พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 239 ทุกอย่างต้องมีหลักฐาน
ถึงตอนนี้เจียงหยูหวันถึงเดาได้อย่างเลือนรางว่าองค์หญิงซีหลันผู้นี้จะเอาเรื่องนี้มาพูด เพราะตอนนั้นองค์หญิงซีหลันเดินทางมาใกล้แสนไกล สิ่งแรกที่กล่าวขึ้นมาก็คือต้องการสมรสผูกสัมพันธ์กับจ้านเป่ยเซียว ดังนั้นก่อนหน้านี้จะต้องสืบเสาะเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับจ้านเป่ยเซียวมาเป็นแน่ ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
เจียงหยูหวันหัวเราะเบา ๆ พลางกล่าว: “เกรงว่าพระองค์คงจะเข้าใจผิดต่อคำว่าเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กเป็นแน่ ท่านอ๋องเจ็ดอยู่ในวังเมื่อทรงเยาว์วัย จากนั้นก็เป็นสนามรบ เมื่อได้รับบาดเจ็บก็อยู่ที่จวนอ๋องเฉิน ส่วนข้า อยู่ที่จวนมาโดยตลอด คำว่าเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก หม่อมฉันมิกล้ายอมรับเลยจริง ๆ อีกอย่างการหมั้นหมายที่ว่า เมื่อตอนที่พวกเรายังเยาว์วัยได้กล่าวอยู่ครั้งหนึ่งแต่นั่นก็เป็นเพียงคำพูดล้อเล่นเท่านั้น หากเห็นเป็นความจริง ข้าจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ตอนนี้ท่องอ๋องเจ็ดมีพระชายาแล้ว ข่าวลือเช่นนี้ มันขาดความน่าเชื่อถือไปตั้งนานแล้วมิใช่หรือ?
ฮองเฮาเหนียงเหนียงพยักหน้า เรื่องนี้นางเองก็เคยได้ยินมาก่อน ฮ่องเต้เองก็เคยได้กล่าวล้อเล่น แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความต้องการส่วนตัวของเขาเท่านั้นเอง
ฮ่องเต้โปรดปรานเจ้าเจ็ดมาแต่ไหนแต่ไร มีของดีอะไร ล้วนอยากจะมอบให้ไม่ว่าอีกฝ่ายจะต้องการหรือไม่ก็ตาม คิดจะพระราชทานคู่สมรสที่ดีให้เขาก็ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งแล้ว เรื่องนี้นับเป็นเรื่องใหญ่อะไร
ฮองเฮากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “มันเป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น องค์หญิงซีหลันกลับกล่าวหาว่าเป็นสิ่งแปดเปื้อนของผู้อื่น มันไม่ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปหน่อยหรือ?”
เฟิ่งชิงหัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “หากเพียงแค่ได้ยินมา ก็นับว่าข้าทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน แต่ถ้าหากมีคน เอาขนไก่ไปทำลูกศร (ใช้อำนาจของผู้อื่นเพื่อประโยชน์ของตนเอง) อาศัยว่ามีข่าวลือเช่นนี้อยู่ ไปพูดจาเหลวไหลอยู่ต่อหน้าพระชายาเจ็ด แถมยังเรียกร้องให้ผู้อื่นสละตำแหน่ง เช่นนี้คงไม่นับว่าทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่กระมัง?”
