พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 83 หวังซื่อตั้งครรภ์
ตอนที่ 83 หวังซื่อตั้งครรภ์ เมื่อล้มไปที่พื้น หวังซื่อก็รู้สึกเจ็บปวดบริเวณท้องน้อย รู้สึกเหมือนมีของเหลวอุ่น ๆ ไหลออกมาระหว่างต้นขา นางจึงใช้มือลูบตามสัญชาตญาณแต่สัมผัสโดนโลหิตเต็มมือ “เลือด ! เลือด ! ” อันหลิงอีกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ ตัวสั่นแล้วถอยหลังไปก้าวหนึ่ง คาดมิถึงว่าเพียงแค่ใช้มือผลักไปทีหนึ่ง เหตุใดหวังซื่อจึงมีโลหิตไหลออกมา เห็นโลหิตตรงหน้ายิ่งอยู่ยิ่งมาก สีหน้าหวังซื่อเริ่มซีดเผือด ในที่สุดอันหลิงอีก็รู้สึกถึงความผิดปกติจึงรีบให้บ่าวไปเรียกหมอทันที … “นายหญิงรองตั้งครรภ์ขอรับ” หมอโบกมือให้ฮูหยินผู้เฒ่าแล้วพูดอย่างจริงจัง “ทว่านางถูกผลักจึงทำให้เสี่ยงต่อการแท้งบุตร โชคดีที่ครานี้มิร้ายแรง ข้าน้อยได้จัดยาบำรุงครรภ์ ต่อไปนายหญิงรองต้องระวังให้มากขอรับ” “พระโพธิสัตว์อวยพร” ฮูหยินผู้เฒ่ายกมือกุมหน้าอกไว้พร้อมหายใจยาวด้วยความโล่งอก นางส่งสายตาให้บ่าวเดินตามท่านหมอออกไปจากจวน อันหลิงอียืนนิ่งอยู่ด้านข้าง มิกล้าเงยหน้าสบดวงตาฮูหยินผู้เฒ่า ทั้งยังถอยหลังไปสองก้าวเพื่อหลบอยู่ด้านหลังหลี่ซื่อ ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกผิดหวังมากเมื่อเห็นเช่นนี้ สายตาของนางมองผ่านหลี่ซื่อแล้วจ้องมองอันหลิงอี “เด็กสารเลว” นางตะโกนด่า ไม้เท้าในมือกระแทกพื้นเสียงดัง “เจ้าลงมือผลักผู้ใหญ่ นั่นคือการสั่งสอนในฐานะคุณหนูของจวนโหวหรืออย่างไร ? จวนโหวสืบทอดมาสามรุ่น มิเคยเห็นผู้ใดมิให้เกียรติผู้ใหญ่เยี่ยงเจ้ามาก่อน” อันหลิงอีอ้าปากอยากโต้แย้ง แต่เมื่อสู้สายตาเกรี้ยวโกรธของฮูหยินผู้เฒ่ามิได้ สุดท้ายก็ก้มหน้าลงมิกล้ากล่าวออกมา “โชคดีที่สะใภ้หวังแค่วิตก มิได้เกิดอุบัติเหตุอันใด มิฉะนั้นเจ้าก็ไปอยู่ในหมู่บ้านเลี้ยงคนชราเสีย จวนโหวเราคงเลี้ยงคนโอหังเยี่ยงเจ้ามิไหว” ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนหน้าอกกระเพื่อม อันหลิงเฉว่จึงรีบเดินไปด้านข้างแล้วปลอบให้ฮูหยินผู้เฒ่าผ่อนคลาย “ท่านย่าอย่าโกรธจนสุขภาพย่ำแย่ มันมิคุ้มเลยเจ้าค่ะ” ใบหน้าของนางเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม สะอาดและอ่อนโยนสามารถทำให้คนชื่นชอบได้ตั้งแต่แรกเห็น “อาสะใภ้รองเพียงตกใจ แต่มิเกิดอุบัติเหตุอันใดก็ถือว่าโชคดีอย่างยิ่ง ท่านย่าแค่ตำหนิน้องสามเพื่อให้นางจดจำเอาไว้ อย่าได้โกรธจนทำให้เสียสุขภาพในครั้งนี้เลยเจ้าค่ะ ถ้าเป็นเยี่ยงนั้นเฉว่เอ๋อต้องเสียใจแน่” อันหลิงเฉว่ใกล้ชิดฮูหยินผู้เฒ่ามาก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ทำให้ความโกรธบรรเทาบ้างแล้ว “มีเฉว่เอ๋อขอร้องให้เจ้า