พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 46 ยาพิษลับเฉพาะสำนัก
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 46 ยาพิษลับเฉพาะสำนัก
ตอนแรกคิดว่าอู่ตู๋จื่อจะพูดว่า ไม่ว่าท่านเปลี่ยนเป็นใบหน้าไหนก็งามล่มเมือง แต่อู่ตู๋จื่อรู้จักใบหน้าที่แท้จริงของนาง และยังยกย่องนางเหมือนเทพในใจ ก็ต้องคิดว่านางดีทุกอย่างอยู่แล้ว
“ไม่สวยเลย เทียบกับใบหน้าจริงของท่าน ใบหน้านี้ขี้เหร่มาก ถึงท่านจะอยากปกปิดใบหน้าที่แท้จริงของตัวเอง ก็อย่าใช้ที่ขี้เหร่สิ และยังเป็นใบหน้าที่มีท่าทีอมทุกข์ตลอดเวลา ดูไปแล้วเหมือนผู้ป่วยติดเตียงเลย ไม่มงคล เปลี่ยนใบหน้าเถอะ”
เฟิ่งชิงหัวลูบคางแล้วพูดว่า: “ก็ยังดีนะ ใช้จนชินแล้วเลยรู้สึกว่าไม่เลวเลย เหมาะสมกับการทำตัวอ่อนแอ”
อู่ตู๋จื่อรีบพูดว่า: “ไม่มีทาง ถึงท่านจะใช้ใบหน้านี้ก็ซ่อนความดุดันของท่านไม่ได้หรอก บุคลิกสาวน้อยไร้เดียงสาไม่เหมาะกับท่านเลย”
“ปากหวานนัก เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปสืบเป็นยังไงแล้วบ้าง?” เฟิ่งชิงหัวมองค้อนเขา อู่ตู๋จื่อตกใจจนนั่งหลังตรง ยืดหลังจนหนังที่หลังแน่นไปหมด
“ยังขอรับ เวลานานเกินไป คนที่อยู่ตำแหน่งนั้นในตอนนั้นก็เปลี่ยนไปหลายคนแล้ว และท่านสั่งว่าห้ามให้พวกนั้นรู้ตัว ดังนั้นข้อน้อยเลยไม่กล้าสืบอย่างเปิดเผย ตอนนี้สิ่งที่สืบได้คือจวนเฉิงเซี่ยง”
“จวนเฉิงเซี่ยงงั้นเหรอ” เฟิ่งชิงหัวกัดฟัน: “ก่อนหน้านี้ข้าไปที่จวนเฉิงเซี่ยง ไม่เห็นมีอะไรแปลกนะ ตาแก่นั่นก็บอกเองแล้วว่า ตอนที่แม่ข้าคลอดข้าเสร็จก็พาข้าออกไปเลย จึงไม่ได้เจอหน้ากัน เจ้าไปสืบต่อเถอะ”
“ขอรับ อาจารย์ย่า ท่านวางใจได้ บรรพบุรุษจะต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ อาจารย์ของข้าคำนวณมาแล้ว ตอนนี้นางยังมีชีวิตอยู่ อาจจะมีติดอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่” อู่ตู๋จื่อพูดปลอบใจ
“อืม ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็เอาแบบนี้ก่อนแล้วกัน ข้ากลับก่อนล่ะ” เฟิ่งชิงหัวกำลังจะลุกขึ้นเดินออกไป ก็เห็นเด็กน้อยวิ่งเข้ามา แล้วรีบรายงานว่ามีคนพยายามบุกรุกเข้ามา
เฟิ่งชิงหัวหันไปมองอู่ตู๋จื่อ แล้วพูดหยอกว่า: “เจ้าคงไม่ได้ไปล่วงเกินใครไว้หรอกนะ? โดนบุกขนาดนี้ ไปขายยาปลอมหรือไง?”
