พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 194 ทำไมเจ้าจะต้องผลักข้าด้วย
เฟิ่งชิงหัวหัวเราะออกมา ไม่ได้อายจนโมโห แต่กลับกล่าวออกไปอย่างทิ่มแทงตรงๆ ว่า: “พี่ใหญ่ ความหมายในคำพูดนี้ของเจ้าก็คือเป็นเพราะว่าข้าไม่พอใจในตัวน้องสาม หาเหตุผลในการใช้กำลังของผู้ที่มีอำนาจ อาศัยอำนาจส่วนรวมแก้แค้นส่วนตัว?”
“หรือว่าไม่ใช่งั้นเหรอ? โดยปกติความสัมพันธ์ของน้องสามและเจ้าดูแย่เป็นพิเศษ ใช่ นิสัยของนางใจร้ายไปหน่อย เคยปีนเกลียวเจ้า แต่ว่ายังไงก็เป็นพี่สาวของเจ้า หรือว่าไม่ควรให้อภัยน้องสามที่ไม่รู้ความงั้นหรือ? แต่ว่าเจ้าน่ะเหรอ กลับจะนำพาคนมากมายเช่นนี้ จะมาใส่ความให้นางถูกพิษให้ได้ ยังบอกว่าเป็นพิษแบบเดียวกันกับผู้ชายกำยำพวกนั้นอีก เจ้าทำเช่นนี้ มันจะไม่ทำให้คนสงสัยในความเป็นคนที่ไร้เหตุผลของเจ้าเหรอ?” หนานกงเยว่หลีกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น ร่างก็สั่นไปหมด จ้องไปยังแสงน้ำที่อยู่ในดวงตาของเฟิ่งชิงหัว สมกับเป็นพี่สาวที่แสนดีที่เคยประณามชื่อเสียงของน้องจริงๆ
ตอนที่หนานกงเยว่หลีพูดคำพูดนี้อยู่ ก็อาศัยจังหวะที่คนอื่นไม่ได้สนใจ แอบหัวเราะเยาะเฟิ่งชิงหัวออกมา
หนานกงเยว่ลั่ว เจ้าไม่ใช่ว่าแต่งกับท่านอ๋องไปแล้วเหรอ เจ้าไม่ใช่ว่าได้รับอำนาจของราชวงศ์ให้ปฏิบัติภารกิจสำคัญเหรอ?
งั้นข้าก็จะทำให้เจ้าอับอายขายขี้หน้า ทำให้คนวิพากษ์วิจารณ์เจ้า ด่าทอเจ้า ดูว่าเจ้าจะรับไหวได้อย่างไร
หากเป็นร่างจริงของหนานกงเยว่หลี เกรงว่านี่ก็แค่ถูกหนานกงเยว่ลั่วพูดเช่นนี้ ร่างทั้งร่างก็เริ่มควบคุมไม่ได้แล้วก็คุกเข่าอธิบายอยู่กับพื้นไปแล้ว กลัวว่าคนจะเข้าใจผิด
แต่ทว่าเฟิ่งชิงหัวกลับไม่ได้รู้สึกร็สาอะไรกับการยุยงของนางเลย เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ไม่เพียงแต่ไม่ได้มีปฏิกิริยาตื่นเต้นอะไร แม้กระทั่งยังอยากจะหัวเราะด้วยซ้ำ
“พี่ใหญ่ หากเป็นคนอื่นมาพูดกับข้าเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าข้ายังรู้สึกว่ายังพอมีเหตุผลอยู่บ้างหลายเท่า แต่ว่าโดยปกติท่านเห็นน้องสามเป็นสุนัขตัวหนึ่งเอาไว้เรียกใช้ไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้กลับจะมาแสดงความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างพี่น้องต่อหน้าข้าได้เล่า?”
