พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 175 พาไปเพิ่มหนึ่งคน
“เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าน้อยไม่เคารพเลย พระชายากับท่านอ๋องจะยังไปตอนนี้ไม่ได้ ต้องรอให้ข้าน้อยไปทูลฝ่าบาทก่อนเพื่อขอการตัดสินพระทัยจากฝ่าบาท” เหยียนหรูชิงรู้ตัวดีว่าตนเองไม่สามารถขัดขวางอ๋องเจ็ดได้ ต้องเอาฝ่าบาทมากดดันเท่านั้นถึงจะได้ผล
จ้านเป่ยเซียวหรี่ตามองคนที่ขอโทษที่ตัวเองไม่เคารพแต่กลับมีท่าทางไม่เคารพเลยสักนิดอย่างเหยียนหรูชิง แล้วเอ่ยเสียงแข็งว่า “เหยียนหรูชิงแห่งศาลาว่าการพระนครที่เขาว่ากันว่าดื้อรั้น ที่แท้ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ”
“ท่านอ๋องชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยคิดแต่จะแบ่งเบาภาระของฝ่าบาทและทำเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน จึงไม่กล้าย่อหย่อนต่อหน้าที่แม้แต่น้อย” เหยียนหรูชิงเอ่ยอย่างนอบน้อม
เฟิ่งชิงหัวเอ่ยว่า “ใต้เท้าเหยียน ข้าบอกแล้วว่านี่ไม่ใช่โรคระบาด”
“แต่พระชายาก็ไม่มีหลักฐานแต่อย่างใด” เหยียนหรูชิงกล่าว
แน่นอนว่าเฟิ่งชิงหัวไม่สามารถบอกความจริงกับเหยียนหรูชิงได้หลังจากที่ตรวจสอบเสร็จแล้วในตอนนี้ เพราะที่จวนเฉิงเซี่ยงมีสุนัขจิ้งจอกคิดจะจับจุดอ่อนของนางอยู่ตัวหนึ่ง แต่ในเมื่อเหยียนหรูชิงเป็นคนตรงไปตรงมาเช่นนี้ ก็ทำให้สามารถจัดการเรื่องทุกอย่างได้อย่างไม่ยากนัก
จากนั้นเฟิ่งชิงหัวจึงเอามือขยี้ตาด้วยท่าทางราวกับว่าไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้และสะอึกสะอื้นกล่าวว่า “ใต้เท้าเหยียนอยากให้ข้าพูดจริงๆหรือ”
“พระชายาได้โปรดกล่าวตามความจริง”
เฟิ่งชิงหัวถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “อันที่จริงแล้ว เรื่องราวทั้งหมดต้องเริ่มเล่าตั้งแต่หลายวันก่อนหน้าที่ผ่านมา ท่านพ่อของข้าเขียนจดหมายมาหาข้าบอกว่าให้ข้ากลับจวนเฉิงเซี่ยง โดยบอกว่าเมื่อวานน้องสาวเป็นโรคประหลาดจึงบอกให้ข้ากลับจวนเฉิงเสี่ยงเดี๋ยวนี้ หลังจากกลับไปแล้วถึงจะพบว่า”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เฟิ่งชิงหัวก็ตั้งใจเว้นวรรค ด้วยท่าทางพูดไม่ออก
ทว่าคนที่อยู่ในที่นั้นคือใครกัน การอ่านนิยายมาหลายปีไม่ใช่การอ่านที่สูญเปล่า ความคิดวิเคราะห์จึงแข็งแกร่งมาก ในหัวมีความคิดอ่านที่จินตนาการกันไปต่างๆ มากมาย
สีหน้าของเหยียนหรูชิงเปลี่ยนแปลงไป “หรือว่าเกิดเรื่องกับคุณหนูสาม ติดโรคประหลาดนี้และเสียชีวิตไปแล้วเช่นกัน?”
