พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 133 เจ้าจะรักข้าไหม 2
“อ๊ะ !” เฟิ่งชิงหัวคำรามด้วยความโกรธพลิกตัวลุกขึ้นนั่งจากเตียง มองดูสีท้องฟ้าภายนอก ยังคงมืดมิด นี่คงจะเกือบจะชั่วยามที่สี่ แต่ทว่านางไม่มีกะจิตกะใจที่จะนอน จึงลุกขึ้นรับลมในลานบ้านเสียเลย
ลานฟางเฟยแห่งนี้ใหญ่กว่าลานบ้านก่อนหน้าของนางหลายเท่า ข้างในลานเพาะปลูกต้นไม้ดอกไม้จำนวนไม่น้อย ขณะนี้เป็นฤดูที่ผลิบาน กลิ่นดอกไม้ชนิดต่าง ๆ อบอวลไปทั่วซึมทะลุเข้าไปในใจ
กระตือรือร้นอยู่ครู่หนึ่ง เฟิ่งชิงหัวก็หักกิ่งไม้อย่างสะดวกมือ กวัดแกว่งอยู่กลางลานบ้าน ท่าทางร่ายรำคล่องแคล่ว ขยับดุจมังกรคะนองน้ำ หลังจากกวาดพลังกระบี่ออกไป กลีบดอกไม้ก็ร่วงหล่นแต่กลับไม่ร่วงลงพื้น กลับล่องลอยไปกับพลังกระบี่ของนางรอบ ๆ ตัวนาง
ใบหน้าเปล่งปลั่งผมดำขลับ เสื้อผ้าชมพูลายลูกท้อ งดงามจนชมไม่หมด
บนหอคอยสูงไม่ไกล ชายหนุ่มจ้องมองฉากนี้อยู่ห่าง ๆ ไม่ละสายตาเป็นเวลานาน
ข้างกายเขา มีคนที่คลุมหน้ายืนอยู่ มองไปตามสายตา ก็พบสตรีกลางลาน กึ่งเสียง กล่าวถามด้วยเสียงมีส่วนเย็นชา : “เจ้าแน่ใจแล้วหรือ ?”
ชายหนุ่มเอ่ยปาก : “ถ้าหากมีคนเช่นนี้ ข้าหวังว่าจะเป็นนาง”
“นางอ่อนแอเกินไป” ชายคลุมหน้าพูดเรียบเฉย
ชายหนุ่มเอ่ย : “หรือว่าข้าแม้กระทั่งคนคนเดียวยังปกป้องไม่ได้ ?”
ชายคลุมหน้าไม่กล่าวอะไรต่อ พูดเพียงแค่ : “ตามใจเจ้า”
ทันทีหลังจากนั้น ชายคลุมหน้าก็จากไป ชายหนุ่มยังคงยืนมองอยู่บนหอคอยสูงเป็นเวลานาน จนกระทั่งร่างนั้นหายไป
วันที่สอง เฉิงเซี่ยงที่ได้ยินว่าพระชายาอ๋องกลับมาทันใดนั้นก็รีบส่งคำเชิญมา หวังว่าพระยาชาอ๋องสามารถมาเยี่ยมเยือนที่จวนได้ คำเชิญได้ถูกส่งมายังมือของเฟิ่งชิงหัว
เฟิ่งชิงหัวมองดูอักษรที่หร็อมแหร็มเสร็จ ก็ยิ้มอย่างไม่ถือสา เปลี่ยนมือและโยนคำเชิญไว้ข้าง ๆ ไม่คิดที่จะให้ความสนใจ
หนานกงจี๋ผู้นี้ ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงผลประโยชน์มาก ทั้งชำนาญการใช้จิตใจของคน ครั้งนี้รีบร้อนอยากให้นางกลับไปเช่นนี้ แน่นอนว่าคงมิใช่เรื่องดีอะไร หลีกเลี่ยงได้ชั่วคราวก็หลีกเลี่ยง ทว่านางก็สงสัย เรื่องครั้งนี้ที่ทำให้เขาร้อนใจเป็นเรื่องอะไรกันแน่
จากนั้นไม่นานนัก เฟิ่งชิงหัวใช้นกหลวนส่งข่าวฉบับหนึ่งออกไป หลังจากรอทั้งบ่าย ก็มิได้รับข่าวสารตอบกลับอะไรกลับมา ตรงกันข้ามกลับได้รับข่าวคราวของอู่ตู๋จื่อ
เฟิ่งชิงหัวลุกขึ้นอย่างไม่ลังเล รู้ว่าจ้านเป่ยเซียวจะต้องห้ามนางออกจากจวน ดังนั้นนางจึงได้เตรียมการเดินหมดต่อไปไว้ก่อนแล้ว
ปากประตูจวนอ๋อง เหล่าองครักษ์จวนอ๋องมองเห็นหลิวหยิ่งที่ใส่ชุดคล่องตัวออกจากจวน จึงเปิดประตูอย่างนอบน้อม และยังถามไถ่อีกว่า : “ ท่านผู้บัญชาการจะออกไปเกณฑ์แรงงานทรัพย์สินให้ทางการ?”
