พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 299 จรรยาบรรณวิชาชีพ
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 299 จรรยาบรรณวิชาชีพ
เฟิ่งชิงหัวเดินไปทางด้านหลังของจ้านเป่ยเซียว มือทั้งสองข้างยื่นลงไปในน้ำ มือสองข้างนวดบีบไปบนไหลของเขาไม่หยุด จากนั้นก็ลงไปทางด้านล่าง บีบกระดูกสะบักของเขาดังกึกออกมาอย่างรุนแรง
“อ้า!” ร่างที่เกร็งอยู่เดิมของจ้านเป่ยเซียวพอถูกนางกดลงไปเมื่อกี้ ก็ผ่อนคลายขึ้นมาในทันที
ความเจ็บปวดนั้นยิ่งชัดเจนมากขึ้น ก็เหมือนกับเข็มเล็กๆ นับไปถ้วนทิ่มแทงอยู่ด้านในร่างกายของเขา
“ข้าก็บอกแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เจ็บ เจ้าอย่าให้ร่างกายของเจ้าไปต่อต้าน เปลี่ยนเป็นยอมรับ เช่นนี้เจ้าก็จะได้เจ็บตัวน้อยหน่อย” ในขณะที่เฟิ่งชิงหัวพูดอยู่ การเคลื่อนไหวบนมือก็ไม่หยุดนิ่ง ยังคงเคลื่อนที่ลงไปเรื่อย กดจุดไปบนหลังของเขา 70 กว่าจุดชีพจรได้ แต่ละจุดที่สัมผัสลงไป ความสามารถในการต่อต้านของร่างกายเขาก็ลดลงไปชั้นหนึ่ง ความเจ็บปวดนั้นก็ยิ่งหลอมรวมเข้ากันยิ่งขึ้น
ก้เปรียบดังว่าเขาเป็นทรายจานหนึ่ง และความเจ็บปวดพวกนั้นก็เป็นดั่งน้ำหยดที่เซาะไปเข้าเช่นนั้น
“เจ้าจะร้องก็ร้องเลย เจ็บก็ตะโกนออกมา มีอะไรต้องเกรงใจกัน ที่นี่ก็ไม่มีคนอื่นด้วย หรือว่าองครักษ์พวกนั้นของเจ้ายังกล้าที่จะหัวเราะเยาะกว่างั้นหรือ?” เส้นผมที่อยู่บนหน้าผากของเฟิ่งชิงหัวเปียกไปหมด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอน้ำอบ หรือว่าเหน็ดเหนื่อยเกินไป
เดิมทีจ้านเป่ยเซียวก็ไม่ได้พูดอะไร จนกระทั่งเฟิ่งชิงหัวเอามือกดไปตรงจุดรอบก้นกบ ร่างของเขาทั้งร่างก็หัวทิ่มหัวตำไปด้านหน้าถังแช่น้ำเลย ดวงตาทั้งสองข้างมองมาที่นางอย่างแดงก่ำ: “เฟิ่งชิงหัว! เจ้านวดไปตรงไหน!”
แขนเสื้อของเฟิ่งชิงหัวทั้งสองข้างถกขึ้นมาสูง แต่ก็ยังคงถูกน้ำจุ่มให้เปียกอยู่ดี ในตอนนี้ก็ยิ่งถูกการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของจ้านเป่ยเซียวทำให้น้ำกระเพื่อมกระเด็นขึ้นไปโดนทั้งหน้าและศีรษะของนาง
เฟิ่งชิงหัวยื่นมือลูบหน้าไปหนึ่งที แล้วกล่าวอย่างเรียบเฉยออกมาว่า: “เจ้า นั่งลงนิ่งๆ ให้ข้าเดี๋ยวนี้เลยนะ! กระบวนการนี้ของข้ายังนวดไม่เสร็จ!”
“เจ้ายังจะนวดยังไงอีก? รู้หรือไม่ว่าชายหญิงจะมาแตะเนื้อต้องตัวกันไม่ได้!”
