พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 58 พระชายา นี่คือการใส่ร้ายป้ายสี
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 58 พระชายา นี่คือการใส่ร้ายป้ายสี
หลังจากเข้าไปในกรมคลัง เฟิ่งชิงหัวไม่ได้เกรงใจต่อจ้านเป่ยเซียว ตรงไปนั่งลงบนบัลลังก์ศาลทันที
จ้านเป่ยเซียวก็เหมือนกับว่ามาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยียนเท่านั้น นั่งลงไปบริเวณแถวล่างอย่างสงบเสงี่ยม แล้วก็ไม่ได้พูดจาอะไร มองดูเฟิ่งชิงหัวเริ่มตรวจคดี
ท่านอ๋องเจ็ดผู้สง่าผ่าเผยทำได้เพียงแค่นั่งอยู่แถวล่าง ผู้ตรวจการหอต้าหลีเจียงกับรองเสนาบดีประจำกรมพิธีการยังมีถังเจี๋ยที่ไม่กล้าพูดจาอะไร ทั้งสองคนจึงตรงไปยืนฟังการสอบสวนด้วยกันกับบรรดาขุนนางศาล
“หลายวันมานี้พวกคนเหล่านั้นได้ให้การรับสารภาพหรือไม่?”เฟิ่งชิงหัวมองไปทางถังเจี๋ย
ถังเจี๋ยรีบเดินออกจากแถวทันทีกล่าว: “กระหม่อมใช้วิธีการลงโทษกับพวกคนเหล่านั้นแล้ว แต่คนเหล่านั้นยังคงยืนหยัดคำแก้ตัวตามเดิมพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นก็จะไม่สอบปากคำทีละคนให้ยุ่งยาก นำขึ้นมาทั้งหมดเถอะ”
ผ่านการลงโทษที่โหดร้ายทารุณมาหลายวัน บนร่างกายของคนทั้งสี่ล้วนมีบาดแผลในระดับที่ต่างกันไปไม่มากก็น้อย
ทันทีที่ได้เห็นเฟิ่งชิงหัวก็รีบมาคุกเข่าต่อหน้าเฟิ่งชิงหัวอย่างอดรนทนไม่ไหวทันที: “พระชายาช่วยหม่อมฉันด้วย พระชายาช่วยหม่อมฉันด้วย บ่าวถูกใส่ร้ายจริงๆเพคะ บ่าวเป็นคนข้างกายของฮองเฮา ถ้าหากว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงประสงค์ให้ซุนผินเหนียงเหนียงมีอันเป็นไปจริง จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะใช้ให้บ่าวไปจัดการเรื่องนี้ล่ะเพคะ นี่มิใช่เป็นการทำให้ผู้คนสงสัยโดยไม่มีสาเหตุหรือเพคะ?”
เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง: “อืม ที่เจ้าพูดมามีเหตุผลมาก”
“พระชายาทรงเชื่อหม่อมฉันแล้วหรือเพคะ?”นางกำนัลเอ่ยกล่าวอย่างดีใจและแปลกใจ
เฟิ่งชิงหัวกลับกล่าวต่อไป: “แต่ถ้าหากเจ้าเป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจข้างกายของฮองเฮาก็จริง ในขณะเดียวกันยังมีสถานะอื่นด้วยล่ะ? อย่างเช่น หูตาที่หลบซ่อนอยู่ข้างกายของฮองเฮา?”
หลังจากที่เฟิ่งชิงหัวกล่าวประโยคนี้ออกไป ในดวงตาของนางกำนัลคนนั้นก็ปรากฏความตื่นตระหนกออกมาแวบหนึ่ง
เฟิ่งชิงหัวก็ไม่ได้ตั้งคำถามกับใคร เพียงแต่ยิ้มแล้วกล่าว: “ในบรรดาพวกเจ้า คิดว่าอีกฝ่ายมีความน่าสงสัย สามารถรายงานความผิดได้ เพียงแค่ทันทีที่ได้ผ่านการค้นหาหลักฐานว่าเป็นความจริง ข้าจะตกรางวัลให้อย่างงาม อีกทั้งยังสามารถทำให้พวกเจ้าได้กลับเข้าวังไปรับตำแหน่งใหม่อีกครั้ง เป็นอย่างไร?”
เมื่อได้ยินดังนี้ ทั้งหมดต่างก็มองหน้ากันไปมา ราวกับว่ากำลังดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
คนที่เคยเข้าไปในคุกอย่างเช่นพวกนางแบบนี้ ต่อให้หลังจากสืบเรื่องราวจนกระจ่างแล้วการกลับเข้าไปในราชสำนักอีกครั้งแทบจะเป็นไปไม่ได้
บรรดาพระสนมในวังก็ไม่กล้าเรียกใช้พวกนางเช่นกัน คำพูดนี้ของพระชายา หรือว่าเป็นการหลอกลวงพวกเขา?