“น้องรอง นี่เจ้าพูดอะไรน่ะ?” หนานกงเยว่หลีกล่าวแล้วก็เดินเข้ามาหา จับมือของนางไว้แน่น จากนั้นก็หกล้มลงกับพื้น แล้วกล่าวเสียงดังออกมาว่า: “น้องรอง ทำไมเจ้าต้องผลักข้าด้วย?”
หญิงงามหกล้ม แน่นอนว่าคนโดยรอบต่างก็รู้สึกเห็นใจ สายตาต่างค่อยๆ เคลื่อนที่ไปยังร่างของเฟิ่งชิงหัวอย่างแน่นิ่ง
ฮูหยินเฉิงเซี่ยงรีบเข้ามาประคองลูกสาวของตนขึ้นมา แล้วกล่าวด่าว่าออกมาอย่างโมโห: “หนานกงเยว่ลั่ว ดาวมฤตยูอย่างเจ้า คิดไมม่ถึงว่าเจ้ากล้าผลักพี่ใหญ่ของเจ้า!”
น้ำตาของหนานกงเยว่หลีไหลรินออกมา ไหลอาบแก้มที่งดงามหยดลงบนพื้น น้ำเสียงได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างไร้ที่สิ้นสุด: “น้องรอง ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดข้า ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากอภิเษกกับท่านอ๋องเจ็ด แต่ว่า แต่ว่าทั้งหมดนี้ ข้าก็ไม่มีทางเลือกนะ รัชทายาทไม่ยอมหมั้นหมายกับเจ้า เพื่อหน้าของเจ้า ข้าได้เพียงขอร้องอ้อนวอนให้เขาแม้ว่าจะถอนหมั้นกับเจ้า ก็จะต้องหาตระกูลครอบครัวดีๆ ให้เจ้า แม้ว่าท่านอ๋องเจ็ดขาทั้งสองข้างจะพิการ แต่ว่ายังไงก็เป็นเชื้อพระวงศ์ เพื่อธุระของเจ้าแล้ว ตอนนี้ข้าถูกคนด่าว่าว่าเป็นผู้หญิงเลวที่แย่งคู่รักน้องสาวไป ทำไมเจ้าจึงไม่คิดแทนข้าบ้าง”
นาทีนี้คนที่ห้อมล้อมเข้ามาไม่เพียงแค่ชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น ยังมีบ่าวรับใช้ของตระกูลขุนนางด้วย ได้ยินคำพูดของหนานกงเยว่หลีก็มีน้ำหนักอยู่หลายเท่า
ที่แท้ก็เป็นเรื่องแค่นี้นี่เอง เดิมรัชทายาทก็เกลียดชังคู่หมั้นที่ไร้หน้าตาไร้พรสวรรค์เช่นนี้อย่างคุณหนูรองสุดขีดอยู่แล้ว คุณหนูใหญ่เพื่อน้องงของตน ยินยอมที่จะแบกรับความฉาวโฉ่ในการแย่งชิงพิธีอภิเษกของน้องสาว ยังไงก็คิดไม่ถึงว่าตนเองและรัชทายาทจะมีส่วนร่วมทำให้พิธีสมรสของตนเองล่าช้าด้วย บัดนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจ ผู้หญิงที่คิดเพื่อน้องด้วยความจริงใจ เหตุใดจะไม่ให้คนเขาเห็นใจมากหลายเท่าได้กันเล่า