“เสียงดังน่ารำคาญ ข้ามีจรรยาบรรณวิชาชีพ เจ้าคิดว่าข้าอยากจะแต๊ะอั๋งเจ้านักเหรอ? เป็นถึงท่านอ๋องคนหนึ่ง แม้แต่ความรู้ทั่วไปในจุดนี้ก็ไม่มี? หากไม่ใช่เพราะถ้าเจ้าไม่ได้สติไปแล้วฤทธิ์ยาจะไม่เข้าสู่ร่างกายโดยง่ายได้ ข้าก็คงจะทำให้เจ้าสลบไปนานแล้ว ดูว่าเจ้ายังจะพูดมากเช่นนั้นอีกหรือเปล่า” เฟิ่งชิงหัวกล่าวออกมาอย่างเปี่ยมไปด้วยความไม่สบอารมณ์นัก
ดวงตาทั้งสองข้างของจ้านเป่ยเซียวค่อยๆ หรี่ลง จ้องมายังเฟิ่งชิงหัวอย่างเคร่งขรึม สีหน้าเห็นได้ชัดเจนว่าไม่ได้พอใจเท่าไรนัก
“อย่ามาจ้องข้า รีบนั่งลงเดี๋ยวนี้ นี่ยังเหลือจุดชีพจรอีกหลายจุดที่ยังไม่ได้กด หรือว่าเจ้ายังคิดว่าจะให้ข้าเริ่มใหม่อีกครั้งหนึ่ง?” เฟิ่งชิงหัวข่มขู่
จ้านเป่ยเซียวยังคงรักษาระยะห่างจากการกระทำของเฟิ่งชิงหัวต่อไป
เฟิ่งชิงหัวยกมือขึ้นทันที แล้วก็กดไหล่ของเขาเอาไว้แน่นเพื่อให้เขากลับลงไปในถังแช่น้ำ: “ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะเขินอายอะไรกัน เผยให้เห็นหลังมารอให้ข้าชมเชยเจ้าว่าขาวมากน่ะเหรอ?”
จ้านเป่ยเซียวได้ยินคำพูดของเฟิ่งชิงหัว ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา หันศีรษะไป ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมายังเฟิ่งชิงหัวอย่างไม่วางตา
“ก็บอกเจ้าแล้วว่าอย่างจ้องข้า ดวงตาของเจ้าโตกว่าข้างั้นเหรอ? แม้ว่าลูกกระตาของเจ้าจะถลึงออกมาก็ไม่มีประโยชน์หรอก อยู่นิ่งๆ หน่อย” ในขณะที่พูดอยู่ก็ขับศีรษะของจ้านเป่ยเซียวหันกลับไปด้านหน้าเลย แล้วก็เริ่มกดจุดชีพจรต่อ
จ้านเป่ยเซียวเพียงแต่รู้สึกว่ามือคู่นั้นมันช่างกำเริบเสิบสาน มีความรู้สึกเสียวซ่านและชาที่แผ่นหลังขึ้นมา อดที่จะขนลุกซู่อย่างสั่นเทาไม่ได้
“น้ำก็ไม่ได้เย็นนี่นา เจ้าสั่นอะไร?” เฟิ่งชิงหัวรู้สึกได้ก็เลยกล่าวถามด้วยความสงสัย
จ้านเป่ยเซียวแน่นอนว่าย่อมไม่อาจบอกนางได้ กล่าวอย่างผ่อนคลายลมหายใจออกมาว่า: “หุบปาก”
เฟิ่งชิงหัวเบะปากไปมา แล้วก็ทำต่อไป อยู่ในน้ำมองไม่เห็น จุดชีพจรได้เพียงต้องคลำเอา อีกอย่างแรงที่ออกไปนั้นก็เป็นเพราะน้ำจึงทำให้มีความแตกต่างกันหลายเท่าอยู่บ้าง
เฟิ่งชิงหัวได้เพียงคลำไปยังจุดชีพจรอย่างไม่หยุดก่อนที่จะแน่ใจแล้วกด นิ้วมือเลยลูบไปมาบนแผ่นหลังของเขาไม่หยุด จากนั้นก็รู้สึกว่าจ้านเป่ยเซียวเริ่มเกร็งขึ้นมาอีกแล้ว