เฟิ่งชิงหัวยิ้มกล่าว: “ในเมื่อพวกเจ้าทั้งหมดต่างก็ถูกข้าจับตัวมา ถ้าหากบริสุทธิ์ละก็ ย่อมต้องล้างมลทินให้แก่พวกเจ้า แน่นอนว่าจะไม่มีเหตุการณ์เบาะแสไม่ชัดเจนเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
จ้านเป่ยเซียวที่อยู่อีกข้างหัวเราะอย่างดูถูก เฟิ่งชิงหัวผู้นี้ช่างเป็นผู้ที่ฉลาดใช้กลอุบาย
ทันทีที่เฟิ่งชิงหัวได้ยิน ก็หันหน้าไปทางจ้านเป่ยเซียว ยิ้มแล้วกล่าวต่อผู้ที่อยู่เบื้องล่าง: “ต่อให้พวกเจ้าไม่เชื่อถือข้า ท่านอ๋องอยู่ที่นี่ด้วย ถึงอย่างไรก็ถือเป็นเรื่องหลอกลวงไม่ได้กระมัง?”
“พระชายา บ่าวมีเรื่องกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”พ่อครัวของห้องเครื่องเอ่ยปากกล่าว
“ว่ามาเถอะ”ชิงหัวเปลี่ยนท่าทาง มือข้างหนึ่งวางบนโต๊ะ ออกแรงให้ขาทั้งสองข้างขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้ที่กว้างขวาง ทั่วทั้งตัวสบายขึ้นไม่น้อย
“ก่อนหน้าวันที่ซุนผินเหนียงเหนียงจะเกิดเรื่อง เนื่องจากบ่าวปวดท้องจึงอยากจะอู้งานตอนที่กำลังคิดที่จะกลับไปในห้องเพื่อพักผ่อนกลับเห็นเสี่ยวสีจือเดินผ่านจากด้านนอกประตูห้องของบ่าว ตอนที่เห็นบ่าวยังตื่นหนกทันที พูดเพียงไม่กี่คำแล้วก็วิ่งไป ตอนนั้นบ่าวเองก็ไม่ได้ถือสาอะไร ตอนนี้บ่าวสงสัยว่ายาพิษนั้นก็คือเสี่ยวสีจือเป็นผู้ใส่เข้าไปพ่ะย่ะค่ะ!”
ประจวบเหมาะกับที่เสี่ยวสีจือเป็นคนรักของหรูอี้นางกำนัลรับใช้ข้างกายของฮองเฮา
“พระชายา นี่คือการใส่ร้ายเพคะ!” หรูอี้รีบร้อนกล่าว
“อืม เขาสาดโคลนใส่ตัวเจ้า เจ้าก็สามารถสาดกลับไปได้เช่นกันนี่ ตอนนี้ข้าคิดว่าหนึ่งในบรรดาพวกเจ้าจะต้องมีใครสักคนที่มีปัญหาอย่างแน่นอน เพียงแค่ตามหาตัวคนนั้นออกมาพวกเจ้าที่เหลือก็ปลอดภัยแล้ว”เฟิ่งชิงหัวกล่าวอย่างเกียจคร้าน ภายในน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความลึกลับกลุ่มหนึ่ง
ราวกับว่าได้ยินข้อความอะไรบางอย่างอย่างไรอย่างนั้น คนทั้งสี่ตื่นตกใจทันที
เสี่ยวเอ๋อร์ที่สาดโคลนผู้นั้นรีบกล่าวทันที: “พระชายา บ่าวเคยได้ยินมาว่านางกำนัลรับใช้ข้างกายของซุนผินเหนียงเหนียงด่าพระองค์ลับหลัง บางวันนั้นอาจจะถูกดุด่า นางด่าทอพงหญ้าด้วยอารณ์อยู่ตามลำพัง ตอนนั้นบ่าวกำลังทำความสะอาดอยู่อีกฝั่งของพงหญ้า”
“พระชายา บ่าวสามารถอธิบายได้เพคะ วันนั้นเป็นเพราะซุนผินเหนียงเหนียงอารมณ์ไม่ดี ทุบตีบ่าว ภายในใจของบ่าวน้อยใจถึงได้บ่นไปเรื่อยเปื่อยสองสามคำเพคะ ไม่ได้มีเจตนาที่จะสังหารเหนียงเหนียงโดยเด็ดขาดเพคะ”
เสี่ยวเอ๋อร์รีบกล่าวโต้ตอบ: “ไม่ใช่ วันนั้นตอนแรกเริ่มหม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจฟัง ประกอบกับเสียงที่นางด่าท่อค่อนข้างเบา มีอยู่หลายประโยคที่บ่าวได้ยินไม่ชัดเจน แต่ว่าตอนนี้บ่าวนึกขึ้นมาได้แล้วว่า สิ่งที่นางกล่าวก็คือ เจ้าคิดว่าตนเองเป็นเหนียงเหนียงก็ยอดเยี่ยมแล้วงั้นหรือ? จะช้าจะเร็วอย่างไรเสียก็ต้องตายอยู่ดี ดูซิว่าใครจะหัวเราะทีหลังดังกว่า”
“แล้วเจ้าล่ะ เหตุใดเครื่องประดับของเหนียงเหนียงถึงมาอยู่ในมือเจ้าได้ จะต้องเป็นเพราะว่าเจ้าพอเห็นเงินก็เกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมาในหัวทันที หลังจากที่ถูกเหนียงเหนียงจับได้แล้วตำหนิเจ้าจึงเกิดเจตนาสังหารขึ้น!”
