พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 55 ทำไมข้าไม่รู้มาก่อนว่าท่านอ๋องมีคนที่ชอบ
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 55 ทำไมข้าไม่รู้มาก่อนว่าท่านอ๋องมีคนที่ชอบ
เจียงหยูหวันก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่นัก แม้ว่าร่างของเธอจะหกล้มลงไปทับอยู่บนตัวเหออาน แต่หัวเข่าซ้ายและมือทั้งสองข้างของนางกลับกระแทกลงบนพื้นอย่างจัง และด้วยมือทั้งสองข้างของนางไม่มีเสื้อผ้าห่อหุ้มเอาไว้ทำให้มีเลือดไหลซิบ และพบว่ามีเศษแก้วปักอยู่ในฝ่ามือของนาง นางเจ็บจนไม่อาจส่งเสียงร้องออกมาได้
เฟิ่งชิงหัวเห็นสถานการณ์แบบนั้นก็ตั้งท่าจะหนี แต่เมื่อหันตัวกลับไปก็เห็นคนที่ทิ้งนางไปเดินกลับมา
“เจ้าเกิดปีเต่าหรือไง” จ้านเป่ยเซียวจ้องเขม็งไปที่เฟิ่งชิงหัวอย่างไม่สบอารมณ์
เขาไปถึงหน้าประตูวังแล้วแต่ไม่เห็นผู้หญิงคนนี้เดินตามมา ตอนแรกคิดว่านางหลงทางก็เลยกลับมาตามหานาง ใครจะรู้ว่านางยังคงยืนอยู่ที่เดิม
เฟิ่งชิงหัวเห็นเขาจึงยิ้มแล้วชี้ไปที่คนที่อยู่ในทะเลสาบขุด “ข้าไม่ได้เกิดปีเต่า แต่ข้ากำลังดูเต่าต่างหากเจ้าค่ะ ท่านลองดูสิว่าเต่าสองตัวนี้ซ้อนทับกันอยู่เช่นนี้ทำอะไรกันอยู่ ท่านอ๋องมีความรู้กว้างขวางช่วยมาดูเพื่อคลายสงสัยให้ข้าทีได้หรือไม่”
จ้านเป่ยเซียวตอนแรกที่คิดจะพุ่งตัวเข้ามาพลันหยุดชะงัก เมื่อเห็นสีหน้ายินดีของนางและคำพูดของนางสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นหมองคล้ำลง จากนั้นจึงกัดฟันแค่นเสียงพูดออกมาว่า “หนาน…กง…เยว่…ลั่ว! ขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”
เฟิ่งชิงหัวเม้มปากแล้วกล่าวอย่างไม่พอใจ “ท่านอ๋องท่านไม่ยอมดูก่อนหรือ ภาพอย่างนี้หาดูยากนะ”
“หนานกงเยว่ลั่ว เจ้าทำตัวเป็นผู้หญิงหน่อยได้หรือไม่! ของสกปรกพวกนั้นเป็นของที่เจ้าควรดูงั้นหรือ!”
เฟิ่งชิงหัวกล่าวอย่างประหลาดใจ “ท่านอ๋อง มันจะเกี่ยวข้องกับของสกปรกได้อย่างไร ท่านลองมาดูก่อนเถิด”
จ้านเป่ยเซียวกำลังจะระเบิดอารมณ์กลับได้ยินเสียงอ่อนแอที่ดังขึ้นมาจากในทะเลสาบ “พี่ พี่เจ็ด ช่วย ช่วยข้าด้วย……”
จ้านเป่ยเซียวชะงัก จากนั้นจึงก้าวไปข้างหน้า เมื่อเห็นทั้งสองนอนแผ่อยู่ด้านล่างก็ถามเฟิ่งชิงหัวอย่างสงสัย “ฝีมือเจ้าหรือ”
เฟิ่งชิงหัวรีบอธิบาย “ท่านอ๋องอย่าใส่ร้ายข้า ข้าไม่รู้จักสองคนนี้ด้วยซ้ำ นึกว่าเป็นวิธีการเล่นใหม่ๆ ของคนในวังหลวง ก็เลยตื่นเต้นและเรียกให้ท่านมาดูด้วย สุดท้ายท่านกลับบอกว่าเป็นของสกปรก ฟังแล้วน่าเศร้านัก”
นางกล่าวพลางทำท่าทางน่าสงสาร
จ้านเป่ยเซียวขี้เกียจจะมองนาง จึงตามทหารให้ช่วยสองคนนี้ขึ้นมาก่อน
ตอนนี้เสื้อผ้าอันหรูหราสวยงามของคนทั้งสองเลอะโคลนไปทั่วทั้งตัว แม้แต่ใบหน้าก็ยังเลอะโคลนหนึ่งชั้นจนมองไม่ออกว่าใครเป็นใคร จ้านเป่ยเซียวเองก็ได้แต่แยกแยะเอาจากเสียงว่าอีกคนหนึ่งคือเหออาน
เมื่อเหออานเห็นว่าคนตรงหน้าคือจ้านเป่ยเซียว แววตาของนางที่มีน้ำตาคลออยู่ก็เอ่อทะลักออกมา จากนั้นจึงวิ่งเข้ามาอย่างเจ็บปวด “พี่เจ็ด!”
