกข้าน้อยมิอาจปฏิเสธได้ขอรับ ! ”
แม้หวังซื่อจักแย่งสิทธิ์อำนาจในการดูแลห้องเก็บสมบัติจากมือของหลี่ซื่อไปแล้ว ทว่าเรื่องต่าง ๆ ในจวนโหวยังถูกปกครองโดยหลี่ซื่อ
บ่าวรับใช้เหล่านี้มีหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยของจวนโหวจึงต้องอยู่ภายใต้อำนาจของหลี่ซื่อไปโดยปริยาย
อันหลิงเกอได้ฟังเยี่ยงนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น ดวงตาทอประกายแข็งกร้าวจ้องมองบ่าวเหล่านั้น
“อี๋เหนียงสั่งให้พวกเจ้ามาค้นเรือนของข้าหรือ ? ”
“ขอรับคุณหนูใหญ่ หากมิมีคำสั่งของฮูหยินรอง พวกข้าน้อยจักกล้าตรวจค้นเรือนคุณหนูใหญ่ได้เยี่ยงไร เพียงเพราะฮูหยินรองมีคำสั่ง พวกข้าน้อยจึงมิอาจปฏิเสธได้ ขอคุณหนูใหญ่อย่าทำให้พวกข้าน้อยลำบากเลยขอรับ”
“ข้ามิทำให้พวกเจ้าลำบากหรอก”
อันหลิงเกอกระตุกยิ้มมุมปาก
“พวกเจ้าต้องบอกข้าว่าอี๋เหนียงสั่งค้นทุกเรือนในจวนหรือสั่งค้นแค่เรือนของข้าเท่านั่น?”
บ่าวรับใช้เหล่านั้นหันไปสบตากันโดยมิรู้จักกล่าวเยี่ยงไรดี
ปี้จูยกมือเท้าสะเอวแล้วจ้องเขม็ง
“เหตุใดพวกเจ้ามิตอบคุณหนูใหญ่ ? แม้แต่คำถามนี้ก็ตอบมิได้เชียวหรือ ? คงมิใช่ว่าพวกเจ้าสร้างข้ออ้างขึ้นมาเองเพื่อเข้าไปในเรือนของคุณหนูใหญ่หวังลักขโมยหรอกนะ ? สมบัติของคุณหนูใหญ่มีมิน้อย หากพวกเจ้าหยิบไปบ้าง…”
“มิกล้า ! มิกล้าขอรับ ! พวกข้าน้อยมิกล้าขอรับ”
บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งรีบปฏิเสธ
“เรียนคุณหนูใหญ่ ฮูหยินรองสั่งให้พวกข้าน้อยมาค้นเรือนท่านผู้เดียวขอรับ ส่วนเรือนผู้อื่นนั้นยังมิมี…ความผิดปกติอันใดขอรับ”
มิมีความผิดปกติอันใดอย่างนั้นหรือ ? หมายความว่ามิได้สั่งคนไปค้นเรือนอื่นสินะ ?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ อันหลิงเกอก็ยกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาฉายแววน่ากลัวขึ้นมาจนเป็นเหตุให้บ่าวเหล่านั้นรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งกาย
“ที่เรือนผู้อื่นมิมีความผิดปกติอันใด อี๋เหนียงสั่งคนมาค้นแต่เรือนของข้าหมายความว่าเยี่ยงไร ? ”
อันหลิงเกอถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา มิสามารถคาดเดาได้ว่านางกำลังคิดอันใดอยู่ เป็นเหตุให้บ่าวเหล่านั้นรู้สึกกลัวจนมิกล้าขยับตัวไปไหน ได้แต่ก้มหน้าเอาไว้ มิกล้าเงยหน้ามองอันหลิงเกอ
“พวกข้าน้อยก็มิเข้าใจเช่นกันขอรับ เราทำตามคำสั่งเท่านั้น คุณหนูใหญ่โปรดให้ความร่วมมือด้วยขอรับ”
บ่าวรับใช้คนเดิมข่มความหวาดกลัวเอาไว้แล้วกล่าวทั้งที่ยังก้มหน้า แสดงถึงความแน่วแน่ที่จักเข้าไปค้นเรือนตามคำสั่ง
ปี้จูหัวเราะเยาะออกมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาบอกคุณหนูใหญ่ให้ความร่วมมือ ? คุณหนูใหญ่เป็นเจ้านายตัวจริงแห่งจวนโหวและเป็นบุตรสาวคนโตของท่านโหว ฐานะสูงส่งเยี่ยงนี้ แต่พวกเจ้าอยากบุกค้นเรือนคุณหนูใหญ่แล้วยังกล้าขอร้องให้มอบความร่วมมือ ผู้ใดกันที่มอบความใจกล้าเช่นนี้แก่พวกเจ้า ? ”
หลายวันมานี้ปี้จูต้องรับมือกับการวางอำนาจในเรือนฉีอู๋จากแม่นมจ้าว คำพูดคำจาของนางจึงร้ายกาจขึ้นมาก เพียงนางกล่าวมิกี่คำก็ทำให้บ่าวรับเหล่านั้นรู้สึกละอายใจขึ้นมาจนนิ่งเงียบพูดอันใดมิออก
