พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 287 หัวหน้าเข้าหากำแพงทั้งคู่
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 287 หัวหน้าเข้าหากำแพงทั้งคู่
ภายในเรือน เฟิ่งชิงหัวเตรียมยาและดื่ม จากนั้นทาครีมลดบวมซึ่งทำให้นางรู้สึกดีขึ้นมาก
“เจ้าบ้าจ้านเป่ยเซียว ทนแกล้งไม่ได้จริงๆ ถ้าชอบลากคนให้ถูกรังแกด้วย ปล่อยให้เจ้าทรมานเช่นนี้ก็แล้วกัน” เฟิ่งชิงหัวพึมพำ มองดูตัวเองในกระจกพลางพึมพำ มองสำรวจริมฝีปากที่บวม ทำให้นางรู้สึกสงสารตัวเอง
หลังจากนั่งอยู่สักพัก ทันใดนั้นก็โกรธและพูดอย่างรุนแรงว่า “จ้านเป่ยเซียว ข้าเป็นหนี้เจ้าจริงๆ”
ในเวลานี้จรรยาบรรณทางการแพทย์ของนางไม่อนุญาตให้นางทำลายร่างกายของผู้ป่วย
หากจ้านเป่ยเซียวไม่สามารถทนความเผ็ดนั้นได้และมีปัญหาขึ้นมา ก็ยังคงจะเป็นความผิดของนาง
เฟิ่งชิงหัวถือน้ำยาเดินไปที่ห้องของจ้านเป่ยเซียว ทันทีที่ไปถึงประตู นางก็ถูกห้ามโดยหลิวหยิ่งซึ่งหอบหายใจที่เพิ่งวิ่งมาสิบรอบ
“พระชายาขอรับ ตอนนี้ท่านอย่าเข้าไปเด็ดขาดนะขอรับ”
“ข้ามาส่งยาให้นายท่าน” เฟิ่งชิงหัวเขย่าขวด
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวท่านค่อยมาทีหลัง ตอนนี้นายท่านกำลังโมโหอยู่ขอรับ เมื่อครู่นี้ทหารอารักขาสองสามคนเพิ่งทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ในห้องที่เสียหายออกมา ถ้าท่านเข้าไป แม้แต่หลังคาเรือนก็อาจจะพังทลายลงมาก็ได้ขอรับ” หลิวหยิ่งพูดอย่างอ่อนแอพร้อมพยุงกำแพง
เขาเพิ่งทราบข่าวนี้กลังจากกลับมาจากวิ่งสิบรอบ จึงรีบมาขวางพระชายาไว้ทันที เพราะกลัวเรื่องจะแย่ไปกว่านี้
เฟิ่งชิงหัวเลิกคิ้ว โมโหถึงขนาดนี้แล้ว ถึงขั้นใส่อารมณ์ใส่โต๊ะ เก้าอี้ ถ้านางไม่เข้าไปช่วยโลก ทั่วทั้งจวนอ๋องเฉินคงจะถูกทำลายไปหมด
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เฟิ่งชิงหัวรู้สึกว่าภารกิจนี้สำคัญมากนัก นางยืดหน้าอกและพูดว่า “เขาจะไม่โมโหหลังจากที่ข้าเข้าไปแล้ว”
นางมาพร้อมกับยาแก้พิษ ถ้าเขาโยนทิ้งอีกครั้ง งั้นนางก็จะไม่สนใจเขาแล้วจริงๆ
แต่หลิวหยิ่งรีบขวางอยู่หน้าประตู “พระชายาขอรับ นี่ไม่ใช่เรื่องตลก หากท่านอ๋องโกรธและทำร้ายท่านโดยไม่ตั้งใจ เมื่อท่านอ๋องหายจากอาการโมโห ก็ต้องเอาข้าน้อยระบายอารมณ์ ท่านถือซะว่าเป็นการช่วยเหลือข้าน้อย สงสารข้าน้อยเถอะขอรับ”
“ไม่ ข้าเข้าไปแล้วก็จะดีขึ้นมา”
“พระชายา ข้าน้อยให้ท่านเข้าไปไม่ได้ขอรับ”
“หลิวหยิ่ง ฟังข้านะ เขาไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นจริงๆ”
ในระหว่างที่ทั้งสองสนทนากัน จู่ ๆ ก็มีเสียงของบางอย่างพลิกคว่ำอยู่ข้างในดังขึ้น
หลิวหยิ่งกล่าวว่า “ท่านฟังสิ แค่ได้ยินเสียง นายท่านก็รู้สึกรำคาญ ท่านควรหลีกเลี่ยงก่อนขอรับ”
เฟิ่งชิงหัวประหลาดใจ “จริงเหรอ?”