“เจ้าตื่นเต้นอะไร? ไม่ใช่ว่าให้ผ่อนคลายเหรอ?” เฟิ่งชิงหัวขมวดคิ้ว
จ้านเป่ยเซียวกัดฟัน อยากจะเอาสตรีที่จุดไฟติดง่ายผู้นี้โยนออกไปจริงๆ
นางเองกำลังทำอะไรตัวเองไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเลย แต่การกระทบทางด้านนี้ของเขานั้นไม่มีทางที่จะเลี่ยงได้เลย ก็เป็นสาเหตุมาจากมือทั้งสองข้างนั้นของนาง ตอนนี้ความเจ็บปวดบนร่างของเขาส่วนใหญ่ได้ข้ามผ่านไปเป็นความรู้สึกสัมผัสแบบนั้นแล้ว
เฟิ่งชิงหัวจนปัญญา: “บอกให้เจ้าอย่าเกร็งๆ คราวนี้ดีเลย ข้ายังต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นเลย ข้าเหนื่อยไม่เป็นหรือไง? เจ้าก็แค่แช่น้ำเหมือนกับท่านปู่เช่นนั้น ให้ข้าได้นวดให้เจ้าดื่มด่ำแค่นั้นก็พอแล้ว จำเป็นจะต้องมาหาเรื่องหรือ”
จ้านเป่ยเซียวทนจนไม่อยากจะทนแล้ว: “อย่ามาแตะต้องข้า!”
โมโหจริงๆ จนแม้แต่คำที่เรียกแทนตัวว่าอ๋องก็ไม่พูดแล้ว
“เจ้ายังโมโหขึ้นมาอีกเหรอ? นี่ข้านวดให้เจ้านานเช่นนี้ ข้าเหนื่อยไม่เป็นหรือไง?” เฟิ่งชิงหัวกล่าวแล้วก็ทุบเอวอยู่
จ้านเป่ยเซียวกำลังจะพูด ก็ได้ยินนอกห้องมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
“อาจารย์ ยาเคี่ยวเสร็จแล้ว ต้องยกเข้าไปให้ท่านหรือไม่?” ด้านนอกประตู เสียงของเนี่ยหานซิงดังเข้ามา
“เข้ามาเถอะ” ในขณะที่เฟิ่งชิงหัวพูดอยู่ก็ลุกขึ้นอ้อมฉากกั้นห้องไปรับเอาชามข้ามมือมา ทำปากจุ๊ๆ แล้วกล่าวว่า: “โน่น ไปตรงนั้น ถอดเสื้อผ้าออกแล้วแช่เข้าไปในนั้น อาจารย์จะคลายกล้ามเนื้อเส้นเอ็นให้เจ้า”
เนี่ยหานซิงมองไปยังถังโอสถนั้นครู่หนึ่ง ก็ไม่ถามมากความ เข้าไปก็เริ่มถอดเสื้อผ้า
รูปร่างของชายหนุ่มค่อนข้างผอมแห้งไปหน่อย กระดูกลีบเล็ก พอเห็นก็รู้ว่าร่างกายอ่อนแอแบบนั้นเลย ดีที่ปกติแล้วก็ฝึกหมัดเตะมาบ้าง ก็ไม่นับว่าแห้งจนเกินไป
เฟิ่งชิงหัวก็ยืนอยู่ด้านนอกฉากกั้นลมเช่นนี้ไม่ขยับไปไหน จ้านเป่ยเซียวก็สามารถได้ยินเสียงกุ๊กๆ กิ๊กๆ ดังเข้ามาจากทางด้านนั้นที่ฉากกั้นลมบังอยู่
“เฟิ่งชิงหัว!” เสียงของจ้านเป่ยเซียวราวกับว่าดังออกมาจากในซอกฟันที่บีบออกมาก็ไม่ปาน
เฟิ่งชิงหัวหันศีรษะไป: “ทำไมหรือ?”
“ยาที่เจ้ายกมาต้องเอาให้ท่านอ๋องดื่มหรือเปล่า?”
