พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 97 จวนอ๋องมู่น่าสงสัย
ตอนที่ 97 จวนอ๋องมู่น่าสงสัย
อันหลิงเกอรับสมุดรายชื่อเล่มหนามาจากมือมู่จวินฮาน รู้สึกหนักจนปลายนิ้วขึ้นสีซีดขาวแต่ก็ยังเปิดรายชื่อออกโดยมิลังเล
นางกวาดสายตามองทีละสิบบรรทัด ทว่ามิพบชื่อของฟางเยี่ยนเลย
มู่จวินฮานมองอันหลิงเกออยู่ด้านข้าง รอจนนางกวาดตามองครบแล้วหนึ่งรอบจึงเอ่ยว่า “มีคนที่เจ้าตามหาหรือไม่ ? ”
อันหลิงเกอส่ายศีรษะตอบกลับ ทว่าสายตายังจ้องไปที่จุดหนึ่งของสมุดรายชื่อ
บนสมุดรายชื่อมีจุดดำที่สะดุดตาอยู่จุดหนึ่ง มันเป็นจุดสีดำที่อยู่ระหว่างคำว่า ‘ฟางและชิง’ โดยจุดนี้บดบังตัวอักษรเดิมได้อย่างชัดเจน
“บ่าวที่ชื่อฟางชิงผู้นี้ ข้าพอจดจำนางได้บ้าง” มู่จวินฮานมองตามสายตาของอันหลิงเกอ พลันเห็นคำว่าฟางชิงที่สายตานางจับจ้องอยู่
จากนั้นมู่จวินฮานก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวออกมา “เดิมทีนางรับหน้าที่ทำความสะอาดอยู่โรงสุราของท่านแม่ ด้วยความบังเอิญนางได้ช่วยชีวิตท่านแม่เอาไว้จึงได้รับรางวัลให้เป็นบ่าวดูแลเรือนของท่านแม่แทน”
อันหลิงเกอตริตรองก็รู้สึกว่าชื่อนี้ฟังแล้วคลายชื่อของบุรุษ หากมิใช่จุดดำที่ทำให้รู้สึกสะดุดตา นางก็มิอาจเห็นได้
ทว่าในตอนนี้มู่จวินฮานพูดถึงฟางชิง ยิ่งทำให้อันหลิงเกอแน่ใจว่าฟางเยี่ยนที่ออกจากจวนโหวคือคนเดียวกับฟางชิงผู้นี้ !
“นางอยู่ที่ใดหรือเจ้าคะ มู่ซื่อจื่อเรียกนางมาได้หรือไม่ ? ”
อันหลิงเกอเอ่ยถามมู่จวินฮานด้วยท่าทีร้อนรน นางมีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่าจักสามารถหาหลักฐานของผู้ที่สังหารมารดาจากฟางเยี่ยนผู้นี้ได้ !
มู่จวินฮานเห็นท่าทีร้อนรนของนาง ฝ่ามือใหญ่ก็วางลงบนมือเรียวงามของนางอย่างปลอบโยน “เจ้ามิต้องรีบร้อน สักวันต้องสืบหาความจริงพบอย่างแน่นอน”
มู่จวินฮานกุมมือของอันหลิงเกอเอาไว้จึงรับรู้ถึงอาการสั่นของนาง อดมิได้ที่จักถอนหายใจออกมา
มู่จวินฮานจ้องมองอันหลิงเกอก็นึกถึงก่อนหน้านี้ นางเป็นสตรีที่ดูสงบและเฉยเมย สามารถตอบโต้คนที่ทำร้ายนางได้อย่างสาสม แท้จริงแล้วหัวใจของนางอ่อนแอยิ่งนักและยังมีความกระวนกระวายเป็นเช่นกัน
อันหลิงเกอถูกความอบอุ่นจากฝ่ามือของมู่จวินฮานทำให้ตกใจ เดิมทีอยากดึงมือกลับ ทว่าพอได้สบสายตาคู่นั้นก็รู้สึกคัดจมูกขึ้นมา ความเกรงกลัวภายในใจพลันจางหายไป
เมื่อนึกถึงชาติก่อน นางโดนสองแม่ลูกหลี่ซื่อทำร้ายจนตาย พอฟื้นคืนชีพอีกครั้งก็ต้องตกอยู่ในสภาพการแย่งชิงและสู้อย่างลับ ๆ กับคนในจวนโหวอันใหญ่โต ส่วนบิดามิได้เสียใจต่อการจากไปของท่านแม่เลยแม้แต่น้อย เมื่อต้องอยู่ในจวนที่ด้านบนมีหลี่อี๋เหนียงคอยจับจ้องราวกับเสือ ด้านล่างมีน้องสาวที่เอาแต่ลอบทำร้าย มิง่ายกว่าจักรอท่านย่ากลับมา แต่ท่านก็มีความคิดของท่านเองจึงมิได้สนใจนางมากนัก
