พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 132
เมื่อประตูบ้านตระกูลโจวถูกเคาะจนเปิดออก นายใหญ่โจวและฮูหยินโจวตัดสินใจว่าจะวางมาดแบบผู้ใหญ่ จะตามใจเฉิงเจียวเหนียงเช่นนี้อีกไม่ได้
เพียงแต่เด็กคนนี้ไม่เหมือนกับเด็กปกติคนอื่นๆ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ใหญ่ ไม่มีทั้งความเคารพนบนอบที่ควรมี อีกทั้งยังไม่มีความหวาดกลัวใดๆ ไม่เห็นทั้งความปิติยินดี อีกทั้งยังไม่สามารถเห็นสีหน้าที่แสดงถึงความกระวนกระวายใจใดๆ
นางนั่งอยู่อย่างนั้น คำนับเสร็จแล้ว ก็นั่งอยู่อย่างนั้นไม่ขยับเขยื้อน ถามคำตอบคำ ไม่ถามก็ไม่พูด
ปฏิกิริยาเช่นนี้ คำด่าเต็มอกที่นายใหญ่โจวสั่งสมมาสุดท้ายก็พูดไม่ออก สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจ
“เจียวเจียว ตอนเด็กที่เจ้าป่วยอยู่ พ่อเจ้าปู่เจ้าต่างก็ไม่ชอบใจ หากมิใช่พวกเราปกป้องเจ้าไว้ เจ้าจะมีวันนี้หรือ มาวันนี้รับเจ้ามาอยู่ ทำไมเจ้าถึงก่อเรื่องเช่นนี้ เจ้าจำพวกเราไม่ได้ไม่ว่า แต่เจ้าลืมความดีที่ท่านยายเจ้าทำไว้กับเจ้าไปแล้วหรือ” นายใหญ่โจวกล่าวสีหน้าตึงเครียด “ทำไมเจ้าถึงได้ก่อเรื่องเช่นนี้!”
“ข้าไม่ได้ก่อเรื่อง” เฉิงเจียวเหนียงตอบกลับ แล้วยื่นมือมาพลิกหนังสือ
ไม่รู้ว่ารู้หนังสือกี่ตัว มาทำทีเป็นอ่านหนังสือ นายใหญ่โจวส่งเสียงโกรธเคืองอย่างไม่สบอารมณ์
“เจียวเจียว เจ้ามาเมืองหลวงก็นานแล้ว คิดถึงบ้านบ้างหรือไม่” ฮูหยินโจวเปลี่ยนเรื่องถาม
เฉิงเจียวเหนียงเหลือบมองดูนาง
“ไม่” นางกล่าว
ช่างไร้จิตใจจริงๆ นี่กะจะเกาะบ้านตระกูลโจวของพวกเขาแล้วสินะ
นายใหญ่โจวและฮูหยินโจวมองตากัน
“เช่นนั้น เทศกาลโคมไฟวันขึ้นสิบห้าในเมืองหลวงคึกคักนัก รอให้เห็นเทศกาลโคมไฟก่อน ค่อยกลับไปแล้วกัน” ฮูหยินโจวกล่าวพลางบีบคั้นรอยยิ้มออกมา
เฉิงเจียวเหนียงชำเลืองมองพวกเขาไม่ได้พูดอะไร
แม่นมด้านนอกพุ่งเข้ามาอย่างร้อนรน
“นายท่าน ฮูหยิน แย่แล้วเจ้าค่ะ มีคนบุกเข้ามาเจ้าค่ะ” พวกนางตะโกนกล่าว
อะไรนะ
นายใหญ่โจวและฮูหยินต่างตกใจ
ในเมืองหลวงนี้สามารถบุกบ้านได้ตามใจชอบนั้นมีอยู่อย่างเดียว คงไม่ใช่หรอกนะ! พวกเขาบ้านตระกูลโจวไม่ได้ทำผิดอะไรนี่!
“นายท่าน นายท่าน เป็นคนของบ้านบัณฑิตถง…” คนที่เดินตามติดมาคือพ่อบ้าน วิ่งจนหมวกร่วงไป ในมือชูสาส์นใบหนึ่ง
ไม่ทันรอให้เขารายงาน คนสี่ห้าคนด้านหลังที่ล้อมไม้กระดานบานหนึ่งก็พุ่งเข้ามา
“หลบไป หลบไป” ทุกคนตะโกนโหวกเหวกโวยวาย
นายใหญ่โจวยังไม่ทันได้นึกว่าบัณฑิตถงคือใคร คนพวกนี้ก็บุกเข้าประตูมาเสียแล้ว
“นี่ ทำไมถึงยกคนตายมาที่นี่เล่า!” ฮูหยินโจวตะโกนกล่าว
ชายหนุ่มบนไม้กระดานสีหน้าเทาซีด ใบหูทั้งสองพับไปข้างหลังแล้ว นี่เป็นสัญญาณว่าคนผู้นี้กำลังจะตาย ฮูหยินโจวในฐานะที่เป็นคนอายุมากและเคยดูใจผู้ใหญ่ขณะใกล้จะเสียก็ดูออกได้ในทันที
วันปีใหม่ มีคนตายก็โชคร้ายอยู่แล้ว ยิ่งไม่ใช่คนบ้านตนเองอีก!