ครั้งนี้ข้าจักปล่อยเจ้าไป หากครั้งหน้าเจ้ายังมิรู้กาลเทศะ…” “ท่านแม่วางใจได้ อีเอ๋อรู้สึกผิดแล้วจักมิทำผิดอีกเจ้าค่ะ” หลี่ซื่อดึงปลายเสื้อของอันหลิงอีให้เดินออกจากด้านหลังแล้วส่งสายตาให้คุกเข่า อันหลิงอีรีบคุกเข่าลงพื้น ก้มหน้าไว้อย่างน่าสงสาร “ท่านย่า เรื่องครั้งนี้เป็นความผิดของอีเอ๋อที่ทำให้อาสะใภ้รองล้มจนเกือบเสียบุตร ท่านจักตีจักลงโทษอีเอ๋อก็ได้ อีเอ๋อน้อมรับทุกอย่างเจ้าค่ะ” นางถูกตามใจจนเป็นนิสัยไปแล้ว ตอนนี้ยอมคุกเข่าต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า มองแล้วช่างมีความรู้สึกผิดจากใจจริง ฮูหยินผู้เฒ่ามองหวังซื่อที่นอนอยู่บนเตียง น้ำเสียงไร้ความโกรธเช่นเดิมแล้ว แต่เป็นความหมายที่ปล่อยวาง “สะใภ้หวัง ข้าให้อีเอ๋อกล่าวขอโทษเจ้า เจ้าคิดเห็นเยี่ยงไร ? “ หวังซื่อนอนอยู่บนเตียง ริมฝีปากยังคงซีด หากมิใช่อันหลิงอีผลัก นางก็มิรู้ว่าตั้งครรภ์แล้ว แต่อันหลิงอีเกือบทำให้บุตรในท้องเสียไป หวังซื่อกุมมือไว้แน่น มิอาจทำหน้าดี ๆ ให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้ แต่ยากนักที่จักพูดไปตามตรง นางจึงหยิบผ้าเช็คหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา “อีเอ๋อเกือบทำร้ายบุตรในท้องข้า ท่านแม่กลับปล่อยนางไปอย่างง่ายดายหรือเจ้าคะ ? หากเด็กในครรภ์เป็นอันใด ข้าจักคู่ควรกับนายท่านได้เยี่ยงไร จักพูดกับบรรพบุรุษอย่างไรเล่า ? “ ยกบรรพบุรุษออกมาเยี่ยงนี้ เรื่องคงมิผ่านไปได้ง่าย ๆ แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจักรู้ว่าหวังซื่อมีนิสัยอย่างไร แต่วันนี้หวังซื่อก็บาดเจ็บจริง ๆ ยิ่งกำลังตั้งครรภ์ นางจึงมิมีความโกรธต่อหวังซื่อ เพียงแค่ทำตามหน้าที่คือลงโทษอันหลิงอี “ช่างเถิด ก็ควรให้นางได้ลำบากบ้างแล้ว ต่อไปนี้จักได้จดจำ” นางมองอันหลิงอีโดยใบหน้ามิมีอารมณ์ใด ๆ “ลงโทษคุณหนูสามให้คุกเข่าที่โถงบรรพบุรุษ 3 วัน นอกจากน้ำเปล่าก็ห้ามทานของอื่นและห้ามลอบส่งอาหารให้นาง หากมีผู้ใดกล้าส่งอาหารก็คุกเข่ากับนางที่โถงเป็นเวลา 3 วันเช่นกัน” อันหลิงอีเงยหน้าขึ้นมา คุกเข่าสามวันก็ช่างสิ ยังมิให้ทานสิ่งใดด้วย ท่านย่าโหดร้ายเกินไปแล้ว แววตานางฉายความมิพอใจออกมา เกือบจักลุกขึ้นเพื่อเจรจากับฮูหยินผู้เฒ่าแต่โดนหลี่ซื่อบีบแขนแรง ๆ หนึ่งที จึงได้แต่พยักหน้าน้ำตาคลอ “อีเอ๋อรับทราบเจ้าค่ะ” ฮูหยินผู้เฒ่านั่งลงข้างกายหวังซื่อและตบหลังมือของนางเบา ๆ “อีเอ๋อรู้ผิดแล้ว เจ้าดูแลรักษาร่างกายอย่างสบายใจเถิด ห้ามเกิดเหตุมิคาดฝันอีกเด็ดขาด” ในจวนไร้เรื่องน่ายินดีเยี่ยงนี้มานานหลายปีแล้ว หวังซื่อสามารถตั้งครรภ์ได้ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงดีใจนัก หวังซื่อยอมพยักหน้ารับ มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย “ท่านแม่วางใจได้ ข้าจักดูแลตนเองให้ดี มิให้คนต่ำช้าทำร้ายบุตรในครรภ์อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” คนต่ำช้าที่นางพูดคือผู้ใด ทุกคนในนั้นรู้แก่ใจดี อันหลิงอีเหลือบมองที่ท้องของหวังซื่อด้วยแววตามืดมนเย็นชาช่างน่ากลัวเหลือเกิน หวังซื่อมิได้สังเกต เพียงรู้สึกว่าอันหลิงอีได้รับการลงโทษแล้ว ความบ้าจักได้ลดลงบ้าง นางจึงรู้สึกสบายใจราวว่าโลหิตที่ไหลออกมาเมื่อครู่มิได้สร้างความเจ็บแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าลุกขึ้นแล้วเดินจากไป เรื่องของสองแม่ลูกช่างเยอะเสียจริง คราแรกพังงานเลี้ยงจับคู่เพราะอีเอ๋อและเหมิงเอ๋อตกน้ำ จากนั้นหลี่ซื่อก็หลอกล่อเฉว่เอ๋อเป็นเหตุให้นางคิดสั้น มิง่ายที่จวนจักสงบ ทว่าพอสงบได้ครึ่งวันก็มีเรื่องหวังซื่อตั้งครรภ์แล้วเกือบถูกอันหลิงอีทำให้แท้ง พอคิดให้ดีแล้ว หลายเรื่องเหมือนจักมีความเกี่ยวข้องกับสองแม่ลูกหลี่ซื่อ ฮูหยินผู้เฒ่าเดินไปด้วยพลางคิดมากไปด้วย ความเกลียดชังที่มีต่อสองแม่ลูกก็เพิ่มขึ้น มิว่าอย่างไรก็ถึงเวลาเชิญอาจารย์มาขับไล่ความอัปมงคลในจวนนี้ อันหลิงอีลุกขึ้น แววตามิดี น้ำเสียงไร้ความเป็นมิตร “เรื่องของวันนี้เพราะข้ามิได้ตั้งใจก็ยอมรับผิดแล้ว อาสะใภ้รองกลับให้ท่านย่าลงโทษข้าอีก ท่านมิรู้จักสะสมบุญให้เด็กในท้องบ้างเล่า”
ตอนที่ 83 หวังซื่อตั้งครรภ์
เมื่อล้มไปที่พื้น หวังซื่อก็รู้สึกเจ็บปวดบริเวณท้องน้อย รู้สึกเหมือนมีของเหลวอุ่น ๆ ไหลออกมาระหว่างต้นขา นางจึงใช้มือลูบตามสัญชาตญาณแต่สัมผัสโดนโลหิตเต็มมือ
“เลือด ! เลือด ! ” อันหลิงอีกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ ตัวสั่นแล้วถอยหลังไปก้าวหนึ่ง คาดมิถึงว่าเพียงแค่ใช้มือผลักไปทีหนึ่ง เหตุใดหวังซื่อจึงมีโลหิตไหลออกมา
เห็นโลหิตตรงหน้ายิ่งอยู่ยิ่งมาก สีหน้าหวังซื่อเริ่มซีดเผือด ในที่สุดอันหลิงอีก็รู้สึกถึงความผิดปกติจึงรีบให้บ่าวไปเรียกหมอทันที
…
“นายหญิงรองตั้งครรภ์ขอรับ” หมอโบกมือให้ฮูหยินผู้เฒ่าแล้วพูดอย่างจริงจัง “ทว่านางถูกผลักจึงทำให้เสี่ยงต่อการแท้งบุตร โชคดีที่ครานี้มิร้ายแรง ข้าน้อยได้จัดยาบำรุงครรภ์ ต่อไปนายหญิงรองต้องระวังให้มากขอรับ”
“พระโพธิสัตว์อวยพร” ฮูหยินผู้เฒ่ายกมือกุมหน้าอกไว้พร้อมหายใจยาวด้วยความโล่งอก นางส่งสายตาให้บ่าวเดินตามท่านหมอออกไปจากจวน
อันหลิงอียืนนิ่งอยู่ด้านข้าง มิกล้าเงยหน้าสบดวงตาฮูหยินผู้เฒ่า ทั้งยังถอยหลังไปสองก้าวเพื่อหลบอยู่ด้านหลังหลี่ซื่อ
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกผิดหวังมากเมื่อเห็นเช่นนี้ สายตาของนางมองผ่านหลี่ซื่อแล้วจ้องมองอันหลิงอี “เด็กสารเลว”
