พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 31
บทที่ 31 ความต้องการ
Ink Stone_Romance
“ลำบากแม่นมแย่เลยเจ้าค่ะ” ปั้นฉินคารวะและกล่าวขอบคุณอยู่หน้าประตูเรือน
“แม่นางเกรงใจมากไปแล้ว” แม่นมตอบกลับอย่างสุภาพ
ปั้นฉินรีบหันหลังแล้ววิ่งเข้าไปในห้อง
“นายหญิง นายหญิง ข้าถามมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านชายลูกพี่ลูกน้องไปนอนกลางวันแล้วหลังจากดื่ม” นางเอ่ยอย่างดีใจ
เฉิงเจียวเหนียงไม่จำเป็นต้องนอนกลางวัน เพราะในหนึ่งวันนั้นนางนอนหลับมากพอแล้ว
ขณะนี้นางกำลังดูหนังสือที่วางไว้บนโต๊ะเตี้ย
นางฉวยโอกาสตอนที่ตระกูลเฉิงและตระกูลโจวนั่งถกเถียงกันระหว่างกินข้าว ใช้ให้ปั้นฉินหาหนังสือมาให้
เพราะไม่รู้ว่านางจะอ่านอะไร พอได้ยินแม่นมสั่งพวกบ่าวผู้ชายให้กลับไปรายงานนายใหญ่ เลยให้เลือกหยิบหนังสือที่หนาที่สุดในห้องของนายท่านมา
แค่นี้ก็พอฉีกเล่นไปได้สักพักหนึ่งแล้ว
คนบ้าจะเอาหนังไปทำอะไรนอกจากเล่น คงไม่ได้เอาไปอ่านหรอก
พงศาวดารมสมัยราชวงศ์โจว เฉิงเจียวเหนียงใช้นิ้วมือลูบไล้ไปตามปกหนังสือก่อนจะอ่านชื่อเรื่องออกมาเบาๆ นางไม่สนใจว่าปั้นฉินพูดอะไร ภายในใจของนางมีความสุขมาก เพียงแต่ไม่สามารถแสดงมันออกมาได้
“นายหญิงเจ้าขา หากท่านชายตื่นแล้วคงมาหานายหญิงแน่นอนเจ้าค่ะ” ปั้นฉินเอ่ยพลางคุกเข่าแล้วนั่งลงอยู่ตรงหน้านาง ก่อนวางมือทับลงบนหนังหนังสือ
เฉิงเจียวเหนียงตอบรับแล้พยักหน้าให้แก่นาง
“ดี” นางกล่าว
“นายหญิง” ปั้นฉินนั่งอยู่เพียงครู้ก่อนจะยืดตัวขึ้น ท่าทีดูร้อนรนไม่สงบ ท่านได้เจอลูกพี่ลูกน้องของท่านแล้ว ท่านจะพูดอะไรกับเขาหรือเจ้าคะ”
เฉิงเจียวเหนียงเปล่งเสียงพึมพำแต่กลับไม่พูดออกมา
“อยากจะพูดมากมายแต่พูดไม่ออกใช่ไหมเจ้าคะนายหญิง ไม่ต้องรีบร้อนเจ้าค่ะ ” ปั้นฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม ” พูดช้าๆ ท่านชายต้องอดทนฟังอย่างแน่นอน “
เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยอืมอีกครั้ง ความจริงแล้วนางไม่มีอะไรจะพูดหรอก เพราะไม่ได้สนิทสนมกับเขา
นางก้มศีรษะลงเพื่ออ่านหนังสือ
“มีท่านชายอยู่ วันหน้าพวกเขาไม่กล้ารังแกนายหญิงแน่” ปั้นฉินพูดอีกครั้ง นางทั้งตื่นเต้นและรู้สึกโล่งใจ “หากรู้เช่นนี้ พวกเราไปบ้านเหล่าฮูหยินตระกูลโจวเสียก่อน แล้วค่อยกลับมาที่นี่ดีกว่า”
เฉิงเจียวเหนียงเงยหน้าขึ้น
“เจ้าเคยบอกว่ามีคนชื่อหันหยวนเจา” จู่ๆ นางก็พูดขึ้น
ปั้นฉินตกใจที่ถูกขัดจังหวะ
หันหยวนเจางั้นหรือ
เฉิงเจียวเหนียงหยิบสมุดบันทึกประจำวันของปั้นฉินขึ้นมาและเปิดออก แล้วชี้ไปที่บรรทัดหนึ่ง
‘วันนี้ แม่น้ำถง ท่านชายตระกูลหัน นามว่าหยวนเจา เห็นความอยุติธรรมจึงเข้ามาช่วยเหลือ’
ปั้นฉินนึกขึ้นได้
“ข้าจำไม่ได้ ว่าเกิดอะไรขึ้น” เฉิงเจียวเหนียงถาม
ปั้นฉินเล่าเรื่องนี้อีกครั้ง แต่เมื่อเทียบกับครั้งก่อนๆ ในครั้งนี้นางเล่าได้เร็วและเข้าใจได้ง่ายขึ้น
“นายหญิง ท่านชายหกตัวเล็กกว่าท่านชายของตระกูลหันคนนี้นิดหน่อย” นางพูดเสริม
“ปั้นฉิน ท่านชายหันบอกว่า เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ผู้ใดก็ทำได้ ไม่ได้ถือว่าเป็นบุญคุณอันใด” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว แต่ไม่ได้พูดถึงท่านหกเลย
ปั้นฉินมองนางแล้วพยักหน้า
” ใช่ ใช่เจ้าค่ะ นายหญิงจำได้แล้วใช่ไหมเจ้าคะ นายหญิงบอกว่า มีหลายสิ่งที่สามารถทำได้ในโลกนี้ แต่มันไม่ใช่ว่าทุกคนจะยอมทำ ข้าจึงอยากเขียนมันลงไปเพื่อที่จะไม่ลืมความช่วยเหลือที่ได้จากท่านชายหัน” นางเอ่ยพลางหัวเราะ
เฉิงเจียวเหนียงมองมาที่นาง
“ใช่ ปั้นฉิน มีโอกาสไม่มากนักที่จะได้พบเจอคนอย่างท่านชายหัน” นางกล่าว
ปั้นฉินงุนงง นี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรงั้นหรือ
นายหญิงสมองเชื่องช้าคงคิดเรื่องอื่นไปแล้วกระมัง หรือว่ากำลังนึกถึงท่านชายหกที่มาช่วยเหลือ เลยพลอยนึกถึงท่านชายหันไปด้วย
คงเป็นเช่นนั้นแน่ๆ หัวสมองของนายหญิงแล่นไปไกล ดึงสติกลับมาไม่ได้
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ เพราะฉะนั้นที่ท่านชายมาเยือน นับเป็นเรื่องที่ดีมาก” นางยิ้มพร้อมใช้โต๊ะเตี้ยพยุงตัวลุกขึ้น “นายหญิงเจ้าคะ ข้าจะไปดูชาสำหรับรับรองแขก”
ปั้นฉินวิ่งออกไปโดยไม่ลังเล
เฉิงเจียวเหนียงเห็นนางกลับมาอีกครั้ง สวมรองเท้าที่วางไว้ตรงทางเดิน จากนั้นก็เข้าไปในครัวอีกครั้ง
เจียวเหนียงเม้มริมฝีปาก ยิ้มเล็กน้อย ก้มศีรษะลงและเปิดหนังสือต่อ
เมื่อถึงเวลาเที่ยง ชาของปั้นฉินเย็นแล้วเย็นอีก แต่ท่านชายโจวหกก็ยังไม่มา
“ยังไม่ตื่นอีกหรือ” ปั้นฉินพูดขึ้น “หรือว่าจะดื่มเหล้าเยอะจนเกินไป”
ไม่มีใครตอบนาง เมื่อคนอื่นๆ พักเที่ยงเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาพักกลางวันของเฉิงเจียวเหนียง
นางนอนอยู่บนฟูกแล้วหลับไป หนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยริมหน้าต่าง ถูกลมพัดจนเกิดเสียงเบาๆ
ปั้นฉินเดินอย่างระมัดระวังเพื่อพลิกหนังสือ นางจ้องมองแสงแดดและร่มเงาสีเขียวนอกหน้าต่างครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้นยืน
“ข้าจะไปพบท่านชายหก เจ้าช่วยข้าดูนายหญิงด้วยนะ” นางกระซิบกล่าวบอกกับสามใช้คนใหม่
สาวใช้หน้าตาแสนธรรมดา หากอยู่ท่ามกลางผู้คนก็คงหาไม่เจอ อายุประมาณสิบหกหรือสิบเจ็ดปีได้ นางรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“เอ่อ…เอ่อ… แล้วข้าต้องทำอย่างไร” นางถามเสียงสั่น
ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยดูแลคนบ้าเสียด้วยสิ…
หากเจ้าคนบ้าตื่นขึ้นแล้วร้องไห้ฟูมฟายจะทำอย่างไร ตีคนหรือเปล่า จะต้องป้อนน้ำหรือไม่ ทานขนมชนิดไหน นางคนเดียวจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ไหวหรือเปล่า
ปั้นฉินจ้องหน้าสาวใช้ด้วยความรำคาญ
“ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับมา เจ้ารออยู่ที่ทางเดิน ไม่ต้องเข้าไป ถ้านายหญิงตื่นนางจะนอนนิ่งๆ และเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไร” นางกระซิบบอก
สาวใช้รู้สึกโล่งใจ
“รีบไปรีบกลับนะพี่” นางยังคงพูดเสียงประหม่า
ปั้นฉินก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว
นางถามอยู่หลายคนกว่าจะรู้ว่าท่านชายโจวหกพักอยู่ที่ใด แต่พอรีบไปที่นั่นกลับไม่พบใครแล้ว
“ท่านชายไปหานายรองแล้ว” ชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูกล่าว
มันก็ถูกแล้วที่จะไปพบพ่อของนายหญิงก่อน ปั้นฉินคิดอย่างมีความสุข แล้วมุ่งหน้าไปยังเรือนของนายรองเฉิง นางไม่ได้เข้าไปในลานบ้าน คิดว่ารออยู่ข้างนอกจะเหมาะกว่า เมื่อท่านชายออกมาตนก็สามารถพาเขาไปพบนายหญิงได้ทันที
รออยู่พักใหญ่แต่ก็ไม่เห็นท่านชายโจวหกออกมาเสียที ปั้นฉินกระวนกระวายเล็กน้อย จึงรีบถามชายหนุ่มที่หน้าประตูของนายรอง จึงได้รู้ว่าท่านชายไปหานายใหญ่พร้อมกับนายรองตั้งนานแล้ว
ปั้นฉินกระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะรีบวิ่งไปที่เรือนของนายใหญ่
นางรู้สึกโมโห ส่วนเหล่าสาวใช้ที่อยู่บริเวณลานบ้านก็ดูเป็นกังวล
“ท่านแม่นม ท่านว่าเข้าไปดูดีหรือไม่” นางยื้อแม่นมไว้ก่อนจะถาม
ทั้งสองนั่งชันเข่าอยู่ข้างนอกทางเดินกว่าครึ่งค่อนวัน ข้างในไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมา เงียบเสียจนน่ากลัว
“สาวใช้คนนั้นบอกว่าอย่าเลย เราอย่าเข้าไปเลยจะดีกว่า” แม่นมเอ่ยอย่างไม่มั่นใจ
“เหตุใดถึงยังไม่กลับออกมาอีก” สาวใช้มองไปที่ประตู “คุยอะไรกันนานถึงเพียงนี้ เหตุใดต้องคุยกันตอนนี้ วันพรุ่งค่อยคุยกันก็ไม่สายไม่ใช่หรือ”
ปั้นฉินเพิ่งจะมาถึงหน้าประตูเรือนของนายใหญ่ บ่าวตัวน้อยข้างในออกมาแล้ว
“ว่าอย่างไรนะ ท่านชายหกกำลังจะไปแล้วหรือ” ปั้นฉินถึงกับผงะ “เพิ่งมาถึงวันนี้ เหตุใดถึงจะกลับไปแล้วเล่า”
นายใหญ่เฉิงและนายรองเฉิงเมื่อได้ฟังก็รู้ว่าเรื่องนี้หนักหนาเอาการ
“ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลานชายจะกลับได้อย่างไร” นายใหญ่เฉิงกล่าว
“ไม่เป็นไร ฟ้ามืดแล้ว คนยิ่งน้อย ยิ่งเดินทางได้เร็ว” นายน้อยโจวหกหัวเราะตามประสาชายหนุ่ม
นายรองเฉิงดูแคลยเขาอยู่ในใจ
“หลานชายต้องรีบไปรีบกลับ เพียงเพื่อตอบจดหมาย ลำบากแท้” นายใหญ่เฉิงเอ่ยแต่ก็ไม่รั้งให้อยู่ต่อ
“โอ้ นอกจากจะมาตอบจดหมายแล้ว ก็ยังมาดูว่าน้องสาวกินดีอยู่ดีหรือไม่ แล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ” ท่านชายโจวหกพูดพลางนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาทันใด
ในที่สุด!
นายใหญ่ตระกูลเฉิงและนายรองเฉิงอึ้งไปครู่ ทำทีมาก่อความวุ่นวาย ในที่สุดพวกเขาก็พูดถึงเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาเสียที
“เชิญพูดมาได้เลย” นายใหญ่ตระกูลเฉิงกล่าว
ท่านชายโจวหกนั่งตัวตรงแล้ววางมือลงบนหัวเข่า
“ข้าต้องการสาวใช้นางนั้น” เขากล่าว
…………………………………………………………………….