ฮูหยินเฉิงเซี่ยงได้ฟังคำพูดนี้ก็รีบกล่าวอย่างหลักแหลมออกมาว่า: “หลีเอ๋อที่น่าสงสารของข้า เรื่องคู่ครองบัดนี้ก็ยังไม่ได้จัดการเสียที เจ้าไม่รู้จักขอบคุณ ยังจะมาผลักพี่สาวอีก เจ้านี่ช่างเลือดเย็นไร้ความรู้สึกจริงๆ!”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้ายังคิดว่าเป็นพี่ใหญ่กับองค์รัชทายาทอยู่ด้วยกันแล้วค่อยถอนหมั้นกับน้องรองเสียอีก ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง”
“อันที่จริงแล้วแม้ว่ารัชทายาทถอนหมั้นกับคุณหนูรอง แล้วเปลี่ยนไปหาคุณหนูสาม ข้ายังพอเข้าใจ ยังไงคุณหนูใหญ่ก็เป็นคนงามอันดับหนึ่งในพระนคร ทั้งอ่อนโยนจิตใจดี ความสามารถก็ยิ่งไม่ธรรมดาด้วย องค์รัชทายาทถูกผู้หญิงเช่นนี้ดึงดูดจะมีอะไรแปลกเล่า ช่างนับว่าชายสามารถหญิงงามก็ว่าได้”
“หรือเป็นไปได้ว่าเรื่องราวก็เหมือนกับที่คุณหนูใหญ่กล่าวจริงๆ เรื่องพวกนี้ที่จริงแล้วก็เป็นเพราะคุณหนูรอง พระชายาท่านอ๋องเจ็ดในปัจจุบันท่านนี้ที่เป็นคนสร้างขึ้นมา? ก็เพราะว่าคุณหนูสามท่านนั้นเคยรังแกนางไว้ นางก็เลยเอาคืนคนเขา?”
“น่าจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกพาอะไรนั่นก็คิดว่าเป็นนางที่เป็นคนทำหรอกนะ? แม้ว่านางจะทำไม่ได้ พวกเจ้าลืมไปว่าพระสวามีของนางในตอนนี้เป็นใคร? นั่นเป็นถึงท่านอ๋องเจ็ดเชียวนะ ฆ่าคนยังดูสบายเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวางยาพิษเลย ไม่แน่ว่าบางทีอาจต้องใช้ความยุ่งยากอย่างยิ่งในเอาคุณหนูสามออกไปทรมาน”
ได้ยินความคิดในหัวของคนพวกนี้ที่อยู่รอบๆ เฟิ่งชิงหัวก็อดนับถือโพรงสมองของคนพวกนี้ไม่ได้ คนเขาพูดขึ้นเรื่องไว้แค่นั้น พวกเขาก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดเองได้ แม้กระทั่งยังดูมีสีสันด้วย
แม้แต่จ้านเป่ยเซียวจะดีใจกับนาง ส่งยอดฝีมือส่วนตัวสิบนายไปวางยาเพียงชั่วข้ามคืน สำหรับว่าทำไมสามารถเข้ามาวางยาในจวนเฉิงเซี่ยงได้อย่างไม่ให้สุ้มให้เสียงนั้น แต่ไม่ใช่การพาคนออกมาโดยตรง ก็เพียงเพราะว่าจะให้พระชายาท่านอ๋องเจ็ดมีเหตุผลรังแกคุณหนูสามอย่างโจ่งแจ้งเท่านั้น
คราวนี้หนานกงเยว่หลีก็ถูกฮูหยินเฉิงเซี่ยงประคองให้ลุกขึ้นมา ได้ยินคำพูดของคนรอบๆ ก็เช้ดน้ำตาอย่างไม่สนใจ ยังกล่าวขอร้องออกมาอย่างเบาๆ ไม่หยุด: “ทุกคนอย่าพูดเช่นนี้ อย่าพูดถึงน้องรองเช่นนี้ น้องรองไม่ได้เลวขนาดนั้น นางเพียงแค่ เพียงแค่”
เพียงแค่อะไร แต่กลับไม่พูดออกมาเสียที ทำให้คนที่อยู่รอบๆ รู้สึกว่านางจิตใจเมตตาจริงๆ ยิ่งเกลียดชังเฟิ่งชิงหัวมากขึ้นหลายเท่าขึ้นมาอีก
