พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 18 กินข้าวไม่ได้ น้ำก็ห้ามดื่ม
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 18 กินข้าวไม่ได้ น้ำก็ห้ามดื่ม
เฟิ่งชิงหัวเดินไปยังเรือนที่พักของตนเอง เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตูเซียงเสว่กับม่านเฉ่าก็วิ่งเข้ามาหาอย่างร้อนใจ
“พระชายา ไม่ได้การแล้วเพคะ เมื่อครู่ท่านอ๋องได้ส่งคนมาขนของกินทั้งหมดของเราไปแล้วเพคะ ”ม่านเฉ่าพูด
“ใช่แล้วเพคะ องครักษ์พวกนั้นยังบอกอีกว่าวันนี้ห้ามพวกเรากินอาหารค่ำ เพราะพระชายาทำผิด พระชายาทำอะไรผิดจึงทำให้ท่านอ๋องโกรธหรือเพคะ จึงได้ทำให้พวกเราเดือดร้อนไปด้วยเช่นนี้”เซียงเสว่ปากไว พูดออกไปอย่างไม่พอใจ
เฟิ่งชิงหัวฟังคำตำหนิของนาง หยักยิ้มมุมปาก “เป็นแค่บ่าวรับใช้ อย่ามาหาว่าข้าทำให้พวกเจ้าเดือดร้อน แม้ว่าจะไม่ได้ถูกข้าทำให้เดือดร้อน เจ้านายอย่างข้าไม่มีข้าวกิน เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้พวกเจ้ามีกินอย่างนั้นหรือ”
ม่านเฉ่ากับเซียงเสว่ชะงักไปพร้อมกัน สีหน้าไม่อยากเชื่อ คิดไม่ถึงว่าคุณหนูรองจะใจดำเช่นนี้
ไหนบอกว่าคุณหนูรองเป็นคนอ่อนโยนใจดี แม้แต่มดก็ยังไม่กล้าเหยียบไม่ใช่หรือ
ไหนบอกว่าคุณหนูรองมักจะปฏิบัติต่อผู้อื่นเหมือนพี่น้องไม่ใช่หรือ
ไม่จริง เป็นเรื่องลวงทั้งสิ้น
เฟิ่งชิงหัวเดินเข้าไปในห้องของตนเอง ก่อนจะก้าวเท้าเข้าประตูก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่แล้ว เพราะเมื่อครู่ข้าได้ล่วงเกินท่านอ๋อง กระทั่งรู้สึกไม่สบายใจมาก ในเมื่อท่านอ๋องลงโทษไม่ให้คนในเรือนของพวกเรากินข้าว เช่นนั้นเพื่อเป็นการขอโทษ ข้าจะขอเพิ่มบทลงโทษอีกข้อ วันนี่แม้แต่น้ำก็ห้ามดื่ม พวกเจ้าสองคนเป็นสาวใช้ที่ติดตามข้ามาเป็นสินสอดเจ้าสาว ก็รับโทษแทนข้าซะ”
พูดจบแล้ว ก็เดินเข้าไปในห้องปิดประตูลง ทิ้งสาวใช้ทั้งสองคนเอาไว้ท่ามกลางความรู้สึกยิ่งเหยิง
“พี่ม่านเฉ่า จะทำอย่างไรดี พระชายาคงไม่ได้ล้อเล่นกระมัง ไม่ได้กินข้าวก็แล้วไปเถอะ ยังจะไม่ให้ดื่มน้ำด้วย อากาศร้อนขนาดนี้ ไม่ดื่มน้ำจะเป็นลมเอาไว้นะ”เซียงเสว่เอ่ยอย่างร้อนใจ
ม่านเฉ่าลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดว่า “ท่าทีของพระชายา ไม่น่าจะล้อเล่น พวกเรากลับไปที่ห้องก่อน พยายามพูดให้น้อย หลบอยู่ในที่ร่ม น่าจะสามารถหลีกเลี่ยงการกระหายน้ำได้ ผ่านวันนี้ไปให้ได้ก็พอ”
“แม้พวกเราจะดื่มน้ำก็ไม่เป็นไรกระมัง นางไม่รู้เสียหน่อย”เซียงเสว่คิดถึงจุดนี้ขึ้นมาก็รู้สึกสบายใจไม่น้อย
ม่านเฉ่าไม่ได้พูดอะไร ส่ายหน้า เดินเข้าห้องไป
เซียงเสว่นั้นเป็นคนกลัวความร้อน ต้องดื่มน้ำจำนวนมากทุกวัน ยิ่งห้ามนางไม่ให้ดื่ม นางก็ยิ่งรู้สึกกระหายขึ้นมา