เมื่อเป็นเช่นนี้ นางจึงต้องแสร้งอ่อนโยนมีมารยาทเพราะต้องการแก้แค้นให้มารดา นางต้องสร้างเกราะป้องกันตัวอย่างแน่นหนา
ความรู้สึกโดดเดี่ยวภายในใจราวกับเดินอยู่ท่ามกลางความมืด ต้องแบกรับลมหนาว บัดนี้ความรู้สึกนั้นถูกทำให้จางหายไปด้วยความอบอุ่นจากฝ่ามือของมู่จวินฮาน
มู่จวินฮานเห็นท่าทีของนางสงบลง พลันมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมา จากนั้นเขาจึงสั่งให้พ่อบ้านไปเรียกฟางชิงมาพบ
“ซื่อจื่อ ท่านเรียกบ่าวมาพบ มีอันใดให้รับใช้หรือเจ้าคะ ? ”
ฟางชิงก้าวเข้ามาพลันก้มหน้าคำนับอย่างให้เกียรติ กิริยามารยาทของนางดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนคนที่ถูกสั่งสอนมาโดยตระกูลใหญ่
ยามนี้มู่จวินฮานปล่อยมือหลิงเกอแล้ว ทั้งยังกลับมาวางท่าทางผ่อนคลายแล้วเขาก็เอียงศีรษะถาม “เจ้ารับใช้*หวางเฟยมานานเท่าไรแล้ว?”
หวางเฟยที่กล่าวถึงย่อมหมายถึงมารดาของมู่จวินฮานเยี่ยงมู่หวางเฟย ด้านฟางชิงนิ่งใช้ความคิดสักครู่ราวกับกำลังนับจำนวนปี สักพักจึงตอบคำถาม “เรียนซื่อจื่อ บ่าวอยู่ข้างกายหวางเฟยได้ 6 ปีแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าเข้าจวนมาเมื่อใด ? ” มู่จวินฮานเอ่ยถามพร้อมหยิบถั่วลิสงเข้าปากเคี้ยว ทำทีว่านี่เป็นการถามตามปกติ มิได้ใส่ใจมากนัก
ฟางชิงมิรู้ว่ามู่จวินฮานคิดอันใดอยู่ ทว่าก็ตอบตามความจริง “บ่าวเข้ามาที่จวนอ๋องมู่ในฤดูใบไม้ผลิของรัชศกเฉิงจื้อปีที่สิบสามและทำงานกวาดล้างทำความสะอาดนับแต่นั้นเป็นต้นมาเจ้าค่ะ”
“เยี่ยงนี้ก็แสดงว่าเจ้าเข้าจวนมาเจ็ดปีแล้วใช่หรือไม่ ? ”
มู่จวินฮานเอ่ยถามพร้อมเหลือบตามองทั้งที่ใบหน้ามิได้แสดงอันใดออกมา แต่ทำให้ฟางชิงรู้สึกกลัวจนเหงื่อท่วมกาย
นางรีบทำใจให้สงบมิแสดงพิรุธทางใบหน้า “เรียนซื่อจื่อ ปัจจุบันก็ครบ 7 ปีพอดีเจ้าค่ะ”
มู่จวินฮานพยักหน้าคล้ายมิได้ใส่ใจอันใด “จักว่าไปแล้วก็ช่างบังเอิญ ฮูหยินใหญ่ของจวนโหวเสียชีวิตครบ 7 ปีได้แล้วกระมัง”
ฟางชิงตื่นตกใจ มิรู้ว่ามู่จวินฮานเพียงแค่กล่าวโดยมิคิดอันใด หรืออยากลองใจนางกันแน่
เมื่อคิดมิตกว่ามู่จวินฮานต้องการสื่ออันใด นางจึงได้แต่ยืนนิ่งมิพูดมิจาทำราวกับว่าตนจักเผยพิรุธออกมา
เมื่อเห็นท่าทีเยี่ยงนั้น มู่จวินฮานก็หัวเราะ ฮึ ! ออกมาหนึ่งที เสียงนั้นเป็นเหตุให้ฟางชิงใจหล่นวูบ มิกล้าเงยหน้ามองเขาอีกต่อไป “ฟางเยี่ยน ถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังมิยอมกล่าวความจริงออกมาอีกหรือ ? ”
ซื่อจื่อทราบชื่อเดิมของนางได้เยี่ยงไร!