นางตะโกนด่า ไม้เท้าในมือกระแทกพื้นเสียงดัง “เจ้าลงมือผลักผู้ใหญ่ นั่นคือการสั่งสอนในฐานะคุณหนูของจวนโหวหรืออย่างไร ? จวนโหวสืบทอดมาสามรุ่น มิเคยเห็นผู้ใดมิให้เกียรติผู้ใหญ่เยี่ยงเจ้ามาก่อน”
อันหลิงอีอ้าปากอยากโต้แย้ง แต่เมื่อสู้สายตาเกรี้ยวโกรธของฮูหยินผู้เฒ่ามิได้ สุดท้ายก็ก้มหน้าลงมิกล้ากล่าวออกมา
“โชคดีที่สะใภ้หวังแค่วิตก มิได้เกิดอุบัติเหตุอันใด มิฉะนั้นเจ้าก็ไปอยู่ในหมู่บ้านเลี้ยงคนชราเสีย จวนโหวเราคงเลี้ยงคนโอหังเยี่ยงเจ้ามิไหว”
ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนหน้าอกกระเพื่อม อันหลิงเฉว่จึงรีบเดินไปด้านข้างแล้วปลอบให้ฮูหยินผู้เฒ่าผ่อนคลาย
“ท่านย่าอย่าโกรธจนสุขภาพย่ำแย่ มันมิคุ้มเลยเจ้าค่ะ” ใบหน้าของนางเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม สะอาดและอ่อนโยนสามารถทำให้คนชื่นชอบได้ตั้งแต่แรกเห็น “อาสะใภ้รองเพียงตกใจ แต่มิเกิดอุบัติเหตุอันใดก็ถือว่าโชคดีอย่างยิ่ง ท่านย่าแค่ตำหนิน้องสามเพื่อให้นางจดจำเอาไว้ อย่าได้โกรธจนทำให้เสียสุขภาพในครั้งนี้เลยเจ้าค่ะ ถ้าเป็นเยี่ยงนั้นเฉว่เอ๋อต้องเสียใจแน่”
อันหลิงเฉว่ใกล้ชิดฮูหยินผู้เฒ่ามาก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ทำให้ความโกรธบรรเทาบ้างแล้ว “มีเฉว่เอ๋อขอร้องให้เจ้า ครั้งนี้ข้าจักปล่อยเจ้าไป หากครั้งหน้าเจ้ายังมิรู้กาลเทศะ…”
“ท่านแม่วางใจได้ อีเอ๋อรู้สึกผิดแล้วจักมิทำผิดอีกเจ้าค่ะ” หลี่ซื่อดึงปลายเสื้อของอันหลิงอีให้เดินออกจากด้านหลังแล้วส่งสายตาให้คุกเข่า
อันหลิงอีรีบคุกเข่าลงพื้น ก้มหน้าไว้อย่างน่าสงสาร “ท่านย่า เรื่องครั้งนี้เป็นความผิดของอีเอ๋อที่ทำให้อาสะใภ้รองล้มจนเกือบเสียบุตร ท่านจักตีจักลงโทษอีเอ๋อก็ได้ อีเอ๋อน้อมรับทุกอย่างเจ้าค่ะ”
นางถูกตามใจจนเป็นนิสัยไปแล้ว ตอนนี้ยอมคุกเข่าต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า มองแล้วช่างมีความรู้สึกผิดจากใจจริง
ฮูหยินผู้เฒ่ามองหวังซื่อที่นอนอยู่บนเตียง น้ำเสียงไร้ความโกรธเช่นเดิมแล้ว แต่เป็นความหมายที่ปล่อยวาง “สะใภ้หวัง ข้าให้อีเอ๋อกล่าวขอโทษเจ้า เจ้าคิดเห็นเยี่ยงไร ? “
หวังซื่อนอนอยู่บนเตียง ริมฝีปากยังคงซีด
หากมิใช่อันหลิงอีผลัก นางก็มิรู้ว่าตั้งครรภ์แล้ว แต่อันหลิงอีเกือบทำให้บุตรในท้องเสียไป
หวังซื่อกุมมือไว้แน่น มิอาจทำหน้าดี ๆ ให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้ แต่ยากนักที่จักพูดไปตามตรง นางจึงหยิบผ้าเช็คหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา
“อีเอ๋อเกือบทำร้ายบุตรในท้องข้า ท่านแม่กลับปล่อยนางไปอย่างง่ายดายหรือเจ้าคะ ? หากเด็กในครรภ์เป็นอันใด ข้าจักคู่ควรกับนายท่านได้เยี่ยงไร จักพูดกับบรรพบุรุษอย่างไรเล่า ? “
