พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 254 สนิทสนมกันเกินไป
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 254 สนิทสนมกันเกินไป
ในห้องส่วนตัวชั้น 3 คุณหนูหลายตระกูลต่างมองเห็นสบตากันไปมา และในตอนนี้ก็รวมตัวจับกลุ่มกันด้วยกันกล่าวออกมาเสียงเบาๆ ว่า “พวกเจ้าว่า สิ่งของเมื่อครู่นี้ที่นางส่งไปให้เป็นอะไรนะ? จะลดราคาได้จริงหรือ?”
“ลดราคา เจ้าฟังนางโม้หรือเปล่า เจ้าเคยได้ยินว่าของในหอไล่ตามเมฆาสามารถลดราคาได้มาก่อนด้วยหรือ?”
“ที่เคยได้ยินมานั้นชั้น 7 เป็นสำนักงานใหญ่ของฉีเป่าเจ ของที่สามารถซื้อได้ที่ฉีเป่าเจ นั่นก็ย่อมมีราคาแพงมหาศาลแน่ พวกเจ้ามีใครเคยเห็นที่ฉีเป่าเจสามารถต่อรองราคาได้บ้าง? ทั้งหมดเป็นราคาที่เบ็ดเสร็จในครั้งเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงม่านกั้นลมด้านในนี้เลย ทั้งหมดเป็นของด้านในของฉีเป่าเจ ทำเสียหายได้ ทั้งหมดก็ได้ เพียงแค่มีเงินพอที่จะชดใช้ แม้ว่าเจ้าจะพังหอไล่ตามเมฆาทั้งหมดให้ราบเป็นหน้ากลองก็ได้”
“ความผ่อนคลายที่เจ้าพูด พังหอไล่ตามเมฆา ด้านในนั้น เพียงแค่เป็นถ้วยน้ำชาที่ชั้น 1 ก็ราคาไม่ธรรมดาเลย เจ้าอย่าดูถูกราคาฉากกั้นลมไม้เล็กๆ แค่นี้ก็พันตำลึงแล้ว?”
“อย่างไรเสียในวันนี้องค์หญิงซีหลันก็ต้องรับเอาความเสียเปรียบนี้ไปหมดแล้วล่ะ แม้ว่านางจะร้องเรียนไปถึงฝ่าบาทที่นั่น เงินจำนวนนี้ก็ต้องควักวันยังค่ำ”
หลายคนยิ่งพูดก็ยิ่งลำพองใจ กวาดสายตามองไปยังเฟิ่งชิงหัวอย่างเปี่ยมไปด้วยความเหยียดหยาม
ตอนนี้ในใจของเฟิ่งชิงหัวก็ไม่ได้นิ่งสงบเสียเท่าไร
ป้ายหยกชิ้นนั้นที่นางมอบออกไป อันที่จริงแล้วก็เป็นป้ายหยกลายมังกรชิ้นนั้นที่จ้านเป่ยเซียวให้นางยืมเมื่อครั้งก่อน ต่อมานางคิดว่ามันค่อนข้างใช้ประโยชน์ได้ก็เลยไม่ได้คืน
เมื่อวานเหมือนว่านางจะทำให้จ้านเป่ยเซียวโมโหไม่เบาเลย ก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขางอนขึ้นมาจะยังนึกถึงความสัมพันธ์ครั้งก่อนๆ อยู่หรือเปล่า จะให้นางชดใช้ในทันทีจากนั้นก็ไล่นางออกไปหรือไม่
ในใจของเฟิ่งชิงหัวได้คิดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หากอีกประเดี๋ยวถูกไล่ออกไปจริงๆ กลับไปนางก็จะเผาเตียงนั้นให้ไหม้ไปเลย จากนั้นก็ค่อยโยนก๊าซพิษเข้าไปด้านในอุโมงค์ในตำหนักนั้น ทำให้เขาตายไปเลย
“นานขนาดนี้ยังไม่มีคนมา องค์หญิงซีหลัน ของของเจ้า ใช้ประโยชน์ได้หรือเปล่า กลัวว่าไม่ใช่ว่าสิ่งที่เจ้ายัดข้ามมือไปเมื่อครู่เป็นเงินหรอกนะ? หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ หอไล่ตามเมฆาไม่รับเงินใต้โต๊ะนะ” เหลียวเถียนเถียนมองมายังเฟิ่งชิงหัวอย่างลำพองใจ
“ไม่แน่หรอก แม่นางท่านนั้นไปบอกคนที่อยู่ด้านบน จากนั้นเมื่อท่านอ๋องเจ็ดทราบว่านางอยู่ที่นี่ ก็ส่งคนมาแบกนางออกไปเลยทันที”
“นั่นมันช่างน่าอับอายขายขี้หน้าแน่เลย”
“ฮ่าๆๆๆ” หลายคนหัวเราะอย่างลำพองใจอีกทั้งยังอวดดีด้วย
