พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 294 ความตาย
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 294 ความตาย
ไม่นาน ในวังหลวง องครักษ์จับตัวแพทย์หญิงคนหนึ่ง แพทย์หญิงคนนั้นไม่ดูกระวนกระวายเหมือนคนตรงหน้า นางมาถึงก็คุกเข่าสองข้าง ไม่ได้วิงวอนขออภัย
“พูดมา เจ้าเป็นคนส่งยาใช่หรือไม่? นั่งเซ่ออยู่ทำไม เหตุใดจึงไม่เงยหน้าขึ้น!” องครักษืที่อยู่ข้างๆ พูด
แพทย์หญิงเงยหน้าขึ้น หน้าตาเหมือนแพทย์หญิงที่อยู่ข้างๆ ราวกับแกะ?
“นี่คือ แฝดหรือ?” ฮ่องเต้เซวียนถ่งขมวดคิ้วเป็นปม
สายตาของจ้านเป่ยเซียวจับจ้องไปที่แพทย์หญิง พูดเล็ดรอดไรฟัน พูดทีละคำ “หนานกงลู่ซิ่ว!”
แพทย์หญิงคนนั้นทำความเคารพ:“หนานกงลู่ซิ่ว ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมท่านอ๋อง”
น้ำเสียงนั้น เห็นชัดว่าเป็นเสียงของหนานกงลู่ซิ่ว
ท่านน้าสุ่ยย่อมฟังออก วิ่งไปตรงหน้าด้วยความตกใจและดีใจ กอดลูกสาวเอาไว้ : “ลูก? คือเจ้าจริงๆ หรือ?”
ลูกสาวพยักหน้า: “ท่านแม่ ข้าเองเจ้าค่ะ”
“แม่ตกใจหมดเลย โชคดีที่เจ้าปลอดภัย มิเช่นนั้นแม่จะมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไร”
จ้านเป่ยเซียวฟาดมือลงไป ทำให้มองแม่ลูกตกลงไปในหลุม น้ำเสียงเย็นยะเยือก :“นางเล่า!”
แม้จะเป็นคำถาม แต่ตัดสินใจนานแล้ว คนโง่อย่างเฟิ่งชิงหัว เอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อ!
เป็นจริงตามคาด หนานกงลู่ซิ่วพูด: “คืนนี้ ท่านพี่เดาได้ว่าพวกเขาจะลงมือ ด้วยเหตุนี้จึงปลอมตัวเป็นแพทย์หญิง ทำให้ข้ากลายเป็นแพทย์หญิง เปลี่ยนตัวกับข้า เวลานี้ นางน่าจะถูกจับตัวไปแล้วเพคะ”
ฮ่องเต้เซวียนถ่งยิ่งฟังยิ่งสับสน “หมายความว่าอย่างไร แลกอะไรกัน เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับภรรยาของเจ้าเจ็ด? อีกเรื่องหนึ่ง เจ้าบอกว่าเจ้าคือคุณหนูสามตระกูลหนานกง เช่นนั้นเจ้าควรจะมีพิษอยู่ในร่างกายไม่ใช่หรือ? ฟื้นขึ้นมาได้อย่างไร! หมอหลวงบอกว่าเจ้ามีโอกาสรอดน้อยแล้วไม่ใช่หรือ?”
ฮ่องเต้เซียนถ่งเพิ่งถามจบ มีสัญญาณหนึ่งดังขึ้นจากที่ไกลๆ นั่นคือทางออกของทางเดินใต้ดินที่องครักษ์ไปถึง
จ้านเป่ยเซียวไม่ได้พูดอะไรอีก กลายเป็นดาวตก เหาะเหินไป ทิ้งคนที่เหลือให้อยู่ในความไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เวลานี้ เฟิ่งชิงหัวกำลังถูกคนแบกไว้บนไหล่แล้ววิ่งอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้นถูกโยนเข้าไปในรถม้า รถม้าวิ่งออกไปนอกเมืองด้วยความเร็ว
ฟิ้ง ถึงประตูเมืองแล้ว
“ใครกัน! ไม่รู้หรือว่าตอนนี้ถึงเวลาห้ามออกนอกเคหะสถานแล้ว ห้ามออกไป!” องครัก์ที่เฝ้าประตูเมืองตะโกนบนกำแพง
“รีบเปิดประตูเมือง มีรายงานด่วนจากตระกูลฮูหยินเฉิงเซี่ยง ฮูหยินผู้เฒ่าป่วยหนัก ใกล้สิ้นใจแล้ว รีบเปิดประตูเมืองเร็วเข้า!” สารถีรีบหยิบป้ายคำสั่งออกมา
“ขอรับ รีบเปิดประตูเมืองเร็วเข้า”
เปิดประตูเมือง รถม้าขับออกไป
เฟิ่งชิงหัวที่แกล้งหมดสติลืมตาขึ้น นั่งบนรถม้า เปิดม่าน มองทิวทัศน์ด้านนอกที่เคลื่อนด้วยความเร็วสูง
หนานกงจี๋คนนี้ เหตุใดจู่ๆ จึงใจกล้าเช่นนี้ ทั้งที่ในจวนยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แต่เขากลับร้อนใจอย่างมาก
บนตัวหนานกงลู่ซิ่ว มีความลับอะไรกันแน่ ที่ทำให้เขาไม่เสียดายความพยายามตลอดหลายสิบปีของตนเอง?