“องค์หญิงซีหลัน โปรดระวังคำพูดด้วย ข้าไม่รู้ว่าท่านและพระชายาเจ็ดเป็นอย่างไรกัน แต่นางน่าจะเข้าใจข้าผิดไป ดังนั้นถึงได้ให้ร้ายข้าเช่นนี้ หากท่านได้สมรู้ร่วมคิดกับนาง ข้าจะไม่อภัยท่านแน่”
“ข้าสมรู้ร่วมคิดกับพระชายาเจ็ด? ข้าว่าสมองของเจ้าน่าจะมีปัญหานะ ข้ากับพระชายาเจ็ดเป็นศัตรูหัวใจกัน ข้าแทบอยากจะให้นางสิ้นลมหายใจไปจากโลกนี้ ข้าจะได้สมรสใหม่กับท่านอ๋องเจ็ด ถึงแม้จะเป็นการสมรสใหม่หลังภรรยาตาย แต่สำหรับข้าแล้ว ต่อให้ต้องเป็นพระชายารองของท่านอ๋องเจ็ด ข้าก็ยินดีเช่นกัน” เฟิ่งชิงหัวกล่าวไป ก็หันไปกล่าวกับเจียงหยูหวันด้วยรอยยิ้ม: “ข้าใจกว้างกว่าเจ้ามากเลยล่ะ จะไม่ให้คนอื่นสละตำแหน่งแล้วเจ้าขึ้นเป็นพระชายาแทน”
“องค์หญิงซีหลัน ทุกอย่างต้องมีหลักฐาน ท่านทำเช่นนี้ ข้าคงไม่มีอะไรจะพูดกับเจ้าอีกแล้ว” ฮองเฮาเหนียงเหนียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หลักฐาน มีสิ เหนียงเหนียงก็น่าจะรู้ พระธิดาของพระองค์องค์หญิงเหออานและคุณหนูเจียงเป็นเพื่อนสนิทกัน สิ่งที่นางกล่าว คงไม่ใช่เรื่องหลอกลวงกระมัง? มิสู้ พระองค์ลองเรียกนางมาถามดู ดูว่าตอนนั้น นางได้ลงมือสั่งสอนพระชายาเจ็ดเพื่อคุณหนูเจียงหรือไม่?” เฟิ่งชิงหัวกล่าวไป สายตาก็กวาดไปมองเจียงหยูหวัน และยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“เรียกเหออาน?” ฮองเฮาเลิกคิ้ว
เดิมทีเจียงหยูหวันยังรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย กลัวว่าองค์หญิงซีหลันจะเรียกหนานกงเยว่ลั่วมา สตรีนางนั้นมิใช่คนที่จะจัดการได้ง่าย แต่ตอนนี้นางได้เสนอให้เรียกเหออานมาสอบถาม เหออานเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของนาง จะเปิดโปงได้อย่างไรกัน
เจียงหยูหวันแทบอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แต่ก็พยายามอดกลั้นเอาไว้ ทอดถอนใจขึ้นมาอีกครั้ง: “องค์หญิงซีหลัน ข้าว่าคงไม่ต้องจำเป็นแล้วกระมัง ถ้าหากอีกสักครู่เหออานมาแล้ว ได้พูดอะไรที่แตกต่างไปจากท่าน ถึงตอนนั้นท่านก็คงจะกล่าวหาว่าเหออานโกหก ฮองเฮาเหนียงเหนียงอีกเป็นแน่ เหออานเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของข้า ข้าจะทำให้นางถูกเข้าใจผิดได้อย่างไร?