ทว่าวิ่งเข้ามาเพียงไม่กี่ก้าว ชายตรงหน้าก็กล่าวเสียงแข็งด้วยสีหน้าหน้านิ่วคิ้วขมวดว่า “หยุดเดี๋ยวนี้!”
เหออานหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชายผู้นั้นห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว พลางร้องไห้น้ำตาอาบแก้มที่เปื้อนโคลนจนเกิดเป็นสีขาวสองสาย ดูแล้วน่าหัวเราะอย่างยิ่ง เฟิ่งชิงหัวที่อยู่อีกด้านหนึ่งอดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมา “ฮ่าๆ”
เหออานยกนิ้วชี้ไปที่เฟิ่งชิงหัว “พี่เจ็ด ผู้หญิงคนนี้แหละที่ผลักข้าลงไป พี่ต้องให้ความเป็นธรรมกับข้านะ ปลดนางซะแล้วเอานางไปขังไว้ที่คุกหลวงแล้วลงโทษนางด้วย!”
เมื่อเฟิ่งชิงหัวเห็นว่าอีกฝ่ายชี้มาที่ตนก็ทำหน้าไร้เดียงสาแล้วกล่าวว่า “แม่นางผู้นี้ ข้าไม่เคยมีความแค้นใดๆ ต่อเจ้า แค่ข้าหัวเราะเจ้า เจ้าก็ใส่ร้ายข้าเช่นนี้แล้วหรือ อย่างนี้ไม่ดีกระมัง”
เมื่อเห็นเฟิ่งชิงหัวตั้งท่าจะปฏิเสธ เหออานก็ร้อนใจจนกระทืบเท้าแต่ไม่ทันระวังเหยียบโดนแผลของตนเองอีก จึงส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “เหตุใดผู้หญิงคนนี้ถึงไร้ยางอายเช่นนี้ เห็นชัดๆ ว่าเจ้าอิจฉาที่พี่เจ็ดชอบหยูหวัน จากความอิจฉาของเจ้าก็เลยเปลี่ยนเป็นความแค้นและผลักพวกเราลงไป เจ้าคิดจะฆ่าปิดปากพวกเรา เจ้าคือฆาตรกร”
เฟิ่งชิงหัวกล่าวอย่างสงสัย “หยูหวัน? ใครกันรึ ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าท่านอ๋องมีคนที่ชอบอยู่แล้วด้วย”
เหออานหันกลับไปดึงเจียงหยูหวันที่แทบไม่เหลือเรี่ยวแรง “พี่เจ็ด นี่คือหยูหวัน ท่านดูสิว่านางทำหยูหวันจนกลายเป็นแบบนี้ พวกเราจะปล่อยนางไปไม่ได้นะเจ้าคะ”
เจียงหยูหวันเกลียดแค้นในใจ แต่นางกลับฝืนยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “ท่านอ๋อง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเจ้าคะ”
ทั้งๆ ที่เป็นคำพูดธรรมดาทั่วไป เฟิ่งชิงหัวกลับได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่แตกต่าง จึงรีบหันไปมองจ้านเป่ยเซียว ทว่าเขาใส่หน้ากากอยู่จึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา
เฟิ่งชิงหัวเดาว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก คนที่ตนเองเคยรักมากมาก่อน วันนี้กลับกลายเป็นคนอื่นไปแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่น่าอนาจใจอย่างยิ่ง
จ้านเป่ยเซียวไม่ได้กล่าวอะไร แม้แต่ตอบรับก็ยังไม่อยากตอบ ได้แต่ใช้สายตาอันลึกซึ้งมองมาที่ตำแหน่งที่เฟิ่งชิงหัวยืนอยู่
และด้วยสายตานี้เองที่ทำให้เฟิ่งชิงหัวนึกขึ้นมาได้ว่า จ้านเป่ยเซียวรู้ว่านางเป็นวรยุทธ์ เขาจะฟังคำพูดของน้องสาวตัวดีและตั้งโทษให้นางหรือไม่