เรื่องคืนนี้ ไม่นานฮ่องเต้เซวียนถงก็จะรู้ เขาไม่คิดจะเอาตำแหน่งเฉิงเซี่ยงแล้วหรือ?
เฟิ่งชิงหัวไม่เข้าใจอย่างมาก
วันนี้นางเข้าวังหลวง บังเอิญพบความผิดปกติอของ ดอกดารารัตน์ในห้องของหนานกงลู่ซิวเท่านั้น เดาว่าคืนนี้เขาต้องเคลื่อนไหว คิดไม่ถึงว่า เขาจะเคลื่อนไหวเร็วเช่นนี้
รถม้าออกจากเมืองไม่นาน เฟิ่งชิงหัวสัมผัสได้ว่า มีคนนับสิบกำลังไล่ตามรถม้ามา
เฟิ่งชิงหัวแกล้งทำเป็นหมดสติ แต่ความเป็นจริงกำลังหาโอกาสเงียบๆ
เดิมทีเฟิ่งชิงหัวคิดว่าคนกลุ่มนี้มาชิงรถม้า ทว่าคิดไม่ถึง คนพวกนี้กลับมาส่งรถม้า อีกทั้งสารถีก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนเป็นอีกคน
ไม่เพียงนอกรถม้า แม้กระทั่งบนรถม้าก็มีคนยืนอยู่สองคน
ภายในรถม้า มีคนมาใกล้สองคน เชิดหน้าของนางขึ้น
คนหนึ่งหัวเราะ “ช่างน่าแปลกเหลือเกิน น่าแปลก บนโลกใบนี้มีพิษที่ทำให้คนไม่ตายเช่นนี้ด้วย ทำงานร่วมกับหนานกงจี๋ในครั้งนี้ กำไร กำไร ฮ่าๆ”
“จิ้งจอกเฒ่าหนานกงจี๋ ช่างร้ายกาจจริงๆ เพื่อช่วยคนพวกนั้น ยอมทิ้งได้แม้กระทั่งลูกสาวของตนเอง”
เฟิ่งชิงหัวยิ่งฟังยิ่งแปลกใจ คนพวกนี้ ไม่ใช่คนของหนานกงจี๋หรอกหรือ ดูเหมือนว่า จะเป็นคนที่ร่วมงานกับหนานกงจี๋
หนานกงจี๋ ร่วมมือกับพวกเขาทำอะไรกันแน่?
คนพวกนี้ เป็นใครกันแน่?
ขณะที่เฟิงชิงหัวกำลังสงสัย ทันใดนั้นเอง รถม้าหยุดลง หยุดลงกะทันหัน นางเกือบจะปลิวออกไป
“ช่างเป็นขยะจริงๆ!” นอกรถม้า เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น
“ใต้เท้า?”
“ใต้เท้า เหตุใดท่านจึงมาที่นี่ เรื่องนี้ พวกข้ากำลังจะทำสำเร็จแล้ว” นอกรถม้ามีเสียงพูดด้วยความหวาดกลัวดังขึ้น
“ขยะ! ถูกสลับตัวไปแล้วยังไม่รู้เรื่องอีก!” ขณะพูด ลมแรง ราวกับมีดพุ่งเข้ามาในรถม้า ตรงไปที่เฟิ่งชิงหัว
เฟิ่งชิงหัวกระโดด กลิ้งลงบนพื้น คุกเข่าข้างหนึ่ง
เงยหน้าขึ้นมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้
รถม้าที่ถูกตัดหลายครึ่ง มีคนยืนอยู่ประมาณสิบคน ผู้ชายด้านหน้าสุด สวมชุดสีดำ สวมหน้ากาก รอบตัวแผ่ซ่านด้วยความแปลกประหลาด สวมชุดคลุมสีเงิน อาศัยแสงจันทร์ทำให้คล้ายจะล่องหน
เฟิ่งชิงหัวคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า คนที่หนานกงจี๋ร่วมมือด้วย จะเป็นเหลียนเจี้ยง
หากเป็นเมื่อก่อน เฟิ่งชิงหัวคงจะดีใจที่ได้เจอกับชายคนนี้ เพราะถึงอย่างไรจุดประสงค์ในการลงจากเขาของนางคือจับตัวคนตรงหน้า
แต่ตอนนี้ วรยุทธ์ของนางยังไม่ฟื้นกลับมา ประจันหน้ากัน นางได้รับบทคนอ่อนแอเท่านั้น
“แม่นาง เจ้าช่างใจกล้าเหลือเกิน กล้าทำลายเรื่องของพวกข้า” เหลียนเจี้ยนเดินเข้ามาใกล้ เปี่ยมไปด้วยแรงกดดัน
เฟิ่งชิงหัวถอยหลัง “พวกเจ้าเป็นใคร?จะทำอะไร?”