คำพูดที่นางพูด ดูจิตใจกว้างขวาง และผลักดันมิตรภาพของตนเองให้สูงส่งจนไม่อาจล่วงละเมิดได้
“มิเป็นไร ขอเพียงเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากขององค์หญิงเหออาน ข้าล้วนยอมรับ ต่อให้นางพูดเองกับปากว่าได้เห็นข้าอยู่กับชายอื่นเองกับตา ข้าก็จะยอมรับ เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียข้าและองค์หญิงเหออานก็มีวาสนาได้พบกันอยู่หลายครั้ง และเชื่อว่านางมิใช่คนที่จะชอบยุให้รำตำให้รั่ว”
ก็สนิทกันมิใช่หรือ ตอนนั้นซีหลันและองค์หญิงเหออานได้ร่วมมือกันคิดที่จะใส่ร้ายนางเชียวนะ
เมื่อได้ยินคำพูดขององค์หญิงซีหลัน ฮองเฮาและเจียงหยูหวันยังจะมีอะไรไม่วางใจอีกเล่า จึงได้เรียกเหออานมาที่นี่ทันที เพื่อพิสูจน์ว่ามิได้มีการส่งสารให้กันก่อน จึงได้ส่งให้นางกำนัลที่ไม่รู้เรื่องราวที่รับใช้อยู่นอกตำหนักให้ไปตาม เพียงแค่บอกว่าองค์หญิงซีหลันและคุณหนูเจียงอยู่ที่ตำหนักฮองเฮา จึงเชิญให้นางมาเล่นด้วย
องค์หญิงเหออานมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับทั้งสองคน จึงได้รีบมาที่นี่อย่างรวดเร็ว เพิ่งจะเข้าตำหนักมาและทำความเคารพต่อฮองเฮาเสร็จก็ได้ถูกองค์หญิงซีหลันกุมมือเอาไว้
“ไม่เจอกันเสียนานเลยนะองค์หญิง สวยขึ้นมาไม่น้อยเลย” เฟิ่งชิงหัวฝืนใจกล่าวชื่นชม
อันที่จริงช่วงเวลาที่อยู่จวนอ๋องเจ็ดเหออานมีชีวิตที่ไม่ค่อยจะดีนัก ใบหน้าถูกแดดเผาจนมีกระขึ้นมาไม่น้อย ระยะนี้ได้พักรักษาตัวอยู่ในวังมาโดยตลอด แม้ว่าจะไม่หนักอย่างเมื่อก่อนแล้ว แต่เมื่อมองอย่างชัดเจน ก็จะพบว่าผิวพรรณยังค่อนข้างหยาบกร้าน
แต่ว่าเมื่อได้ยินโฉมงามชมตนว่างดงาม มักทำให้คนคิดว่ามีความน่าเชื่อถือขึ้นไม่น้อย องค์หญิงเหออานดีใจเป็นอย่างยิ่ง: “องค์หญิงเองก็เหมือนกัน บาดแผลบนใบหน้ายังไม่หายดีอีกหรือ?”
พบเพียงว่าหญิงสาวได้กุมผ้าปิดหน้าของตนเองแล้วทอดถอนใจ และกล่าวอย่างจนปัญญา: “เห้อ อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย ที่เรียกท่านมาในวันนี้ เพราะอยากจะถามอะไรท่านหน่อย ตอนนี้ฮองเฮาเหนียงเหนียงต้องการพระราชทานสมรสให้กับคุณหนูเจียง เดือนหน้าจะมีการคัดเลือกพระชายาห้กับองค์รัชทายาท ท่านอ๋องสิบสองและท่านอ๋องเจ็ดพอดีมิใช่หรือ ท่านเล่าเรื่องระหว่างคุณหนูเจียงและท่านอ๋องเจ็ดให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงฟังหน่อย เรื่องที่ท่านเล่าให้ข้าฟังเมื่อคราวก่อน ครั้งที่พวกท่านขัดขวางหนานกงเยว่ลั่วที่หน้าประตูวังจนสุดท้ายแล้วก็ได้รับบาดเจ็บอย่างรเล่า
กล่าวไป ก็แกล้งทำเป็นกะพริบตาให้กับองค์หญิงเหออาน
องค์หญิงเหออนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับการกะพริบตาของนาง ครุ่นคิดด้วยความสงสัย เหตุใดนางถึงจำไม่ได้ว่าเคยเล่าเรื่องที่ตนและเจียงหยูหวันถูกคนผู้นั้นสั่งสอนให้นางฟังมาก่อนเลยเล่า?
ขณะที่กำลังใจลอยอยู่นั่นเอง จู่ ๆ ก็ถูกฮองเฮาขัดจังหวะขึ้นมา: “เหออาน เจ้าบอกเสด็จแม่มาซิ ระหว่างคุณหนูเจียงและอ๋องเจ็ด แท้จริงแล้วมีอะไรกันแน่?”