“อ๋อ ใช่ เพียงแต่ยังไม่ได้ใส่น้ำตาลเลย ข้าไปเอาผลไม้เชื่อมมาหน่อยก่อนนะ” เฟิ่งชิงหัวกล่าว
“ไม่ต้อง ยกมาเลย” จ้านเป่ยเซียวยื่นมือออกไปรับ ยกเอาไว้แต่กลับไม่ดื่มอีก ได้เพียงสบสายตาไปยังฉากกั้นลมนั้นแล้วกล่าวเสียงเย็นชาออกมาว่า: “นั่นคือใคร”
“อ่อ โหวเย่น้อยแห่งจวนเจ้าผู้อารักขา เนี่ยหานซิง ตอนนี้เป็นศิษย์ของข้าเอง” เฟิ่งชิงหัวกล่าว
“เจ้าจะคลายกล้ามเนื้อเส้นเอ็นให้เขาหรือ?” สีหน้าของจ้านเป่ยเซียวกล่าวออกมาอย่างไม่ยินดี
“ใช่แล้วล่ะ กระดูกบนร่างของเขาอ่อนแอ จำเป็นจะต้องแช่สักหน่อยเพื่อทะลวงจุดชีพจร ปรับรูปร่าง”
“ไม่ได้!” จ้านเป่ยเซียวกล่าวออกมาเสียงเข้ม สีหน้าเขียวคล้ำ: “เจ้ายังไม่ได้ช่วยนวดให้ข้าเรียบร้อยเลย!”
“เจ้าไม่ใช่ให้ข้าอย่าแตะต้องเจ้าหรือ?” เฟิ่งชิงหัวยิ่งสงสัยมากขึ้น เมื่อครู่คนผู้นี้ยังกล่าวปฏิเสธเช่นนั้นอยู่เลย
“ตอนนี้ได้แล้ว มานวดเถอะ! อย่าว่อกแว่ก อย่างเจ้าเช่นนี้ยังจะแสดงความเป็นอาจารย์ให้ใครเขาได้ อายบ้างหรือเปล่า!” จ้านเป่ยเซียวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงโมโห
“เจ้ากลัวว่าข้าจะไปล่วงเวลารักษาของเจ้าหรือ? ไม่เลย อันนี้สามารถทำไปพร้อมๆ กันได้ หลังจากข้านวดให้เจ้าเสร็จแล้ว ค่อยข้ามมาก็ได้แล้ว” เฟิ่งชิงหัวกล่าว
“ข้าบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ ตอนนี้เจ้ายังเป็นพระชายาของข้าอยู่ เจ้ากล้าใช้มือทั้งสองข้างของเจ้าไปลูบคลำชายอื่นตามอำเภอใจลองดู! เชื่อไหมว่าข้าจะตัดทิ้ง” พูดไปได้ครึ่งทาง จ้านเป่ยเซียวก็เปลี่ยนกลับอย่างลำบากใจว่า: “ข้าจะตัดลูกศิษย์ของเจ้า!”
เฟิ่งชิงหัวสงสัย: “แต่ว่าเขาไม่ต้องนวดนะ โอสถของเขาเดิมก็ไม่เหมือนกับของเจ้าอยู่แล้ว อีกอย่างเจ้าไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ข้านวดเหรอ?”
จ้านเป่ยเซียวได้ยินสีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไป กลิ่นอายความเย็นชาบนร่างก็แผ่ซ่านออกไปไม่น้อย เม้มปากไว้ครู่หนึ่ง ไม่พูดอะไรเลย
เฟิ่งชิงหัวยิ้มอย่างมีเลศนัย เขยิบเข้ามาใกล้จ้านเป่ยเซียวแล้วกล่าวเบาๆ ว่า: “เจ้าไม่ให้ข้าข้ามไป หรือว่าเป็นเพราะเจ้า……”
“เปล่า ไม่ได้มีอะไร เจ้าอย่าคิดเพ้อเจ้อ!” จ้านเป่ยเซียวรีบปฏิเสธทันที
เฟิ่งชิงหัวประหลาดใจ: “หรือว่าไม่ใช่เพราะว่าข้านวดให้เจ้าสบายมาก เจ้าก็เลยไม่อยากให้ข้าไปนวดให้เขา?”