พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 32 คำหวานของพระชายา
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 32 คำหวานของพระชายา
ในลานของจวนอ๋อง จ้านเป่ยเซียวยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิม เวลานี้กลับเปลี่ยนหนังสือไปเล่มหนึ่งนานแล้ว กำลังฟังการรายงานขององครักษ์ลับอยู่
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเฟิ่งชิงหัวในกรมคลัง ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเขาทุกๆรายละเอียด
ในตอนที่ได้ยินนางปกป้องเขาต่อหน้าจ้านถิงเฟิงรวมไปถึงเรื่องที่นางแกล้งอีกฝ่ายอย่างไร รอยยิ้มตรงมุมปากก็ไม่เคยหายไปเลย
จิ่งยี่ที่ฟังอยู่ด้านข้างพยักหน้าซ้ำๆ: “ถึงแม้นิสัยของนังหนูนี่จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ค่อนข้างจะปกป้องท่านอยู่ เดิมทีข้ายังเป็นห่วงว่านางเห็นคนรักเก่าจะร้องตะโกนอย่างสุดชีวิตกอดอีกฝ่ายเอาไว้แล้วระบายความทุกข์เสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะสามารถทำให้จ้านถิงเฟิงเจ้าคนหน้าเนื้อใจเสือคนนั้นเปลี่ยนสีหน้าไปหลายครั้ง ไม่เลว ไม่เลว”
“ต่อไปอย่าพูดสองคำนั้นอีก ข้าไม่ชอบฟัง” จ้านเป่ยเซียวขมวดคิ้ว กลับมาเย็นชา แต่สายตากลับมองไปทางหน้าประตูใหญ่ของจวนอ๋อง
ความเร็วของเพียวเสว่ ไม่น่าจะช้าขนาดนี้
จิ่งยี่เบะปากอยู่ด้านข้าง: “ถึงท่านจะไม่ชอบฟังแค่ไหนมันก็เป็นเรื่องจริง ก่อนหน้านี้นางเกือบจะอดอาหารฆ่าตัวตายเพราะต้องแต่งงานกับท่านเชียวนะ”
“เป็นไปไม่ได้” จ้านเป่ยเซียวกล่าวออกมาช้าๆ
“ท่านไม่เชื่อว่านางมีความรักลึกซึ้งต่อองค์ราชทายาทชั่วนั่น?” จิ่งยี่เบิกตากว้าง ต้องการจะดูว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือจ้านเป่ยเซียวที่เขารู้จักหรือไม่
นี่เพิ่งผ่านไปกี่วันเอง ก็เริ่มใส่ใจนังหนูนั่นแล้ว?
“นิสัยของนาง ไม่เลือกการฆ่าตัวตายด้วยการอดอาหารหรอก” แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นแมวตะกละ เขาเพิ่งจะห้ามนางกินอาหารไปแค่วันเดียวนางยังสามารถไปขโมยสัตว์เลี้ยงมาทำอาหารป่าได้ ถึงแม้จะฆ่าตัวตายนางก็จะไม่เลือกวิธีตายที่มันทรมานเช่นนี้หรอก
หากนางจะตาย ก็เป็นการอิ่มตาย
“เอาเถอะ วิธีการตายไม่สำคัญ ข้าเตรียมจะจากไปสองสามวัน บอกลากับท่านตรงนี้เลย ข้าไม่อยู่ท่านระวังตัวเองเอาไว้ด้วย”
“อืม” ชายหนุ่มรับคำ แม้แต่หางตาก็ยังไม่มองคนที่อยู่ด้านหลัง
ดีที่จิ่งยี่เคยชินกับการบอกลาที่เย็นชาแบบนี้ของจ้านเป่ยเซียวนานแล้ว เดินลมปราณใช้วิชาตัวเบาออกไปจากจวนอ๋องอย่างแผ่วเบาโดยตรง
“เตรียมอาหารเถอะ” จ้านเป่ยเซียวกล่าว