ในระหว่างที่กำลังพูดอยู่นั้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านนอก เสียงฝีเท้าเป็นระเบียบพร้อมเพรียงกันมาก ฝึกฝนมาอย่างดี
เพียงชั่วพริบตาเดียว ประตูใหญ่ก็มีองครักษ์ 8 นายเรียงรายกันเป็นทิวแถว
เย่ฟางเฟยเห็นสภาพการณ์ก็รีบกล่าวขึ้นว่า: “น่าจะไล่นางออกไปจริงๆ หรือเนี่ย ยังส่งคนมาถึง 8 คนอีกด้วย ท่านอ๋องเจ็ดจะรังเกียจอะไรกันเช่นนี้เนี่ย”
“ไม่น่าเลย อายแทนนางจริงๆ เลย”
ด้านข้างแม่นางท่านหนึ่งที่ไปแล้วก็กลับมาอีก กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและเย็นชาว่า: “พวกเจ้าหลายคนนั้น ละเมิดกฎเกณฑ์ของหอไล่ตามเมฆา หลังจากทำลายข้าวของทรัพย์สินเสียหายแล้วยังปัดความรับผิดชอบให้คนอื่นอีก ตอนนี้หอไล่ตามเมฆาได้สืบอย่างแน่ชัดแล้ว ให้แต่ละคนชดใช้คนละพันตำลึง”
“อะไรนะ? พันตำลึง? ฉากกั้นลมนั้นไม่ใช่ว่าราคาสุทธิก็เพียงแค่พันตำลึงหรือ?” เย่ฟางเฟยอดที่จะกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้: “อีกอย่างฉากกั้นลมเสียหายไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเราเลย ทำไมพวกเราจะต้องชดใช้ด้วยเล่า?”
“ใช่ นี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะ ไม่ได้เกี่ยวพันกับพวกเราเลยด้วย พวกเจ้าแท้ที่จริงแล้วได้สืบชัดเจนแล้วหรือยัง จะมาปรักปรำคนดีไม่ได้เชียวนะ”
“จริงด้วย ยังบอกว่าหอไล่ตามเมฆามีความยุติธรรมที่สุดอีกด้วย ข้าว่าที่จริงแล้วก็ไม่แยกแยะผิดถูกเลย องค์หญิงซีหลันให้ผลประโยชน์อะไรแก่พวกเจ้ากัน ข้าจะให้เป็นสองเท่าตัว เจ้าไปสืบมาใหม่อีกรอบ” คนหนึ่งในนั้นก็กล่าวออกมา
“หุบปาก! หอไล่ตามเมฆาไม่ใช่สถานที่ที่จะให้พวกเจ้ามากำเริบเสิบสาน หากพวกเจ้าไม่ชดใช้ พวกเราจะให้คนไปส่งพวกเจ้ากลับจวนเพื่อไปเอามาชดใช้ ถึงตอนนั้นหน้าตาของท่านทั้งหลาย พวกเราก็ไม่กล้ารับประกันได้” สายตาของหญิงสาวเยือกเย็นแล้วกวาดมองไปยังฝูงชน ทำลายความร้อนรุ่มที่อยู่ในใจของคนพวกนั้นลงไปเลยในบัดดล
พวกนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นที่เมื่อครู่ยังมีอารมณ์หุนหันแต่ละคนก็ไม่มีเสียงโต้เถียงออกมาเลยในทันที ได้เพียงกล่าวออกมาอย่างอ่อนแรงว่า: “ฉากกั้นลมนั้นเป็นคุณหนูเหลียวที่เป็นคนชนพัง พวกเจ้าให้นางชดใช้ไปสิ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเราเสียหน่อย”
“เป็นพยานเท็จก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน หากพวกเจ้าไม่ยอมรับในกฎเกณฑ์ของหอไล่ตามเมฆา? งั้นก็คงทำได้เพียงอั้นเอาไว้เท่านั้น จะไปร้องเรียนก็เชิญตามสบาย แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นขอให้ชดใช้มาก่อน”
ที่พูดมาคือขอความกรุณา แต่น้ำเสียงท่าทางนั้นกลับไม่มีความนอบน้อมเลยแม้แต่นิดเดียว
หลายคนนั้นต่างสบตาซึ่งกันและกันครู่หนึ่ง แล้วกล่าวถามออกมาเบาๆ ว่า: “พวกเจ้าพกเงินกันมาเยอะเช่นนั้นหรือเปล่า?”