เฟิ่งชิงหัวหัวเราะเย็นชา หนานกงเยว่หลีผู้นี้คิดไม่ถึงว่าจะเหยียบย่ำนางเพื่อพลิกผันตัวเอง
เรื่องราวในวันนี้เมื่อป่าวประกาศออกไป ก็ไม่ใช่แค่นางถูกรัชทายาทถอนหมั้น แต่ก็เพียงแค่มีการร่วมมือกับรัชทายาทก็เท่านั้น ในส่วนนั้นที่นางยอมเสีย อีกอย่างก็ยอมเสียเพื่อน้องแท้ๆ ของนางอีก แน่นอนว่าก็ย่อมจะมีคนไม่น้อยที่เห็นอกเห็นใจ เรื่องคู่ครองต่อไปแม้ว่าจะไม่บรรลุถึงจุดสูงสุด ก็น่าจะไม่เลวทีเดียว
สำหรับองค์รัชทายาท แม้ว่าในใจจะรู้สึกไม่สบายเท่าไรอยู่บ้าง แต่ว่าก็คงจะไม่ไปเอาความอะไรกับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างนางมากมายขนาดนี้หรอก
เฟิ่งชิงหัวถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวว่า: “พี่ใหญ่ ในเมื่อท่านพูดความจริงออกมาแล้ว งั้นข้าก็จะไม่เสแสร้งอีก ในเมื่อท่านสามารถช่วยข้าให้อภิเษกกับท่านอ๋องเจ็ดได้ ทำไมท่านไม่สามารถช่วยให้ข้าอภิเษกกับองค์รัชทายาทได้เล่า? นี่ท่านอยากจะช่วยข้าจริงๆ หรือเปล่า?”
หนานกงเยว่หลีได้ยินดังนั้นก็ถลึงตาออกมาทันที ไม่กล้าเชื่อ รู้สึกว่าตนเองน่าจะฟังอะไรผิดไป
เฟิ่งชิงหัวเดินเข้ามาสองก้าว กดดันหนานกงเยว่หลีระยะเผาขน: “พี่ใหญ่ ในเมื่อเจ้าสามารถพูดกับองค์รัชทายาทได้สองสามประโยคได้ ทำไมเจ้าไม่ช่วยข้าสร้างโอกาสให้กับองค์รัชทายาท ทำไมเจ้ากลับจังหวะตอนที่ข้ายังไม่ได้มีการหมั้นหมายกับเขา เข้าใกล้เขาทุกวัน? หรือว่าเจ้าไม่รู้ว่ามีเพียงแค่วันเดียวที่ไม่ได้ถอนหมั้น ข้าก็ยังเป็นคู่หมั้นของเขาอยู่วันยังค่ำ เขาก็ยังคงเป็นน้องเขยของเจ้าวันยังค่ำงั้นเหรอ?”
“ข้าจับผู้ชายไว้ให้อยู่หมัดไม่ได้ก็เป็นปัญหาของข้า แต่ว่าทั้งวันให้คู่หมั้นของตนเองเห็นเจ้าที่เป็นคนสมบูรณ์แบบเช่นนี้ ใบหน้าที่งดงาม แม้ว่าเขาจะไม่อยากถอนหมั้นกับข้า ในใจก็จะต้องรู้สึกว่าข้าไม่คู่ควรกับเขาน่ะสิ? มิเช่นนั้นเหตุใดเขาไม่ถอนหมั้นแต่เนิ่นๆ แล้วก็ล่วงเลยเวลามาก็ยังไม่ถอนหมั้นอีก? กลับจะต้อง? จะต้องเป็นตอนที่พวกเราใกล้จะเข้าพิธีอภิเษกกันแล้วมาทำลายพิธีอภิเษก?” เสียงของเฟิ่งชิงหัวยิ่งพูดก็ยิ่งดังขึ้น ราวกับว่าบ้าคลั่งสุดขีดเมื่อถูกคนเปิดบาดแผลออก จากนั้นนางก็จับมือทั้งสองข้างของหนานกงเยว่หลีไว้ แล้วก็ผลักลงไปกับพื้นเลย