“นี่ นี่ นี่ทำอะไรกัน” นายใหญ่โจวตะโกนออกมา
พ่อบ้านที่ถือสาส์นอยู่ถูกคนเบียดไปอยู่ด้านหลัง ในเวลานี้ก็ชูสาส์นขึ้นตะโกนเสียงดัง
“นายท่าน บัณฑิตถงมาให้นายหญิงเฉิงรักษาโรคขอรับ!” เขาตะโกน
คนบ้านตระกูลโจวก็ตั้งสติได้ในที่สุด
ชายหนุ่มทั้งหลายคารวะ
“รีบเชิญนายหญิงเฉิงออกมาช่วยชีวิตท่านพ่อด้วย” พวกเขาตะโกน
“คนผู้นี้จะตายอยู่แล้ว จะช่วยอย่างไรอีก พวกเจ้ารีบกลับไปเตรียมงานศพเถิด! จะให้ตายข้างนอกไม่ได้นะ!” ฮูหยินโจวตะโกน
“พวกเจ้าบอกเองมิใช่หรือ คนที่ไม่ถึงคราวตายไม่รักษาให้” เหล่าศิษย์บ้านตระกูลถงตะโกนกล่าว
“พวกข้าไม่ได้พูดนะ” นายใหญ่โจวตะโกนขึ้นมาคนแรกแล้วชี้ไปด้านข้าง “นางยังเด็กไม่รู้ความพูดจาล้อเล่นน่ะ!”
ในห้องที่เอะอะโวยวาย มีเพียงคนเดียวที่นั่งนิ่งสงบอยู่ตลอด
เฉิงเจียวเหนียงเงยหน้าขึ้นวางหนังสือในมือลง แล้วมองดูสายตาที่มองมากัน
“วางคนไข้ลง คนอื่น ออกไป” นางกล่าว
“เจียวเจียว เจ้าบ้าไปแล้วหรือ คนผู้นี้จะตายอยู่แล้ว!” ฮูหยินโจวตะโกน สีหน้าตื่นตระหนก “จะรักษาได้อย่างไร!”
นายใหญ่โจวตะโกนตาม
“เจ้าอย่าก่อเรื่องไปเรื่อยสิ!” เขาตะโกน
เหล่าศิษย์บ้านตระกูลถงมองดูหญิงสาวตรงหน้าที่อายุเท่าๆ กับเหล่าน้องสาว ดวงตามีความกังวลสงสัย แต่เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็คงต้องลองรักษาดู!
หญิงสาวผู้นี้รักษาไม่หาย ก็ยังดีกว่าไม่ได้พามาให้นางรักษา วันหลังถูกคนพูดออกไป ต้องแบกรับคำครหาว่าอกตัญญู
“รบกวนนายหญิงด้วย” คนที่เป็นหัวหน้าตะโกนแล้วคำนับให้
คนอื่นๆ กล่าวขอบคุณตาม แล้วหันหลังกลับถอยออกไป
ในห้องเหลือเพียงสองสามีภรรยาตระกูลโจวในชั่วพริบตา
“พวกเจ้ารอ เขาตายหรือ” เฉิงเจียวเหนียงมองดูพวกเขาแล้วกล่าว “มีคนอยู่ ข้าไม่รักษาให้ หากตาย ก็อย่าโทษข้า”
หากตายแล้วโทษพวกเขาหรืออย่างไร ตรรกะอะไรกัน!
สามีภรรยาตระกูลโจวโมโห คนบ้านตระกูลถงด้านนอกก็ร้อนรนยิ่งนัก
“นายใหญ่โจว ขอร้องพวกท่านเถิด! ช่วยชีวิตคนด้วย!” พวกเขาตะโกนกันเอะอะโวยวาย มิอาจปกปิดความโกรธไว้แล้ว มองดูสามีภรรยาตระกูลโจวที่ยังคงยืนอยู่ในห้องเหมือนว่าเป็นศัตรูอย่างนั้น
สามีภรรยาตระกูลโจวทำได้เพียงเดินออกมา ประตูห้องถูกสาวใช้ปิดลง
“หากมาตายในบ้าน จะทำอย่างไรดีเล่า!” ฮูหยินโจวร้อนรนจนย่ำวนไปรอบๆ
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
“ตัวหายนะ!” นายใหญ่โจวกล่าวออกมาด้วยความโมโห
“เจ้าด่าใคร” เหล่าศิษย์บ้านตระกูลถงตะโกนออกมาทันที แล้วล้อมรอบนายใหญ่โจวไว้
นายใหญ่โจวตกใจใหญ่
“คนแซ่โจว พวกข้ามาถึงบ้านเจ้าได้ ก็เพราะพวกเจ้ามีบุญวาสนานัก” ศิษย์คนหนึ่งตะโกนออกมา
แน่นอน บัณฑิตแห่งฮั่นหลิน เป็นขุนนางข้างกายโอรสสวรรค์ ขุนนางฝ่ายยุทธขั้นต่ำต้อยอย่างตระกูลโจวนั้นวันปกติธรรมดาก็ยากจะพบเจอได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเชิญมาถึงบ้าน
เพียงแต่ คนเป็นมาถึงบ้านนั่นเรียกเป็นเกียรติ คนตายมาถึงบ้านนั่นเรียกเสียอารมณ์
ตัวหายนะคนนี้จะให้อยู่ต่อไม่ได้แล้ว!