“ใครจะเอาเงินติดตัวมามากมายเช่นนั้นกัน พันตำลึงเชียวนะ วันนี้ข้าออกจากบ้านก็พกแค่ไม่กี่สิบตำลึงเอง วันนี้เหลียวเถียนเถียนจะเลี้ยง ลองถามนางดูว่ามีเยอะขนาดนั้นหรือเปล่า”
ใบหน้าของเหลียวเถียนเถียนดูแย่ไปเลย: “ข้าก็พกมาแค่ไม่กี่ร้อยตำลึงเอง อีกทั้งยังเป็นเงินส่วนตัวของท่านแม่ที่ให้ข้ามาด้วย”
เป็นถึงคุณหนูตระกูลขุนนาง แม้ว่าฐานะจะสูงศักดิ์ แต่ข้าวของที่ติดตัวกลับไม่เยอะ พันตำลึง นั้นเป็นถึงเงินที่เอาไว้ใช้จ่ายครึ่งปีของลานเรือนธรรมดาสามัญเลยนะ ใครจะมีเงินมากมายเช่นนั้นได้
และในตอนที่ฝูงชนกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดกันอยู่นั้นเอง หญิงสาวผู้นั้นก็เดินมายังด้านหน้าของเฟิ่งชิงหัว ท่าทีกลับเปลี่ยนไปอย่างมาก แม้กระทั่งใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มขึ้นมา: “องค์หญิงซีหลัน เชิญตามข้ามา ผู้ดูแลหอจะส่งท่านขึ้นไปเอง”
“อะไรนะ? ทำไมนางถึงไปได้ พวกเรายังต้องชดใช้กัน? ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าพวกเรามาด้วยกัน” เหลียวเถียนเถียนกล่าวออกมาอย่างไม่ยอมจำนน
แม่นางแห่งหอไล่ตามเมฆากล่าวว่า: “เมื่อครู่พวกเจ้าไม่ได้บอกว่าองค์หญิงซีหลันแฝงตัวเข้ามาด้วยกันไม่ใช่หรือ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเจ้าใช่ไหม?”