ชายหนุ่มพูดอย่างกะทัดรัดครอบคลุม เปี่ยมด้วยพลัง “อืม” หนึ่งเสียง ออกจากประตูอย่างราบรื่น
หลังจากที่เขาออกมาได้ไม่ไกล หลิวหยิ่งรีบเดินออกไปอย่างฮึกเหิม องครักษ์ทั้งสองฝั่งยังมิทันได้พูดอะไรเขาก็จากไปแล้ว หนึ่งในองครักษ์นั้นขยี้ตา : “ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม ?ท่านผู้บัญชาการจะกลับมาเมื่อใด ?”
“เรื่องของท่านผู้บัญชาการเป็นเรื่องที่พวกเราจะคาดเดาได้รึ ? ทำหน้าที่ให้ดี” องครักษอีกคนกล่าว
สาเหตุข่าวครั้งนี้ที่อู่ตู๋จื่อส่งให้เฟิ่งชิงหัวเป็นเพราะเรื่องขององค์หญิงซีหลัน
ในวังเรียกอู่ตู๋จื่อไปรักษาใบหน้าขององค์หญิงซีหลัน อู่ตู๋จื่อไม่ได้วางมาด ทั้งยังตามไป และบอกนางตามตรงว่าใบหน้านี้ร้ายแรงแค่ไหน สุดท้ายหลังจากส่งมอบยาไปแล้วดูเหมือนจะเป็นผลเล็กน้อย ทว่าประสิทธิผลนั้นไม่มาก ทำให้องค์หญิงซีหลันร้อนรนเป็นอย่างมาก บังคับอู่ตู๋จื่อรักษาให้เร็วขึ้น ดังนั้นอู่ตู๋จื่อจึงได้นำนางโบกสะบัดมายังซ่องโจรของตนเอง
พอดี องค์หญิงซีหลันเพิ่งจะก้าวเท้ามาถึง อู่ตู๋จื่อก็ส่งข่าวไปบอกเฟิ่งชิงหัวแล้ว
ในตอนที่เฟิ่งชิงหัวมาถึง อู่ตู๋จื่อกำลังใส่ยาให้กับองค์หญิงซีหลัน กำลังหลับอย่างสติเลอะเลือน คนที่มาจากในวังกำลังอยู่นอกลานบ้าน ไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด
“แม่คุ๊ณ ถ้าท่านไม่บอกว่าคนผู้นี้ท่านไม่รู้จัก ข้าคิดว่าเป็นน้องสาวฝาแฝดของท่านที่หายไปนาน คิดไม่ถึงว่าจะโตมาละม้ายคล้ายคลึงกับท่าน” อู่ตู๋จื่อกล่าวอย่างทอดถอนใจ
“วิธีสะกดจิตใช้หรือยัง ?” เฟิ่งชิงหัวกล่าว
อู่ตู๋จื่อกล่าวอย่างจนปัญญา : “ใช่แล้ว ทว่าองค์หญิงซีหลันนี้ราวกับว่าผ่านการฝึกซ้อมมาโดยเฉพาะ วิธีสะกดจิตของข้าใช้ไม่ได้ผลกับนาง ก่อนที่ท่านจะมาข้าจึงใช้ยาร่วมด้วยไปครั้งหนึ่ง แต่ก็ทำได้เพียงให้นางหลับไป ส่วนที่คิดจะทำอะไรนั้นยากมาก”
เฟิ่งชิงหัวหรี่ตา : “องค์หญิงหนึ่งคน เหตุใดจะต้องต้านการสะกดจิตเช่นนี้ ในนั้น จะต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่นอน เจ้าเฝ้ารออยู่ข้างนอก ข้าจะเข้าไปดู”
หลังจากที่เฟิ่งชิงหัวเข้าไปก็ปิดประตู ปิดม่าน
ม่านนี้ทำจากวัสดุพิเศษ กันแสงได้ดีเยี่ยม เพียงแต่ดึงแล้วจะดุจดั่งไร้แสง
เฟิ่งชิงหัวจุดไฟตะเกียงน้ำมัน วางไว้บนหัวเตียง ส่องให้เห็นเค้าโครงองค์หญิงซีหลันบนเตียงได้รางเลือน