เนื่องจากคนที่ได้รับบาดเจ็บคือวันวานที่สวยงามของเขา ส่วนอีกคนก็คือน้องสาวที่เรียกเขาว่าพี่เจ็ดอย่างสนิทสนม เฟิ่งชิงหัวไม่กล้าคิดไปเองว่าจ้านเป่ยหัวจะยืนอยู่ข้างตน โดยเฉพาะเมื่อไม่นานมานี้ นางได้ฟ้องเขาต่อหน้าฮ่องเต้เซวียนถ่ง
สายตาของเฟิ่งชิงหัวที่มองไปที่จ้านเป่ยเซียวแฝงความหวาดกลัว แม้แต่ร่างกายของนางก็อยู่ในสภาพพร้อมต่อสู้
จ้านเป่ยเซียวค่อยๆ เดินช้าเข้ามาข้างหน้า แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่บนเก้าอี้ แต่รังสีความหนาวยะเยือกอันเข้มข้นรอบตัวเขาทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวสันหลังได้
เหออานเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกสะใจ สายตาอันแข็งกร้าวดุดันจ้องไปที่เฟิ่งชิงหัว ในหัวของนางเริ่มคิดไปต่างๆ นานาว่าผู้หญิงคนนี้จะตกอยู่ในสภาพอย่างไร กลิ่นอายความโหดร้ายของเทพเจ้าสงครามอย่างท่านอ๋องเจ็ดลอยออกมาทันที
จ้านเป่ยซียวยืนนิ่งอยู่ข้างกายของเฟิ่งชิงหัว จากนั้นจึงหันหน้ากลับมาจ้องเขม็งไปที่องค์หญิงเหออานด้วยสายตาแข็งกร้าว
เดิมทีองค์หญิงเหออานกำลังเฝ้ารออย่างตื่นเต้นว่าจ้านเป่ยเซียวจะลงโทษผู้หญิงร้ายกาจคนนี้อย่างไร ทว่าจ้านเป่ยเซียวกลับหันมามองนางด้วยสายตาที่ทำให้นางต้องขนลุกทั้งตัว หลังของนางหนาวสะท้าน ตัวของนางแข็งทื่อไปในทันที
“พูดความจริง!” เสียงอันทรงพลังของบุรุษที่ไม่แม้แต่จะขานชื่อให้เสียเวลา
จ้านเป่ยเซียวเป็นผู้ที่เคยผ่านสงครามาก่อน เคยอาบเลือดสดๆ สายตาของเขาเช่นนั้นไม่ใช่สายตาที่คนทั่วไปจะทนรับได้ เพียงแค่หันไปมองแวบเดียวก็ทำให้คนตัวสั่น และยิ่งถ้าเขาจ้องเขม็งเช่นนี้
องค์หญิงเหออานสูดหายใจเอาอากาศเย็นๆ เข้าไป ดวงตาของนางมีน้ำตาคลอเป็นฝ้าขึ้นมาทันที แต่กลับไม่กล้าร้องไห้ออกมา
“ข้า ข้า” องค์หญิงเหออานกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คือ คือข้าไม่ถูกชะตากับนางก็เลยอย่างผลักนางลงไป แต่สุดท้ายกลายเป็นนางที่ผลักพวกเราลงไป!”
เจียงหยูหวันได้ยินคำพูดของเหออานก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เกิดอะไรขึ้นกับเหออาน นางแค่กัดฟันยืนยันว่าหนานกงเยว่ลั่วเป็นคนผลักพวกนางตกลงมาก็จบแล้วไม่ใช่หรือ แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เสียเวลาไปตั้งมากมายแล้ว
ขณะที่เจียงหยูหวันกำลังคิดเช่นนี้ นางกลับกล่าวออกมาด้วยคำพูดอ่อนโยน “ท่านอ๋อง พระชายาคงไม่ได้ตั้งใจหรอกเพคะ ข้ากับท่านอ๋องก็เป็นแค่คนที่เคยรู้จักกันเท่านั้น พระชายาคงจะ……”
พูดถึงเท่านี้คำพูดของนางก็ชะงักไป เพราะว่าสายตาของเขาหันมาจ้องอยู่ที่เธอแล้ว นางรู้สึกราวกับมีใบมีดเย็นๆ กรีดมาที่นาง นางรู้แล้วว่าทำไมเหออานถึงยอมพูดความจริงออกมา สายตาของคนคนนี้ช่างน่ากลัวนัก!