“ช่างเถิด ข้ามิทำให้พวกเจ้าลำบากใจหรอก”
อันหลิงเกอเข้าใจความลำบากของบ่าวรับใช้พวกนี้ดี
“ในเมื่อเป็นคำสั่งของอี๋เหนียง พวกเจ้าก็ไปเรียกอี๋เหนียงมาเพื่อให้นางมอบเหตุผลที่บุกค้นเรือนของข้า หากว่าเหตุผลมากพอ ข้าจักยอมให้พวกเจ้าค้น”
เมื่อได้ฟังอันหลิงเกอกล่าวมาเช่นนี้ พวกเขาก็แสดงท่าทีลำบากใจหนักกว่าเดิม บ่าวเยี่ยงพวกตนจักกล้าสอบถามฮูหยินรองได้หรือ ในยามที่พวกเขากำลังจักขอร้องอันหลิงเกอก็ได้ยินเสียงของหลี่ซื่อดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“เกอเอ๋อกำลังทำอันใดอยู่หรือ? บ่าวรับใช้พวกนี้ทำอันใดให้เจ้ามิพอใจเล่า ? ”
หลี่ซื่อถามอันหลิงเกอด้วยท่าทีเป็นห่วง แต่เมื่อเหลือบตาไปทางบ่าวรับใช้ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
“ข้าให้พวกเจ้ามาค้นเรือนคุณหนูใหญ่แล้วมัวทำอันใดอยู่ตรงนี้ ยังมิรีบไปตรวจค้นอีกหรือ”
“หยุดก่อน ! ”
อันหลิงเกอร้องเรียกพวกเขาแล้วหันไปจ้องหลี่ซื่อ
“อี๋เหนียงสั่งให้บ่าวรับใช้ตรวจค้นเรือนของข้า ท่านต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมใช่หรือไม่ ? ”
“ข้าทำเยี่ยงนี้ย่อมมีเหตุผลอยู่แล้ว”
หลี่ซื่อเอ่ยพร้อมรอยยิ้มแต่แววตาแข็งกระด้าง
“เนื่องจากวันนี้มีบ่าวมารายงานว่าเห็นโจรบุกเข้าจวน มิรู้ว่าขโมยสิ่งใดไปบ้าง พวกเขาจึงตามจับโจรมาถึงที่นี่”
“แต่เพราะเรือนฉีอู๋เป็นของเจ้า พวกเขาจึงมิกล้าบุกเข้าไปและมารายงานเรื่องนี้แก่ข้า
กอปรกับเรื่องที่ห้องเก็บสมบัติโดนบุกรุกเมื่อครั้งก่อนยังตามหาผู้ร้ายมิเจอ ข้าคิดว่าโจรคนนี้อาจเป็นคนเดียวกับครั้งก่อน เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้นข้าก็คำนึงถึงความปลอดภัยของเกอเอ๋อจึงสั่งให้พวกเขาตรวจค้นเรือนฉีอู๋”
คำกล่าวของหลี่ซื่อแสดงถึงความหวังดีต่อจวนโหวและอันหลิงเกอเป็นอย่างมาก
อันหลิงเกอจ้องมองหลี่ซื่อครู่หนึ่งแล้วหัวเราะออกมา
“ในเมื่ออี๋เหนียงเป็นห่วงข้าถึงเพียงนี้ ข้าก็จักมิรั้งพวกเขาอีกแล้ว ปี้จูเปิดทางให้พวกเขาเข้าไปตรวจค้นเถิด”
ปี้จูตอบรับแล้วเปิดทางให้พวกเขาเข้าไป เมื่อเห็นเยี่ยงนั้นหลี่ซื่อก็ยกยิ้มมุมปากอย่างย่ามใจ รอคอยการค้นหาสิ่งของเหล่านั้นออกมาแล้วอันหลิงเกอก็จักกลายเป็นหัวขโมยทันที มิแน่เรื่องนี้อาจร้ายแรงจนโดนยกเลิกการสมรสระหว่างมู่ซื่อจื่อก็ได้
หลี่ซื่อรออยู่ครู่หนึ่ง พวกบ่าวรับใช้ที่เข้าไปตรวจค้นก็ออกมารายงาน
“เรียนฮูหยินรอง ในเรือนของคุณหนูใหญ่มิมีสิ่งแปลกปลอมเลยขอรับ”
“เป็นไปมิได้”
หลีซื่อเอ่ยสวนเสียงดังลั่น เมื่อนึกได้ว่าแสดงกิริยามิเหมาะสมออกมาจึงค่อย ๆ ปรับท่าทีให้เป็นปกติ
“พวกเจ้ามารายงานข้าเองมิใช่หรือว่าโจรหลบหนีเข้าไปในเรือนคุณหนูใหญ่ จักมิพบสิ่งผิดปกติได้อย่างไร ? เยี่ยงนั้นพวกเจ้ารีบเข้าไปค้นอีกรอบ ห้ามให้โจรที่หลบซ่อนอยู่ลอบทำร้ายคุณหนูใหญ่เด็ดขาด”
หลี่ซื่อแสร้งห่วงใยและสั่งให้บ่าวรับใช้ไปตรวจค้นอีกครั้ง แม้แต่แม่นมจ้าวที่อยู่ข้างกายของอันหลิงเกอยังเห็นด้วยกับคำสั่งของหลี่ซื่อ
“พวกเจ้าไปตรวจค้นให้ดี ห้ามปล่อยโจรหลบหนีไปได้ มิเช่นนั้นข้าจัดการพวกเจ้าแน่”