ฟางชิงนิ่งคิดในใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้ามองมู่จวินฮานก็พบกับดวงตาที่เดิมแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ทว่าบัดนี้เย็นชาไปหมดแล้ว เป็นเหตุให้นางรู้สึกหนาวสั่นจนคล้ายเดินอยู่ท่ามกลางหิมะ
ร่างกายของฟางชิงเริ่มสั่นแต่ก็ยังพยายามสงบใจ “ซื่อจื่อ ท่านกำลังกล่าวถึงเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ บ่าวคือฟางชิงมิใช่ฟางเยี่ยนเจ้าค่ะ”
“ข้าได้ยินว่าแม่นมข้างกายฮูหยินใหญ่อัน หลังจากที่ฮูหยินใหญ่อันเสียชีวิตก็หนีมาเป็นบ่าวทำความสะอาดโรงสุราที่จวนอ๋องมู่ เมื่อถูกถามก็ทำตัวมีพิรุธ ฟางชิง มิสู้เจ้าสารภาพออกมาเสียดีกว่าหรือ ? ”
มู่จวินฮานกล่าวพร้อมแววตาดุดัน แผ่กลิ่นอายของอำนาจออกมาอย่างหาได้ยากยิ่ง ท่าทางสูงส่งกดดันจนทำให้ฟางชิงใจสั่นและอดถอยหลังไปสองก้าวมิได้
“ซื่อจื่อ บ่าว…ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ บ่าวคือฟางเยี่ยน ” นางกัดฟันแล้วกล่าวราวกับยอมรับแล้ว “ตอนที่ฮูหยินใหญ่อันสิ้นชีพ บ่าวคิดว่าท่านโหวต้องแต่งฮูหยินใหญ่เข้ามาใหม่แน่นอน พอถึงตอนนั้นบ่าวที่เป็นแม่นมเก่าคงมิเป็นที่ชอบพอของฮูหยินใหญ่คนใหม่ บ่าวจึงหาโอกาสออกจากจวนโหว ตอนนั้นจวนอ๋องมู่ขาดตำแหน่งคนทำความสะอาดโรงสุราพอดี บ่าวจึงได้มาที่นี่และเพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไป 7 ปีแล้วเจ้าค่ะ”
เหตุผลที่นางกล่าวมาก็ฟังขึ้นมิน้อย กระนั้นก็มีความมิสมจริงอยู่บ้าง อันหลิงเกอหัวเราะเยาะออกมาหนึ่งคราแล้วเดินออกมาจากด้านหลังมู่จวินฮาน “แม่นมฟางช่างคิดได้รอบคอบเหลือเกิน เหตุใดมิพาแม่นมจ้าวหนีไปจากจวนโหวด้วยกันเล่า ? พวกเจ้าสองคนผูกพันกันที่สุดในตอนนั้นมิใช่หรือ ? ”
อันหลิงเกอที่เดินออกมาจากที่มืด ใบหน้าอันงดงามค่อย ๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าฟางชิง
แม้แต่งกายเป็นชาย ทว่าใบหน้าที่งดงามก็มีความคล้ายฮูหยินใหญ่อันอยู่มาก ทำให้แม่นมเรียกออกมาตามสัญชาตญาณ “คุณหนูใหญ่ ! ”
นางร้องเรียกเสร็จ ใบหน้าก็มีความตึงเครียดอยู่มาก ทว่าหลังจากนั้นก็ยิ้มออกมา “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ตอนนั้นบ่าวทิ้งท่านกับคุณชายไว้ก็ถือเป็นความผิดของบ่าวเอง วันนี้คุณหนูใหญ่มาหาบ่าวถึงจวนอ๋องมู่ คงมิได้มาหาเรื่องบ่าวใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
ฟางชิงมิเอ่ยถึงการตายของฮูหยินใหญ่อันสักคำเดียว นางเพียงบอกว่าเจ้านายสิ้นก็ออกจากจวนโหว มันย่อมเป็นสิ่งมิถูกต้องอย่างมาก คำพูดครึ่งจริงครึ่งเท็จเช่นนี้เกือบจักใช้หลอกลวงผู้คนได้ทีเดียว แต่มิใช่กับอันหลิงเกอ
นัยน์ตาลึกล้ำของอันหลิงเกอปราดมองไปที่ฟางชิง ความเย็นยะเยือกค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั้งกายของฟางชิง “แม่นมมาที่จวนอ๋องมู่เยี่ยงไรข้ามิได้สนใจ ข้าเพียงอยากถามเจ้าว่าในปีนั้นท่านแม่ตายเพราะเหตุใด ? ”
…