เฟิ่งชิงหัวส่ายหน้าเอ่ยว่า “ใช่และไม่ใช่ ตามตัวของน้องสาวข้าก็ปรากฎรอยแดงเช่นนี้เหมือนกัน และราวกับเถาวัลย์ลามไปรอบตัว แต่กลับไม่ได้ร้ายแรงเช่นนี้ อีกอย่างน้องสาวของข้าไม่ได้เสียชีวิตเพียงแต่หมดสติไปเท่านั้น”
“พระชายาสามารถยืนยันได้หรือไม่ ว่าอาการที่คุณหนูสามเป็นเหมือนกับอาการของคนพวกนี้”
“ถูกต้อง อาการหลายอย่างคล้ายคลึงกันมาก แต่ว่าน่าจะเป็นเพราะว่าน้องสาวของข้าโดนพิษมาไม่นานเท่าไหร่นักถึงสามารถรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้ หากท่านบอกว่าพวกนี้คือโรคระบาด เช่นนั้นจวนเฉิงเซี่ยงป่านนี้คงติดโรคกันไปหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เฉิงเซี่ยงจะต้องไปว่าราชการทุกวัน อย่างนั้นจะไม่……”
เหยียนหรูชิงรีบกล่าวเสริม “อย่างนั้นอาจจะเกิดเรื่องกับฝ่าบาทด้วยเช่นกันแล้วหรือไม่”
“ใช่แล้ว แต่ท่านลองดูสิ ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว จวนเฉิงเซี่ยงรวมทั้งในวังหลวงไม่เห็นเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย อย่างนั้นความเป็นไปได้ที่จะเป็นโรคระบาดก็ออกจะค่อนข้างงต่ำ”
“พระชายาพูดไม่ถูกนัก โรคติดต่ออาจไม่แสดงอาการเป็นปีๆ ซึ่งมักจะขึ้นอยู่กับร่างกายของมนุษย์ ดังนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้จึงอาจจะยังไม่แสดงอาการ บางทีคุณหนูอาจจะเคยสัมผัสคนพวกนี้และติดเชื้อไปก็ได้” เหยียนหรูชิงยิ่งกล่าวก็ยิ่งคิดมาก
หากเป็นเช่นนี้แล้ว ในวังหลวงยังมีคนหลายคนที่เคยสัมผัสกับจวนเฉิงเซี่ยงมาก่อน รวมทั้งตัวเขาเองด้วย หรือว่าเขาจะต้องกักบริเวณด้วยเช่นกัน?
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เหยียนหรูชิงก็เอ่ยขัดจังหวะว่า “พระชายา เชิญท่านและท่านอ๋องกลับจวนไปก่อนเถิด คนที่ไม่เคยใกล้ชิดกับพวกท่านก็พยายามหลีกเลี่ยงพวกเขาไว้ดีที่สุด ข้าน้อยจะไปหาหลักฐานที่จวนเฉิงเซี่ยงก่อน”
เฟิ่งชิงหัวพยักหน้า “ข้าย่อมเป็นห่วงน้องสาวของตัวเอง และก็หวังว่าจะสามารถสืบหาความจริงได้เช่นกัน”
เหยียนหรูชิงตอบรับ แล้วรีบขอตัวกลับไป
เฟิ่งชิงหัวมองจ้านเป่ยเซียวแล้วเอ่ยว่า “พวกเราไปกันเถิด ดูท่าจะต้องเตรียมตัวขอบคุณแขกที่มาเยี่ยมแล้ว”
“พระชายา ช้าก่อน” ไป๋จื่อหยางตระโกนเรียก จากนั้นจึงเห็นเขาเดินก้าวหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “พระชายา ไม่ทราบว่าขอคุยด้วยได้หรือไม่”
“ได้สิ” เฟิ่งชิงหัวตอบพร้อมรอยยิ้ม และขณะที่ตั้งท่าจะเดินไปก็มีคนยื่นมือมาจับข้อมือของนางเอาไว้แน่น
เฟิ่งชิงหัวได้แต่มองไปทางไป๋จื่อหยาง “พาไปด้วยอีกคนได้หรือไม่”
ไป๋จื่อหยางรีบพยักหน้า
ทั้งสามคนเดินไปอีกด้านหนึ่งก็ได้ยินไป๋จื่อหยางกล่าวว่า “พระชายาแน่ใจหรือว่านี่ไม่ใช่โรคติดต่อ”
เฟิ่งชิงหัวพยักหน้า “แน่ใจ นี่คือพิษอย่างแน่นอน ต้องผ่าร่างดูว่าอวัยวะภายในของพวกเขาเป็นอย่างไรถึงจะแน่ใจได้”
“แต่ว่าตอนนี้ใต้เท้าเหยียนสงสัยว่านี่คือโรคระบาด ย่อมไม่ยอมให้ใครมาทำการผ่าอย่างแน่นอน”
เฟิ่งชิงหัวยิ้มพลางเอ่ยว่า “เขาไม่ให้ อย่างนั้นพวกเราไปกันเองไม่ได้หรือ”
ไป๋จื่อหยางมองไปที่เฟิ่งชิงหัวที่ยืดอกอย่างมั่นใจก็แน่ใจได้แล้วว่าพระชายาพูดความจริง นางไม่จำเป็นต้องผ่าตัดด้วยซ้ำ ที่บอกว่าผ่าตัดแล้วถึงจะยืนยันได้นั้น นั่นก็เพียงเพราะว่าต้องการเอาไปยืนยันกับเหยียนหรูชิงเท่านั้น
ไป๋จื่อหยางรีบกล่าวว่า “พระชายา แม้ว่าข้าน้อยจะไร้ความสามารถ แต่ข้าน้อยจะพยายามใช้ความสามารถอันน้อยนิดที่มีนี้อย่างเต็มที่”
เฟิ่งชิงหัวยิ้มพลางเอ่ยว่า “เจ้าคงไม่ต้องใช้ความสามารถทั้งหมดที่มี เรื่องการผ่าตัดยกให้เป็นหน้าที่ของเจ้า จดบันทึกสิ่งที่เจอมาให้หมดแล้วเอามาให้ข้าอ่านก็พอ”