“ห้องเครื่องสำหรับนางสนมที่ไม่ได้รับความโปรดปรานจะต้องจ่ายเงินถึงจะทำอาหารให้ ก่อนหน้านี้ตอนที่เหนียงเหนียงยังไม่ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทเจ้าทำให้เหนียงเหนียงลำบากใจไม่น้อย ต่อมาหลังจากที่เหนียงเหนียงได้รับความโปรดปรานเจ้าก็ประจบเอาใจสารพัด ถูกเหนียงเหนียงตบหน้าหลายครั้งหลายครา ดังนั้นเจ้าจึงเกิดเจตนาสังหารต่อเหนียงเหนียง!”
ทั้งสี่คนที่เดิมทีกำลังจะตาย ลักษณะท่าทางที่ดูเหมือนเกือบจะอาเจียนเป็นเลือดใกล้จะตาย ในเวลานี้แต่ละคนกลับกระฉับกระเฉง เมื่อพูดถึงข้อสงสัยของผู้อื่นก็มีความกระตือรือร้นขึ้นมา แทบอยากจะติดป้ายฆาตกรให้แก่สามคนที่เหลือโดยตรง
จ้านเป่ยเซียวฟังจนรู้สึกรำคาญ หันหน้ามองเฟิ่งชิงหัว กลับเห็นนางฟังจนดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกาย เหมือนกับว่ากำลังดูการแสดง
ถังเจี๋ยที่อยู่ด้านข้างโค้งตัวลงไปที่ข้างหูของเฟิ่งชิงหัวอย่างระมัดระวัง: “พระชายา ต้องการให้กระหม่อมหยุดยั้งพวกเขาหรือไม่ หากให้เอะอะโวยวายต่อไปจะทำลายบรรยากาศ”
ทำลายบรรยากาศสี่คำนี้ ยังเป็นคำศัพท์ใหม่ที่เรียนรู้มาจากพระชายา
เฟิ่งชิงหัวส่ายหน้า: “ก็ให้พวกเขาพูดไป เจ้าคอยฟังสิ่งที่ฆาตกรที่อยู่ในนี้พูดให้ดีดี”
ถังเจี๋ยได้ยินดังนั้น ก็รีบยืนตัวตรงทันที ท้องที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ของวัยกลางคนหดกลับไปโดยไม่รู้ตัว หลับตาลงเงี่ยหูแล้วเริ่มตั้งใจฟัง
หลังจากที่รอให้คนพวกนั้นสาดโคลนกันจนพอประมาณแล้ว เฟิ่งชิงหัวเอ่ยปากกล่าว: “พอได้แล้ว ตอนนี้ข้ามีคำถามสองสามข้อ เพียงแค่คำตอบของพวกเจ้าทำให้ข้าพึงพอใจได้ก็สามารถออกไปได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็หยุดประณามอีกฝ่ายลงทันที ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองเฟิ่งชิงหัวอย่างเป็นประกาย
“แต่ว่าเงื่อนไขข้อแรกก็คือ คำตอบที่พวกเจ้าให้ข้านี้ จะไม่ได้รับการคัดค้านของอีกสามคน อีกทั้งเป็นความจริง โอกาสที่จะได้ออกไปจากที่นี่ ข้าให้ได้แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น”
“เพคะ พระชายา พวกหม่อมฉันจะตอบอย่างตรงไปตรงมาอย่างแน่นอน”นางกำนัลรับใช้ข้างกายกล่าวอย่างอดทนรอไม่ไหว
“ในเมื่อเจ้ากระตือรือร้นถึงเพียงนี้ เช่นนั้นข้าจะถามเจ้าก่อนเป็นคนแรก”เฟิ่งชิงหัวยิ้มกล่าว: “ได้ยินมาว่าเจ้าคือคนที่ซุนผินเหนียงเหนียงพามาเข้ามาในวังจากบ้านของมารดา เช่นนั้นเจ้าน่าจะค่อนข้างชัดเจนเกี่ยวกับพระกระยาหารของพระนาง โดยปกติแล้วพระนางมีอะไรที่โปรดปรานเป็นพิเศษหรือไม่?”
นางกำลังรับใช้ข้างกายรีบกล่าวตอบทันที: “เหนียงเหนียงค่อนข้างโปรดปรานดอกไม้ ชอบพระกระยาหารที่ใส่ดอกไม้ ปกติแล้วจะเสวยขนมดอกกุ้ยฮวาหรือไม่ก็ขนมดอกกุหลาบ ขอเพียงแค่เป็นดอกไม้พระนางล้วนโปรดปรานทั้งนั้น แม้แต่ตอนที่ทรงสรงน้ำก็ทรงโปรดปรานแบบโรยกลีบดอกไม้ที่สุด”
“ไม่มีอย่างอื่นแล้วหรือ?”รอยยิ้มของเฟิ่งชิงหัวยิ่งลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น