เหลียวเถียนเถียนหน้าแตกดังเพ้งไปครู่หนึ่ง แต่กลับพยายามกล่าวอย่างยืนหยัดออกมาว่า: “ข้าพูดไว้แบบนี้ใช่ ไม่ผิด แต่ว่าเห็นได้ชัดว่าเข้ามาพร้อมกันกับพวกเรา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นพวกเราชดใช้ก็ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับนางด้วย อีกอย่างแม้ว่าฉากกั้นลมจะเป็นข้าที่เป็นคนชนล้ม นั่นก็เป็นเพราะว่าข้าถูกนางทำให้ตกใจ นางก็ย่อมต้องรับผิดชอบในส่วนใหญ่ด้วยเช่นกัน”
หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้น: “เหตุใดเจ้าจึงถูกทำให้ตกใจได้ เห็นชัดว่าก็เป็นเพราะเจ้าปอดแหก แต่กลับดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง รองเจ้ากรมเหลียวสอบเจ้าเช่นนี้หรอกหรือ? ราวกับว่าไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนจากตระกูลอย่างนั้นแหละ”
เหลียวเถียนเถียนถูกอักษรสี่พยางค์ว่าไม่มีคนสั่งสอนซัดเข้าไปทำให้หน้าชาไปหมดเลย
นางเป็นสตรีแห่งตระกูลขุนนางที่มีหน้ามีตา แต่กลับถูกบ่าวหญิงคนหนึ่งเหยียดหยามนางถึงเพียงนี้ แต่กลับทำได้เพียงโมโหแต่ไม่กล้ากล่าวออกมา ได้เพียงสาดความโมโหทั้งหมดไปบนตัวของเฟิ่งชิงหัว
“องค์หญิงซีหลัน เจ้าแค่ยืนดูความสะใจอยู่ตรงนั้นพอหรือยัง เจ้ายังไม่รีบมาชี้แจงอีกเหรอว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ในขณะที่พูดอยู่เหลียวเถียนเถียนก็เดินมายังข้างกายของเฟิ่งชิงหัว แล้วกล่าวต่อนางด้วยเสียงเบาๆ ว่า: “ท่านยังอยากจะหาท่านอ๋องเจ็ดหรือไม่ หากท่านรับเอาเรื่องทั้งหมดนี้เอาไว้ ข้าก็จะช่วยให้ท่านได้พบกับท่านอ๋องเจ็ด”
เฟิ่งชิงหัวได้ฟังดังนั้น ได้เพียงรู้สึกว่าความน่ารักของเหลียวเถียนเถียนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ นางรู้สึกว่าความฉลาดของคนทุกคนโง่เขลากว่านางใช่หรือไม่?
แค่เรื่องนี้ที่เดิมพันกันเมื่อครู่ก็เป็นโมฆะ นางยังจะเชื่อนางอีกงั้นหรือ?
เพียงแต่ว่าตอนที่เฟิ่งชิงหัวได้ยินประโยคนี้เหลียวเถียนเถียนกล่าวออกมาก็หัวเราะออกมา: “เจ้าสามารถช่วยให้ข้าได้พบกับท่านอ๋องเจ็ดงั้นหรือ? พวกเจ้าสองคนสนิทกันงั้นหรือ?”
ทำไมนางไม่รู้ว่าจ้านเป่ยเซียวที่ยิ่งยโสโอหังเช่นนั้น นิสัยที่ไม่เห็นแก่ใครในสายตาเลย ยังมีต้นสายปลายเหตุอะไรกับคนของตระกูลเหลียวได้ด้วยงั้นหรือ
ในใจของเหลียวเถียนเถียนแอบคิดเอาไว้ว่าองค์หญิงซีหลันจะต้องแอบรักท่านอ๋องเจ็ดอยู่ข้างเดียวแน่นอน ทันใดนั้นก็เลยมีความหวัง จงใจเอามือไข้วหลังเอาไว้ แล้วกล่าวออกมาด้วยท่าทางที่อยู่เหนือกว่า: “แน่นอน”
“เจ้าลองพูดมาให้ฟังก่อนว่าเจ้าคิดว่าจะช่วยข้าอย่างไร มิเช่นนั้นมาพูดลมๆ แล้งๆ อย่างเดียว ข้าจะเอาอะไรไปเชื่อเจ้าได้”
เหลียวเถียนเถียนกล่าวว่า: “ป้ายคำสั่งในมือข้าเมื่อครู่นี้เข้าก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ? นั่นเป็นของเว่ยหย่วนโหวท่านลุงข้า เป็นของที่ท่านอ๋องเจ็ดได้มอบให้ท่านลุงของข้าเอาไว้ ท่านลุงของข้ารักเอ็นดูข้าที่สุด เจ้าคิดว่าข้าสนิทกับท่านอ๋องเจ็ดหรือเปล่าล่ะ?”