จ้านเป่ยเซียวดื้อรั้นเช่นนี้เลยรึ?
รู้ว่านางมียาแก้พิษก็ไม่อยากได้
“แน่นอนขอรับ เป็นเรื่องจริง ท่านไม่ได้ยินหรือว่ามีสิ่งของถูกโยนทิ้งอีกแล้ว” หลิวหยิ่งพูด หลังจากพูดจบ ก็มีเสียงของการพังทลายดังขึ้นมาจากภายในอีก
“พระชายา ท่านดูสิ ข้าน้อยไม่ได้พูดผิด ข้าน้อยติดตามนายท่านมาตั้งแต่ยังเด็ก และรู้จักนายท่านเป็นอย่างดี” หลิวหยิ่งกล่าวอย่างจริงจัง
“ไสหัวออกไป!” เสียงเกรี้ยวกราดของชายหนุ่มดังมาจากข้างใน เสียงนั้นดังจนหูจะหนวก แม้แต่เหล่าทหารอารักขาที่อยู่ห่างออกไปกว่าสิบเมตรก็ยังได้ยินถึงความเกรี้ยวโกรธในน้ำเสียงของนายท่าน
หลิวหยิ่งกล่าว “พระชายาขอรับ ท่านเห็นแล้ว ตอนนี้นายท่านไม่ต้องการพบท่านจริงๆ ท่าน…”
ก่อนที่หลิวหยิ่งจะพูดจบ เสียงคำรามของชายหนุ่มก็ดังมาจากข้างในอีกครั้ง “ข้าบอกให้เจ้าไสหัวไปไกลหน่อย!”
หลิวหยิ่งเบิกตากว้าง รอคอยใบหน้าที่สงบนิ่งของเฟิ่งชิงหัว
หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน และเมื่อเขาตระหนักว่าตนทำอะไรโง่ๆ ลงไป เขาก็วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไรสักคำ
จากนั้นเฟิ่งชิงหัวถึงผลักประตูและเข้าไป ทันทีที่นางยกเท้าขึ้น นางก็มองเห็นความเละเทะบนพื้น
หลังจากผ่านอุปสรรคความเละเทะมานับไม่ถ้วน เฟิ่งชิงหัวก็มาถึงตรงหน้าจ้านเป่ยเซียว
ชายหนุ่มหันหลังให้นาง และม่านข้าง ๆ เขาแตกเป็นเศษไม้ขนาดเท่าฝ่ามือ เขายืนอยู่บนเศษไม้ หลังของเขาแข็งทื่อ เขากำหมัดทั้งสองแน่น แสดงถึงความยับยั้งชั่งใจอย่างเข้มแข็ง
เฟิ่งชิงหัวเดินเข้ามาและพูดว่า “เจ้าดูเข้าสิ ถ้าไม่ใช่เพราะความสะใจในตอนนั้น ตอนนี้ต้องทนทุกข์ทรมานรึ? มา ดื่มยาก็จะหายแล้ว”
เมื่อจ้านเป่ยเซียวได้ยิน เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ยืนหันหลังให้นาง แต่ยื่นมือข้างหนึ่งไปให้เฟิ่งชิงหัว
เฟิ่งชิงหัวยื่นขวดยาให้เขา “ดื่มเถอะ”
ชายหนุ่มรับมัน เปิดจุกและกำลังจะดื่ม เฟิ่งชิงหัวพูดอย่างกวนๆอีกครั้ง “เจ้าไม่กลัวเหรอว่ามันเป็นกลอุบายอื่น?”