“ขอรับ”
องครักษ์เพิ่งจะถอยออกไป ตรงทางเดินก็มีเสียงกระดิ่งที่เบาและรวดเร็วดังมา พร้อมด้วยเสียงฝีเท้าที่ดังตามมา
เฟิ่งชิงหัวเห็นจ้านเป่ยเซียวที่นั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับเขยื้อนหลังจากที่นางจากไป กระโจนตัวไปยังข้างเก้าอี้เข็นพร้อมกับรอยยิ้ม: “ข้ากลับมาแล้ว”
บนใบหน้าของหญิงสาวมีรอยยิ้มที่สดใส ดวงตาก็ยิ่งเจิดจ้าระยิบระยับ คือความมีชีวิตชีวาที่จ้านเป่ยเซียวไม่เคยเห็นมาก่อน
จ้านเป่ยเซียวตอบรับเสียงเบา สายตาหยุดอยู่ที่หน้าหนังสือ จู่ๆบนหน้าหนังสือก็มีกระดิ่งที่เล็กกระจุ๋มกระจิ๋มเพิ่มขึ้นมาอันหนึ่ง ส่งเสียงที่ดังชัดเจนออกมา
เฟิ่งชิงหัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ระหว่างทางที่กลับมาเดินผ่านถนนตงต้า ที่นั่นครึกครื้นมาก ข้าเดินเล่นไปรอบๆ ก็เห็นเจ้าสิ่งนี้น่าสนใจดี ข้าซื้อมาสองอัน มองให้ท่านอันหนึ่ง ท่านชอบอ่านหนังสือไม่ใช่หรือ อันนี้สามารถใช้เป็นที่คั่นหนังสือได้ ท่านดูสิ เอาตรงนี้คั่นเอาไว้บนหน้าหนังสือเช่นนี้ ครั้งหน้าท่านก็สามารถอ่านต่อจากก่อนหน้านี้ได้เลย”
จ้านเป่ยเซียวกล่าวว่า: “ความจำข้าดีมาก”
“ซื้อก็ซื้อแล้ว อย่างไรก็ไม่สามารถคืนกลับไปตอนนี้ได้ใช่ไหมล่ะ ข้าจ่ายเงินไปมากโขอยู่นะ” เฟิ่งชิงหัวกล่าวอย่างปวดใจ
จ้านเป่ยเซียวมองพิจารณากระดิ่งที่ว่าจ่ายเงินไปมากโขสองอันนั้น ขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นมาอย่างรังเกียจ: “คุณภาพแย่เกินไป”
“อันละสิบห้าอีแปะท่านยังอยากจะให้ทำมาจากทองคำหรือ” เฟิ่งชิงหัวกลอกตามองเขาครู่หนึ่ง ไม่รอให้เขาปฏิเสธก็เอากระดิ่งเหน็บเอาไว้บนหน้าหนังสือของเขา
“สิบห้าอีแปะก็คือเงินมากมายที่เจ้าพูดถึง?” สิบห้าอีแปะ เขาที่เป็นถึงท่านอ๋องไม่เคยเห็นเหรียญอีแปะมาก่อน ออกเดินทางล้วนใช้ตั๋วเงินทั้งนั้น
“มันเยอะมากแล้วตกลงไหม หนึ่งอีแปะสามารถซื้อซาลาเปาเนื้อหนึ่งลูก มังสวิรัติได้สองลูก สิบห้าอีแปะคือซาลาเปาเยอะมาก พอให้กินหลายวันแล้ว ท่านอ๋อง ท่านไม่รู้จักความยากจนข้าไม่โทษท่านหรอก”
“จวนเฉิงเซี่ยงยากจนขนาดนี้จริงหรือ?”
“จวนเฉิงเซี่ยงยากจนหรือไม่ข้าไม่รู้ อย่างไรเสียข้าก็ยากจนมาก ท่านอย่าคิดว่าสิ่งที่ข้ามอบให้ท่านมีราคาถูกมาก ท่านต้องคิดในมุมที่ต่างออกไป มีคนคนหนึ่ง เขามีหนึ่งหมื่นตำลึง เขายินดีให้ท่านหนึ่งร้อยตำลึง ท่านก็คิดว่าเขาดีกับท่านอย่างมาก ความจริงแล้วเขาให้ท่านไปเพียงเล็กน้อยในปริมาณที่มหาศาลเท่านั้น ถึงแม้ว่าที่ข้าให้ท่านจะมีเพียงสิบห้าอีแปะ แต่นั่นคือข้าสามารถให้ท่านทั้งหมดที่ข้ามีแล้ว เมื่อเทียบกันเช่นนี้มันก็จะล้ำค่ามากใช่ไหม?”