ยกบรรพบุรุษออกมาเยี่ยงนี้ เรื่องคงมิผ่านไปได้ง่าย ๆ แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจักรู้ว่าหวังซื่อมีนิสัยอย่างไร แต่วันนี้หวังซื่อก็บาดเจ็บจริง ๆ ยิ่งกำลังตั้งครรภ์ นางจึงมิมีความโกรธต่อหวังซื่อ เพียงแค่ทำตามหน้าที่คือลงโทษอันหลิงอี “ช่างเถิด ก็ควรให้นางได้ลำบากบ้างแล้ว ต่อไปนี้จักได้จดจำ”
นางมองอันหลิงอีโดยใบหน้ามิมีอารมณ์ใด ๆ “ลงโทษคุณหนูสามให้คุกเข่าที่โถงบรรพบุรุษ 3 วัน นอกจากน้ำเปล่าก็ห้ามทานของอื่นและห้ามลอบส่งอาหารให้นาง หากมีผู้ใดกล้าส่งอาหารก็คุกเข่ากับนางที่โถงเป็นเวลา 3 วันเช่นกัน”
อันหลิงอีเงยหน้าขึ้นมา คุกเข่าสามวันก็ช่างสิ ยังมิให้ทานสิ่งใดด้วย ท่านย่าโหดร้ายเกินไปแล้ว
แววตานางฉายความมิพอใจออกมา เกือบจักลุกขึ้นเพื่อเจรจากับฮูหยินผู้เฒ่าแต่โดนหลี่ซื่อบีบแขนแรง ๆ หนึ่งที จึงได้แต่พยักหน้าน้ำตาคลอ “อีเอ๋อรับทราบเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่านั่งลงข้างกายหวังซื่อและตบหลังมือของนางเบา ๆ “อีเอ๋อรู้ผิดแล้ว เจ้าดูแลรักษาร่างกายอย่างสบายใจเถิด ห้ามเกิดเหตุมิคาดฝันอีกเด็ดขาด”
ในจวนไร้เรื่องน่ายินดีเยี่ยงนี้มานานหลายปีแล้ว หวังซื่อสามารถตั้งครรภ์ได้ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงดีใจนัก
หวังซื่อยอมพยักหน้ารับ มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย “ท่านแม่วางใจได้ ข้าจักดูแลตนเองให้ดี มิให้คนต่ำช้าทำร้ายบุตรในครรภ์อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
คนต่ำช้าที่นางพูดคือผู้ใด ทุกคนในนั้นรู้แก่ใจดี
อันหลิงอีเหลือบมองที่ท้องของหวังซื่อด้วยแววตามืดมนเย็นชาช่างน่ากลัวเหลือเกิน
หวังซื่อมิได้สังเกต เพียงรู้สึกว่าอันหลิงอีได้รับการลงโทษแล้ว ความบ้าจักได้ลดลงบ้าง นางจึงรู้สึกสบายใจราวว่าโลหิตที่ไหลออกมาเมื่อครู่มิได้สร้างความเจ็บแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าลุกขึ้นแล้วเดินจากไป เรื่องของสองแม่ลูกช่างเยอะเสียจริง คราแรกพังงานเลี้ยงจับคู่เพราะอีเอ๋อและเหมิงเอ๋อตกน้ำ จากนั้นหลี่ซื่อก็หลอกล่อเฉว่เอ๋อเป็นเหตุให้นางคิดสั้น มิง่ายที่จวนจักสงบ ทว่าพอสงบได้ครึ่งวันก็มีเรื่องหวังซื่อตั้งครรภ์แล้วเกือบถูกอันหลิงอีทำให้แท้ง
พอคิดให้ดีแล้ว หลายเรื่องเหมือนจักมีความเกี่ยวข้องกับสองแม่ลูกหลี่ซื่อ ฮูหยินผู้เฒ่าเดินไปด้วยพลางคิดมากไปด้วย ความเกลียดชังที่มีต่อสองแม่ลูกก็เพิ่มขึ้น
มิว่าอย่างไรก็ถึงเวลาเชิญอาจารย์มาขับไล่ความอัปมงคลในจวนนี้
อันหลิงอีลุกขึ้น แววตามิดี น้ำเสียงไร้ความเป็นมิตร “เรื่องของวันนี้เพราะข้ามิได้ตั้งใจก็ยอมรับผิดแล้ว อาสะใภ้รองกลับให้ท่านย่าลงโทษข้าอีก ท่านมิรู้จักสะสมบุญให้เด็กในท้องบ้างเล่า”