อู่ตู๋จื่อได้ยินคำพูดของเฟิ่งชิงหัวกลับตกใจมาก รีบคุกเข่าลงพื้นอย่างเร็ว: “อาจารย์ย่า ข้าไม่กล้าเหยียดหยามสำนักตัวเองหรอกนะ ข้ารักษาด้วยใจจริงๆ ไม่กล้าทำเรื่องแบบนั้นหรอกนะ”
“ตื่นเต้นขนาดนี้ทำไมกัน ข้าก็แค่พูดเล่นๆ ในเมื่อไม่ได้ทำ ก็จัดการเรื่องนี้ดีๆแล้วกัน หาคนมาเฝ้าหน้าประตูไว้ อย่าให้หมาแมวที่ไหนบุกรุกเข้ามาได้ง่ายๆ” ตอนเฟิ่งชิงหัวพูดนั้นยังยิ้มอยู่บ้าง แต่สีหน้ากลับดุดันมาก
ยืนอยู่ตรงนั้นไม่หลบไปไหน มองดูคนสิวกว่าคนยกคนคนหนึ่งบุกเข้ามา
คนที่นำหน้ามาสวมชุดหรูหรา ดูแล้วเหมือนลูกหลานขุนนาง เดินตรงมายังเฟิ่งชิงหัวสองคน
“ท่านอาวุโส ได้โปรดช่วยน้องชายข้าด้วย เขาถูกคนถ่อยทำร้าย ตอนนี้สลบไม่ฟื้นสิบวันแล้ว ข้าน้อยก็ถึงบุกมาถึงที่ ได้โปรดท่านช่วยเขาด้วยเถิด” ชายหนุ่มพูดอย่างร้อนใจ
อู่ตู๋จื่อยังโมโหที่พวกเขาบุกเข้ามาทำให้เขาขายหน้าต่อหน้าอาจารย์ย่า อารมณ์เขียนไว้บนสีหน้าของเขาทั้งหมด ใบหน้าเรียบเนียนอ่อนโยนนั้นก็เขียนไว้ว่าห้ามคนนอกเข้าใกล้
“ข้าออกกฎไว้แล้วไง ทุกเดือนรักษาแค่สามคน คุณชายท่านนี้ทำลายทรัพย์สินบ้านข้า ผู้ช่วยหมอของข้าจะคิดราคากับพวกเจ้าเอง” อู่ตู๋จื่อว่าแล้วหันไปมองเฟิ่งชิงหัว แต่กลับเห็นหญิงสาวไม่รู้ว่าเดินไปถึงหลังเปลตั้งแต่เมื่อไหร่ นางมองดูคนที่นอนอยู่ตรงนั้น
ผู้ป่วยคนนี้น่าจะเป็นน้องแท้ๆของชายหนุ่ม ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกันมาก แต่เพราะป่วย เห็นได้ชัดว่าผอมลงไปมาก
ส่วนอาการป่วย ดูเหมือนจะสะสมพิษมาเป็นเวลานาน
เฟิ่งชิงหัวกำลังจะยื่นมือไปนั้น กลับถูกทหารข้างๆตะโกนด่า: “บังอาจ! เจ้ากล้าแตะต้องโหวเย่น้อยของเราได้ยังไง?”
เฟิ่งชิงหัวมองไปยังทหารคนนั้น แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า: “อยากให้เจ้านายพวกเจ้าตายก็ลองหยุดข้าดูสิ”
ทหารคนนั้นเห็นสายตาของนางแล้วก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว รอรู้สึกตัวอีกทีก็รู้สึกอับอายมาก รีบหันไปมองเจ้านายของตัวเอง
อู่ตู๋จื่อรีบวิ่งเข้ามา ชี้หน้าทหารคนนั้นแล้วด่าว่า: “เจ้าตาบอดหรือไง! อาจารย์ย่าของข้ายอมรักษาคนป่วยใกล้ตายของพวกเจ้าก็ถือว่าไว้หน้าพวกเจ้าแล้ว เจ้ายังกล้าขวางอีก ไสหัวไปเลยนะ”
ว่าแล้วก็ผลักทหารคนนั้นออกไปไกลๆ กำลังภายในหนักแน่นมาก ทำให้ทหารคนนั้นตกตะลึง
คุณชายชุดหรูเห็นมีโอกาสแล้ว ก็รีบวิ่งไปหาทั้งสองคน แล้วรีบพูดว่า: “ได้โปรดคุณชายท่านนี้ช่วยน้องชายข้าด้วย น้องชายของข้ามีนิสัยอ่อนโยน ไม่เคยมีปัญหากับใครเลย ถ้าช่วยน้องชายของข้าได้ ข้าจะตอบแทนด้วยเงินก้อนโต ข้าเป็นซื่อจื่อเนี่ยกวางหยวนแห่งจวนติ้งหย่วนโหว น้องชายข้าเนี่ยหานซิง”
“เสียงดัง” เฟิ่งชิงหัวเปิดเสื้อของชายหนุ่ม แล้วขมวดคิ้วพูดไปด้วย
อู่ตู๋จื่อรีบมองค้อนคนคนนั้น: “ได้ยินหรือยัง คุณชายของเราบอกว่าเจ้าเสียงดัง รีบหุบปากของเจ้าซะ!”