เพิ่งจะเดินเข้าไปนั่งในห้องได้ครู่เดียวก็เริ่มรู้สึกกระหายน้ำแล้ว ยกกาน้ำขึ้นมากำลังจะเทน้ำดื่มก็พบว่าในกาน้ำไม่มีน้ำอยู่เลย
ถือกาน้ำจะเดินออกไป เพิ่งจะถึงห้องเก็บน้ำ เตรียมจะตักน้ำ ก็ได้ยินเสียงเครงดังขึ้น กาน้ำในมือแตกเป็นเสี่ยงๆ
เซียงเสว่รู้สึกตกใจมาก ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว หางตาเหลือบไปเห็นเงาหนึ่งตรงประตู รู้สึกตกใจจนสะดุ้งโหยง
เงาร่างของเฟิ่งชิงหัวมายืนอยู่ตรงประตูอย่างไร้สุ้มเสียง ตอนนี้กำลังพิงร่างอยู่กับขอบประตู มองมาที่นางด้วยท่าทีเกียจคร้าน “สิ่งที่ข้าพูดเจ้าจำไม่ได้เลยหรือ หืม”
เซียงเสว่ที่เดิมทีรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงหัวบีบบังคับกันขนาดนี้ จึงตะคอกเสียงดังออกไปว่า “เดิมทีท่านอ๋องลงโทษท่านแค่คนเดียว ท่านไม่สามารถใช้ข้ออ้างของการมีชีวิตแต่งงานไม่ดีมาทรมานพวกเรา ”
เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น ค่อยๆเดินเข้าไป “ข้ามีชีวิตแต่งงานไม่ดี”
“แล้วข้าพูดผิดหรืออย่างไร ตั้งแต่ท่านแต่งเข้ามา ท่านอ๋องไม่เคยชอบท่านเลย และไม่เคยร่วมหอกับท่านด้วยซ้ำ ฉะนั้นท่านจึงรู้สึกเจ็บใจ จงใจเอาพวกเรามาระบายอารมณ์”
เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้นก็เกิดความคิดขึ้นมา ในที่สุดก็สามารถหาวิธีที่จะแก้แค้นคนบางคนได้แล้ว เอามือของตนเองไขว้ไว้ทางด้านหลัง หยิกที่แขนของตนเองอย่างแรงหนึ่งที
วินาทีต่อมา เฟิ่งชิงหัวก็ดึงแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตาของนาง คร่ำครวญอย่างเศร้าใจออกมาว่า “เซียงเสว่ คุณหนูของเจ้า รู้สึกอัดอั้นตันใจมาก”
เซียงเสว่คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวที่เดิมทีมีท่าทีแข็งกระด้างจะกลายเป็นคนอ่อนแอขึ้นมาอย่างกะทันหัน รู้สึกปรับตัวไม่ทันเล็กน้อย
เฟิ่งชิงหัวพูดต่อไปว่า “ท่านอ๋องเจ็ด ท่านอ๋องเจ็ดไม่ใช่คน เจ้าไม่รู้เลยว่าเขาทรมานข้าเช่นไร”
ว่าแล้ว ก็เลิกแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้นมา เผยให้เห็นรอยเขี้ยวเป็นจ้ำเต็มแขนทั้งสองข้าง บางจุดเป็นสีม่วงคล้ำ ร่องรอยบริเวณข้อมือยิ่งสะดุดตามาก
เซียงเสว่หัวใจกระตุก เผลอเอ่ยออกมาว่า “นี่เป็นฝีมือท่านอ๋องหรือ”
เฟิ่งชิงหัวไม่ได้ยอมรับ กลับพูดพึมพำว่า “บนขา บนเอวก็มี ยังมีบางจุดที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ข้าอายไม่กล้าให้เจ้าดู”
เซียงเสว่ไม่ได้โง่ขนาดนั้น ถามขึ้นอย่างสงสัยทันทีว่า “ท่านอ๋องไม่เคยเข้าห้องของท่านเลย เขาใช้เวลาตอนไหนทำให้ร่างกายท่านมีร่องรอยเหล่านี้ อีกอย่าง จุดแดงพรหมจรรย์ที่ข้อมือของท่านก็ยังมีอยู่ แสดงว่าท่านอ๋องไม่เคยร่วมหลับนอนกับท่าน”