เฟิ่งชิงหัวหัวเราะเหยียดออกมาครู่หนึ่ง
แม้แต่องครักษ์พวกนั้นและองครักษ์หญิงสองคนนั้นแห่งหอไล่ตามเมฆาต่างก็ส่งสายตาที่เหยียดหยามมาทางเหลียวเถียนเถียน
เหลียวเถียนเถียนไฉนเลยจะถูกคนชั้นต่ำเช่นนี้เหยียดหยามมาก่อน ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนถูกรังแก จึงรีบกล่าวขึ้นมาว่า: “ท่านลุงของข้ามีความสัมพันธ์เป็นตายกับท่านอ๋องเจ็ดเชียวนะ ร่วมรบในสนามรบมาด้วยกัน! แม้ว่าท่านอ๋องเจ็ดจะไม่เห็นแก่หน้าฝ่าบาท ก็ย่อมต้องเห็นแก่หน้าท่านลุงของข้าแน่นอน เพียงแค่ท่านรับโทษทัณฑ์ทั้งหมดไป ข้าก็จะให้ท่านลุงของข้ามาที่นี่ ถึงตอนนั้นท่านอ๋องเจ็ดจะต้องออกหน้ามาอย่างแน่นอน ท่านก็ได้พบแล้วไม่ใช่หรือ?”
เฟิ่งชิงหัวลูบคลำคางไปมา แล้วครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ก็รู้สึกว่าเหลียวเถียนเถียนแค่เพียงเล็กน้อยเช่นนั้นที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย
นางก็แน่ชัดแล้วว่าจ้านเป่ยเซียวก็ค่อนข้างจะรักใคร่ต่อผู้ใต้บัญชาการของตนเอง มิเช่นนั้นก็จะไม่เก็บทหารพิการที่รบในสนามไม่ได้เอาไว้ในหอไล่ตามเมฆาเช่นกัน
หากสิ่งที่เหลียวเถียนเถียนพูดเป็นเรื่องจริง งั้นเรื่องในวันนี้ ก็คงจะทำลายเหลียวเถียนเถียนให้บาดเจ็บไปไม่ได้หรอก เพียงแค่เว่ยหย่วนโหวมาที่นี่ เหลียวเถียนเถียนและคนพวกนี้ก็คงจะไม่เกิดเรื่องอะไร
เฟิ่งชิงหัวก็เลยไม่ยินดีอยู่บ้างเล็กน้อย คนพวกนี้เป็นคนมีภูมิหลัง ช่างเป็นที่น่ารังเกียจของคนอื่นจริงๆ
ในขณะที่คิดเช่นนี้อยู่ เฟิ่งชิงหัวก็ยิ่งไม่อยากให้พวกของเหลียวเถียนเถียนได้สุขสบายกัน ก็เลยกล่าวออกมาโดยตรงว่า: “ในเมื่อท่านลุงของเจ้าร้ายกาจขนาดนั้น ก็ให้เขามาช่วยพวกเจ้าจ่ายค่าชดเชยละกัน”
พูดจบเฟิ่งชิงหัวสะบัดแขนเสื้อชุดเพ้าขึ้น แล้วหันมากล่าวกับหญิงรับใช้ที่อยู่ตรงมุมว่า: “เหลียนซิน พวกเราไปกันเถอะ”
หญิงรับใช้สองคนเอนตัวมาทางเฟิ่งชิงหัว แล้วน้อมส่งนางออกไป
หากพวกของเหลียวเถียนเถียนไล่ตามออกมา ก็สามารถเห็นได้ว่าเฟิ่งชิงหัวไม่ได้จากไป แต่ว่าถูกผู้ดูแลหอชั้น 3 ต้อนรับมาโดยสารลิฟต์ไม้ที่ท่านอ๋องเจ็ดมีสิทธิ์โดยสารแต่เพียงผู้เดียวด้วยตนเอง แล้วขึ้นไปทางสำนักงานด้านบน
คิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงหัวจะจากไปเช่นนี้ สีหน้าท่าทางบนใบหน้าของเหลียวเถียนเถียนผิดแผกแปลกสีไปหมด ดูแย่อย่างมาก