ตัวหายนะคนนี้จะให้อยู่ต่อไม่ได้แล้ว!
“ให้คนเตรียมรถ ส่งกลับไป ส่งกลับไปเดี๋ยวนี้ มีเรื่องอะไร ให้คนบ้านตระกูลถงไปหาบ้านตระกูลเฉิง” ฮูหยินโจว
กล่าวพลางน้ำตาไหล นางตบที่หน้าอก แทบจะหายใจไม่ทัน
“นี่มันไม่เกี่ยวอะไรกับบ้านตระกูลโจวเลย พวกเจ้ามากันเอง” นายใหญ่โจวตะคอกใส่ แล้วมองดูคนบ้านตระกูล ถงอย่างไม่สบอารมณ์
ประตูห้องเปิดออกมา
ทุกคนในเรือนนั้นหยุดหายใจไปชั่วขณะ
“ญาติของผู้ป่วยล่ะ” สาวใช้เอ่ยถามแล้วมองไปในเรือน
เหล่าศิษย์ต่างก็รีบก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว
“ข้า ข้า” พวกเขากล่าวเสียงสั่นเครือ “ท่านพ่อข้าเขา…”
“เช่นนี้ ค่ารักษานายหญิงข้าไม่น้อยเลย พวกเจ้าจะรับผิดชอบออกค่ารักษาได้หรือไม่” สาวใช้เอ่ยถาม
คนทั้งเรือนแทบจะสำลัก
ค่ารักษาหรือ
“ออกได้ ออกได้” ด้านนอกมีฮูหยินกล่าวเสียงสั่นเครือ น้ำเสียงแหบพร่า “เท่าไรก็ออกให้ได้!”
ภรรยารองเป็นคนประคองฮูหยินถงเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ร้องไห้พลางยื่นมือออกมา
เหล่าศิษย์ก็ทะลักเข้ามากัน
“ท่านแม่” พวกเขากล่าวพลางน้ำตาไหล
สาวใช้พยักหน้า
“เจ้าค่ะฮูหยิน หนึ่งหมื่นก้วน วันนี้ส่งเงินมา พรุ่งนี้ก็มารับผู้ป่วยกลับไปได้” นางกล่าวอมยิ้ม คำนับเล็กน้อย แล้วหันหลังเดินกลับเข้าไป
หนึ่งหมื่นก้วน…
สามีภรรยาตระกูลโจวตะลึงงันไป ช่างกล้าเอ่ยปากขอนะ
พรุ่งนี้รับคนกลับไป…
คนบ้านตระกูลถงก็ชะงักไปเช่นกัน รับคนเป็นหรือคนตายกลับไปกันเล่า
“ฮูหยินถง จะล้อเล่นไม่ได้นะ” ฮูหยินโจวตั้งสติได้ เช็ดน้ำตาพลางเข้าไปกล่าวขึ้น “เด็กคนนี้นิสัยประหลาดแต่เด็ก พวกข้าก็คุมไม่อยู่ ท่านอย่าฟังคำพวกนั้น รีบส่งท่านบัณฑิตกลับไปเถิด”
“เจ้าไม่ต้องกังวลไป เกิดอะไรขึ้น พวกข้าไม่โทษพวกเจ้าหรอก” ฮูหยินถงก็กล่าวพลางน้ำตาไหลเช่นกัน
“นั่นสินั่นสิ เพื่อนายท่าน ไม่ว่าอย่างไร ฮูหยินพวกข้าก็จะขอลองก่อน” ภรรยารองด้านข้างก็กล่าวพลางเช็ดน้ำตาเช่นกัน
ขณะกำลังพูดคุยกันอยู่ ประตูห้องก็เปิดออกอีก ยังคงเป็นสาวใช้คนนั้นที่เดินออกมา
“รบกวนพวกเจ้า ไปซื้อเข็มทองมาให้หนึ่งกล่อง” นางกล่าวด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
คนทั้งเรือนตะลึงงันไปหมด
หมอรักษาโรค เข็มทองก็ต้องซื้อขณะนั้น ช่างเหลวไหลเหมือนกับทหารปะทะศัตรู แล้วพบว่าไม่ได้นำอาวุธมาด้วย!
นายใหญ่โจวหน้าดำคร่ำเครียดกระทืบเท้า สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไปด้วยอารมณ์โมโห
…………………………………………………