ทันใดนั้น เฟิ่งชิงหัวสังเกตเห็นว่าการเคลื่อนไหวของจ้านเป่ยเซียวหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ดื่มยาพิษและโยนขวดให้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เฟิ่งชิงหัวตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวโดยไม่รู้ตัว คอของนางหดลง นางก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบโยนเขา แต่ใครจะรู้ ราวกับว่าแผ่นหลังของชายหนุ่มสามารถมองเห็นได้ เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เพื่อไม่ให้เฟิ่งชิงหัวเห็นเขา
เฟิ่งชิงหัวก้าวไปข้างหน้าอีกสองก้าว ในขณะที่จ้านเป่ยเซียวยังคงเดินหน้าต่อไป
จนจ้านเป่ยเซียวถูกผลักเข้ามุมกำแพง เหมือนสำนึกผิดอยู่ด้วยการหันหน้าเข้าหากำแพง
เฟิ่งชิงหัวเอนศีรษะพิงผนังเพื่อมองเขา เขารีบหันศีรษะไปอีกด้านทันที ทำแบบนี้ซ้ำๆ อย่างน่าอึดอัดใจอย่างยิ่ง
ทั้งคู่หันหน้าเข้าหากำแพง มองจากด้านหลัง คนหนึ่งสูง อีกคนเตี้ย เผยให้เห็นถึงความตลก
เฟิ่งชิงหัวพูดเบา ๆ “ให้ข้าดูว่าปากของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
จ้านเป่ยเซียวไม่ตอบ เห็นได้ชัดว่าเขายังคงโกรธอยู่
“ข้ามียาทาแก้บวม ข้าทาให้เจ้าหน่อยไหม?” เฟิ่งชิงหัวเกลี้ยกล่อมเสียงเบา
“เจ้าออกไป ข้าไม่อยากเห็นเจ้า” น้ำเสียงทุ้มต่ำยังคงโกรธอยู่
เฟิ่งชิงหัวไม่กล้าที่จะจากไป นางกล่อมต่อ “ยาของข้ามีผลดีนะ อาการบวมจะหายไปทันทีที่ทา เจ้าดูข้าสิ ข้าหายดีแล้วใช่หรือไม่?”
“ข้าแค่ล้อเล่น ข้าแค่โมฆที่เจ้าให้ข้าทำบะหมี่ให้เจ้าแต่เช้า แถมยังต้องปีนภูเขาครึ่งลูก ข้าจึงโมโห ไม่สิ แค่โมโหชั่วครู่เท่านั้น ข้าหุนหันพลันแล่น ข้ารู้ว่าข้าทำเกินไป ข้าจะขอโทษเจ้า ตกลงไหม?” ตอนที่เฟิ่งชิงหัวพูดยังคงมองหลังของศีรษะของจ้านเป่ยเซียว แต่ชายหนุ่มยังคงนิ่งเฉย
เพียงแต่ว่าความเย็นชารอบกายยังคงมีมาก
“จ้านเป่ยเซียว ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรเลย เจ้าสามารถดุข้าได้ ข้าจะไม่ตอบโต้” หน้าผากเฟิ่งชิงหัวแตะกำแพงเบา ๆ เสียงของนางนุ่มนวล แต่หางตานางจ้องจ้านเป่ยเซียวนิ่ง
เฟิ่งชิงหัวยื่นมือออกไปเพื่อสะกิดแขนของจ้านเป่ยเซียว ชายหนุ่มเลี่ยงออกไป เขากอดอกโดยตรง
เฟิ่งชิงหัวแหย่รอบเอวจ้านเป่ยเซียวอีกครั้ง วาดเป็นวงกลม และเสียงของนางก็ต่ำลงเรื่อย ๆ “จ้านเป่ยเซียว เจ้าอย่าเพิกเฉยกับข้า ข้ารู้สึกลนลานและกลัวมากเมื่อเจ้าเป็นแบบนี้
จ้านเป่ยเซียวยังคงไม่พูดอะไร แต่โชคดีที่คราวนี้เขาไม่ขยับแล้ว
เฟิ่งชิงหัวรู้ว่ามันได้ผล สองนิ้วค่อย ๆ ไต่ไปตามรอบเอว จับแขนของเขา ยื่นมือของนางออก จับมือซ้ายของเขาที่ซ่อนอยู่บนแขนขวา และขับนิ้วสองสามนิ้วของเขา บีบเบา ๆ แล้วเขย่าไปมา
เมื่อรู้สึกว่าร่างกายของชายหนุ้มไม่ปฏิเสธนางเหมือนเมื่อก่อน เฟิ่งชิงหัวพยายามต่อไป
“เรามาทายากันก่อน ดีไหม?” เฟิ่งชิงหัวพูด ค่อยๆ เพิ่มแรงจับมือซ้ายของจ้านเป่ยเซียวดึงลง ดึงร่างของจ้านเป่ยเซียวมาแล้วค่อยๆ พาเขาไปที่ข้างเตียง
เฟิ่งชิงหัวเงยหน้าขึ้นมองจ้านเป่ยเซียวและเห็นว่าริมฝีปากของเขาบวมมากขึ้นกว่าเดิม มีรอยแตกสีแดงเลือดเล็กน้อย และเลือดสีแดงสดก็เปื้อนบนริมฝีปากเขา ริมฝีปากเขาแดงก่ำ แต่ยิ่งตลกเพราะความแดงและบวม