เหออานมิได้สงสัยเลยสักนิด นึกว่าเพราะการคัดเลือกพระชายาในเดือนหน้า เจียงหยูหวันตัดใจจากพี่เจ็ดไม่ได้ ดังนั้นจึงอยากจะให้เสด็จแม่ช่วยนางอีกแรงเมื่อถึงตอนนั้น
เหออานมองไปทางเจียงหยูหวัน ส่ายศีรษะให้กับนาง ดูคลุมเครือยิ่งนัก ท่าทางบนใบหน้าดูประหม่าเล็กน้อย
แต่ทว่า เหออานกลับได้รับการชี้นำที่ผิดพลาด นึกว่าเจียงหยูหวันเขินอาย และกังวลว่าจะโดนฮองเฮาตำหนิ ดังนั้นจึงได้เชิดคางให้กับนาง: วางใจเถอะ ดูข้านะ!
จากนั้น เหออานก็ได้กล่าวขึ้นมา: “เสด็จแม่ พี่เจ็ดและหยูหวันต่างก็มีใจให้กันและกัน ไม่รู้ว่าหนานกงเยว่ลั่วนั่นโผล่มาจากไหน ไม่คู่ควรกับคนอย่างพี่เจ็ดเลยสักนิด บวกกับที่อาการป่วยของพี่เจ็ดได้หายดี เท้าทั้งสองข้างเองก็หายดีแล้ว หนานกงเยว่ลั่วนั่นยิ่งไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ข้างกายของพี่เจ็ดอีกต่อไป มิสู้เสด็จแม่ขอให้เสด็จย่าสั่งให้นางหย่าร้างกับพี่เจ็ดเถอะนะเพคะ”
“เหลวไหล! หนานกงเยว่ลั่วได้เป็นพระยาชาเจ็ดไปแล้ว ถ้าหากนางไร้ซึ่งความผิด จะให้หย่าร่างตามอำเภอใจได้อย่างไร?” ฮองเฮาโมโหเป็นอย่างมาก สายตามองไปยังเจียงหยูหวันด้วยความสงสัย: “เจ้าหมายความว่า คุณหนูเจียงมีใจให้กับพี่เจ็ดของเจ้า? เรื่องพวกนี้ เหตุใดข้าถึงไม่รู้เลยเล่า?”
เหออานกล่าวขึ้นมาโดยเร็ว: “เสด็จแม่ หยูหวันหน้าบาง จะกล้าพูดกับทุกคนได้อย่างไร หากไม่ใช่เพราะข้าเป็นเพื่อนสนิทของนาง นางก็คงไม่มีทางจะบอกกับข้าแน่ ข้าเองก็เพิ่งรู้ภายหลัง ที่แท้หยูหวันเคยช่วยพี่เจ็ดมาก่อน จากนั้นทั้งสองก็เขียนจดหมายสื่อสารกัน ภายหลังพี่เจ็ดได้ไปที่สนามรบ หยูหวันยังได้ปักกระเป๋าบัวให้กับพี่เจ็ดเองกับมือ หากไม่ใช่เพราะหยูหวันป่วยและได้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านเกิดในเวลาต่อมา ก้คงไม่มีที่สำหรับหนานกงเยว่ลั่ว นางเป็นเพียงขี้ขโมยคนหนึ่ง ขโมยสามีของหนานกงเยว่ลั่วหยูหวันขโมยฐานะของนาง เสด็จแม่ หยูหวันน่าสงสารมากจริง ๆ ท่านช่วยนางเถอะนะเพคะ”
“องค์หญิง อย่าได้พูดอีกเลย!” เจียงหยูหวันมุมปาดซีดเซียว เหงื่อได้ผุดขึ้นมาบนหน้าผากอย่างหนาแน่ หากไม่ใช่เพราะแขนเสื้อยาว เกรงว่ามือที่กำลังสั่นอยู่คู่นั้นคงต้องถูกคนพบเข้าเสียแล้ว