“เดิมที ตั้งใจจะทำอะไรอยู่ แต่ว่าเจ้า ไม่มีประโยชน์ใดๆ กับพวกข้า เช่นนั้นก็ทำได้เพียง เชิญเจ้าไปตาย!” เหลียนเจี้ยงพูดด้วยความอ่อนโยน ถึงขั้นมีรอยยิ้ม ยกนิ้วมือขึ้นช้าๆ วาดผ่านเฟิ่งชิงหัว
“ตึ้ง” เสียงดังขึ้น ตัวของเฟิ่งชิงหวชนกับต้นไม้ ส่งเสียงกระแทกดังก้อง
เฟิ่งชิงหัวชนต้นไม้ ต้นไม้กลายเป็นสี่ส่วน เฟิ่งชิงหัวเด้งตัวกลับมาบนพื้น ตัวของนาง แทบจะขยับเขยื้อนไม่ได้แล้ว
เฟิ่งชิงหัวตกตะลึง
วรยุทธ์ของเหลียนเจี้ยง คิดไม่ถึงว่า จะเพิ่มขึ้นแล้ว เวลาสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งเดือน เขาทำอะไรกันแน่?
“เจ้าช่างดวงแข็งจริงๆ ยังมีลมหายใจ เช่นนั้นต้องขอโทษด้วย ทำให้เจ้าต้องทรมานก่อนตาย แต่ว่า ครั้งนี้ ไม่มีทาง ข้ารับประกัน”
เหลียนเจี้ยงยังคงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่าคำพูดกลับเหี้ยมโหดยิ่งนัก
เฟิ่งชิงหัวอยากจะปฏิเสธ แต่ความแข็งแกร่งรอบตัวเขา ข่มนางเอาไว้ นางไม่มีแม้กระทั่งแรงที่จะขยับเขยื้อน
จะตาย เช่นนี้แล้วหรือ?
เฟิ่งชิงหัวคิดด้วยความจนปัญญา หลับตาลง
เหลียนเจี้ยงยกมือขึ้นอีกครั้ง ชี้ไปที่เฟิ่งชิงหัว พลังที่แผ่ซ่านออกมาจากนิ้วมือของเขา ราวกับมีด ฟันไปที่เฟิ่งชิงหัว
ทว่า วินาทีต่อมา มีดนั้นกลับหายไป สะท้อนบนพื้น พื้นเกิดเป็นหลุม
“ใครกัน?” มีคนถามขึ้น หลังจากนั้น วินาทีต่อมาเต็มไปด้วยเลือดกระฉูด
กระบี่พุ่งไปที่หน้าผากของเหลียนเจี้ยง เขาถอยหลังสองก้าว หรี่ตาลง พูดด้วยรอยยิ้ม “คิดไม่ถึงจริงๆ ยังมียอดฝีมือ”
เวลานี้เฟิ่งชิงหัวสะลึมสะลือ สติเฮือกสุดท้าย เห็นตรงหน้าของตน มีชายคนหนึ่งยืนอยู่
เสื้อผ้าที่คุ้นเคย รูปร่างที่คุ้นเคย กลำังหันหลังให้นาง ปกป้องนาง
เฟิ่งชิงหัวอยากจะพูด แต่กลับกระอักเลือด พูดอย่างหมดเรี่ยวแรง “ท่าน ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา รีบไป”
ทว่า ยังพูดไม่จบ เฟิ่งชิงหัวตกอยู่ในความมืด
สายตาของจ้านเป่ยเซียวมองไปที่เฟิ่งชิงหัว เห็นรอบตัวของนางเต็มไปด้วยเลือด รอบตัวของเขาแผ่ซ่านด้วยไอสังหาร
หรี่ตาลงมองรอบๆ “พวกเจ้า ตายให้หมด!”
เหลียนเจี้ยงหัวเราะแล้วพูด “ข้าคิดว่าใคร ที่แท้ก็อดีตเทพสงครามที่เวลานี้กลายเป็นเศษขยะ จ้านเป่ยเซียวที่เอง เจ้าในตอนนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า แต่ว่า เจ้าอยากตายเช่นนี้ ข้าสนองความต้องการให้เจ้าได้”
จ้านเป่ยเซียวไม่ได้พูดอะไรมาก กลายเป็นดาวตกพุ่งไปตรงหน้าเหลียนเจี้ยง ทั้งสองรวดเร็วยิ่งนัก เห็นเพียงลำแสงสีขาและสีแดง
คนข้างๆ อยากจะเข้าไป แต่กลับถูกหลิวหยิ่งและคนอื่นๆ ขวางเอาไว้
หลังจากผ่านไปหลายสิบกระบวนท่า เหลียนเจี้ยงกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ พูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเก่งมาก แต่ว่าข้ายังมีธุระ วันหน้าค่อยต่อสู้กันอีก”พูดจบ เขาจากไป คนอื่นๆ หายไป ราวกับวิญญาณ
จ้านเป่ยเซียวไม่ได้ไล่ตาม หมุนตัวหันหลังอยากจะช้อนตัวเฟิ่งชิงหัวขึ้น ทว่ากลับล้มลงบนพื้น