ได้ยินดังนั้น เนี่ยกวางหยวนก็ไม่กล้าพูดมากอีก สายตาจ้องเขม็งไปที่น้องชายของตัวเอง เห็นคนคนนั้นถอดเสื้อของเขา เหลือแค่กางเกงตัวเดียว
เนี่ยหานซิงผอมแห้งอยู่แล้ว ตอนนี้สลบแล้วร่างกายก็ซูบผอมลงไปกว่าเดิม เนี่ยกวางหยวนเห็นแล้วก็น้ำตาคลอเบ้า
เฟิ่งชิงหัวตรวจสอบเผินๆแล้วก็มองไปยังอู่ตู๋จื่อ: “ดูออกไหม?”
หลังจากได้ยินคำเตือนของเฟิ่งชิงหัว อู่ตู๋จื่อก็ถึงมองไปยังคนคนนั้น หลังจากที่ตรวจชีพจรดู ก็พูดอย่างตกตะลึงว่า: “ยาพิษนี้……”
คำพูดที่เหลือหายเข้าไปในสายตาของหญิงสาว
“พวกเราช่วยคนผู้นี้ได้ แต่ขอถามคุณชายเนี่ยก่อน ขอคุณชายให้คำแนะนำด้วย” เฟิ่งชิงหัวพูดเสียงทุ้มต่ำ
เนี่ยกวางหยวนได้ยินว่าคุณชายหน้าใสจะช่วย ก็รีบพยักหน้าทันที: “ได้ๆ คำถามอะไรก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่ช่วยน้องชายของข้าได้ ท่านอยากรู้อะไร ข้าจะตอบให้หมดเลย”
เฟิ่งชิงหัวรีบหันไปสั่งให้อู่ตู๋จื่อย้ายผู้ป่วยเข้าไปข้างในห้อง นอกจากทั้งสองคนแล้ว ห้ามคนนอกเข้ามา
อู่ตู๋จื่อรู้ความเคยชินของนาง เขารีบเตรียมกล่องยาและเข็มไว้และคอยช่วยอยู่ข้างๆ
เฟิ่งชิงหัวหยิบเข็มขึ้นมา เคลื่อนไหวเร็วมาก มือนั้นรวดเร็วพึ่บพั่บ หน้าอกของชายหนุ่มมีเข็มปักเต็มไปหมด ดูเหมือนปักไม่เป็นทิศเป็นทาง แต่กลับปักเข้าจุดสำคัญทั้งหมด ขนาดลึกตื้นยังละเอียดอ่อนมาก
สักพักใหญ่ เฟิ่งชิงหัวก็ดึงเข็มออกจากท้องของชายหนุ่ม และเข็มที่มีสีเงินนั้นก็เปลี่ยนกลายเป็นสีดำ
อู่ตู๋จื่อปิดปากอย่างตกตะลึง: “หรือนี่จะเป็นยาพิษลับของสำนักเรา?”
“ใช่แล้ว ดูท่า คนทรยศที่พวกเราลงมาจับครั้งนี้เริ่มมีวี่แววแล้ว คนผู้นี้โชคดีมากที่เจอกับพวกเรา เลยช่วยเขาไว้ได้” เฟิ่งชิงหัวพูดจบ นางก็หยิบมีดที่บางเหมือนปีกผีเสื้อออกมา แล้วกรีดไปที่กระดูกเข่าเบาๆ