พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 76
บทที่ 76 ข้ารู้
Ink Stone_Romance
นายสี่เฉินอดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลังฉากกั้น ก็พบว่าไม่รู้ว่าเงาที่นั่งอยู่เมื่อครู่ตะแคงนอนลงไปตั้งแต่เมื่อใด
“เอ๊ะ นายหญิง อย่านอนอีกเลย” เขาตกใจจนรีบตะโกนออกไป
กว่าจะได้เจอ ยังไม่ได้คุยธุระกันดีๆ สักประโยค
สาวใช้ที่กำลังจะไปเทน้ำเห็นแล้วส่งเสียงร้องออกมา แล้วรีบหันกลับเข้าไป
“นายหญิงเจ้าคะ” เสียงของนางลอยมาจากด้านหลัง
มือพ่อบ้านเฉาที่กุมคอเอาไว้เริ่มหมดแรงกระทั่งวางลงไปบนพื้น
เทน้ำให้ข้าสักถ้วยก่อนแล้วค่อยพูดเรื่องอื่นเถิด…
เสียใจจริงๆ!
เสียใจที่ไม่ฟังคำเตือนของท่านชายฉิน เข้ามาหาความลำบากใส่ตัว ยืนอยู่หน้าประตูยังจะดีกว่านั่งอยู่ในห้องนี้เสียอีก!
“พวกท่าน จะทำอะไรกันแน่”
หลังฉากกั้นนั้น เฉิงเจียวเหนียงกล่าวอย่างแข็งทื่อ
ถึงแม้ว่าเสียงของนางนั้นไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใด แต่คนอื่นฟังแล้วก็จะใส่อารมณ์ความรู้สึกเข้าไปเอง
คล้ายกับว่าเมื่อครู่นี้ฟังจนรำคาญแล้วหลับไป แล้วถูกปลุกขึ้นมาใหม่ รบกวนการนอนจึงอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก
“มาหาข้า ทำอะไร ข้าจะออกไปแล้ว” นางกล่าวต่อ
ใช่ ใช่ รีบพูดธุระเถิด คุยเรื่องปั้นฉินนี้ปั้นฉินนั้น เสียเวลา นี่เป็นเวลาพูดคุยเรื่องเก่าเล่าเรื่องบ้านกันหรืออย่างไร
นายสี่เฉินก็คิดเช่นนั้น มองดูพ่อบ้านเฉาด้วยสีหน้าตำหนิ
“นายหญิง ท่านพ่อของข้ากับท่านเคยพบกันระหว่างทาง หากท่านจำไม่ได้ ในมือพ่อบ้านเฉานั้นมีบันทึกของสาวใช้คนก่อนของท่าน ท่านลองดูได้ ดูว่าพอจะนึกออกหรือไม่” เขารีบกล่าว
พ่อบ้านเฉาพยักหน้าส่งเสียง ‘อืมๆ’ เสียงของเขาแหบพร่าจนพูดอะไรไม่ออก
“บันทึกไว้ในนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ” สาวใช้เอ่ยถาม แล้วเดินไปสองสามก้าวหยิบสมุดเล่มบางจากบนโต๊ะเตี้ยแล้วชูขึ้นมา
ดูสิ ท่าทางกระฉับกระเฉงเพียงใด พูดได้ง่ายชัดเจนได้ใจความเพียงใด มาปั้นฉินไม่ใช่ปั้นฉินอะไรกันอยู่ได้
นายสี่เฉินมองพ่อบ้านเฉินด้วยสายตาตำหนิ
พ่อบ้านเฉาคอแห้งจนเริ่มชาแล้ว
จะทำอะไรก็เชิญเถิด เขาไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว
“ใช่หรือไม่” นายสี่เฉินมองพ่อบ้านเฉาแล้วถามอย่างอดความรำคาญไว้
ที่ควรพูดไม่พูด!
“ใช่ขอรับ” พ่อบ้านเฉากล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “ปั้น…สาวใช้ผู้นั้นบอกว่าบันทึกไว้ในนั้น นายหญิงลองหาดูขอรับ…”
สาวใช้มองไปทางฉากกั้น
“นายหญิง จะให้ข้าอ่านตั้งแต่แรกเลยไหมเจ้าคะ” นางเอ่ยถาม
อ่านแต่แรก…
“อยู่หน้าหลังๆ อยู่หน้าหลังๆ ไม่ต้องหาแต่แรกขอรับ” พ่อบ้านเฉาทนความไม่สบายเอาไว้แล้วรีบเอ่ยปาก
ให้ตายสิ อ่านแต่แรก แล้วถามแต่แรกใหม่ ใครจะไปรู้ว่าข้างในนั้นบันทึกอะไรเอาไว้บ้าง หากมาถามเขาทั้งหมด เขายอมตายไปเลยดีกว่า!
สาวใช้เปิดสมุดดูแล้ว หลุดหัวเราะออกมา
“วงกลมเต็มไปหมด อะไรกันนี่ จะอ่านอย่างไรเจ้าคะ” นางกล่าวพลางหัวเราะ
คนที่จำได้อย่างไรเสียก็จะจำได้ ตอนนั้นให้นางจด เพราะกลัวว่านางจะลืม ไม่ใช่กลัวว่าตนจะลืม
หลังฉากกั้นนั้น เฉิงเจียวเหนียงนิ่งเงียบไปสักพัก
“ไม่ต้องอ่านแล้ว” นางกล่าว “ข้ารู้”
ข้างนอกนั้นนอกจากสาวใช้ที่พอจะรู้เรื่องภายในอยู่บ้าง อีกสองคนต่างก็นิ่งงันไป
รู้หรือ
รู้อะไร
“พ่อของท่าน สองเดือนก่อน เจ็บป่วย ตอนนี้ ครึ่งท่อน ขยับไม่ได้ ปากตา บิดเบี้ยว น้ำลายไหล พูดจา ลำบาก สติ มึนงง หน้าแดง ลิ้นหยาบ ปัสสาวะติดขัด ชีพจร เส้นประสาทเอวมีปัญหาอีกมาก”
หญิงสาวหลังฉากกั้นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
ทั้งสามคนหน้าฉากกั้นเหม่อลอย รวมไปถึงสาวใช้คนนั้นด้วย
เสียงดังขึ้นกระทันหัน นายสี่เฉินลุกขึ้น ชนถ้วยน้ำตรงหน้าหล่นลง
“ท่าน…ท่าน…” เขาสีหน้าแดงก่ำ สองตาจ้องเขม็ง คล้ายว่าตื่นเต้นดีใจแต่ก็เหมือนจะตกใจกลัว “ท่านรู้ได้อย่างไร”
พูดถูกจริงๆ อย่างนั้นหรือ
พ่อบ้านเฉาก็สีหน้าตกตะลึง เขาเคยติดตามนายท่านไปเยี่ยมนายใหญ่เฉิน ถึงแม้จะไม่ได้ฟังไม่ได้เห็นผลการตรวจของหมอด้วยตนเอง แต่ก็ได้ดูผ่านฉากกั้น และดูออกว่านายใหญ่เฉินผู้นั้นมีอาการดังที่นายหญิงผู้นี้กล่าว
แต่ทว่า เขาไม่รู้ว่านายใหญ่เฉินเริ่มป่วยเมื่อใด และไม่รู้อาการปากลิ้นอักเสบ ปัสสาวะหรือชีพจรอะไรด้วย
แต่เห็นปฏิกิริยาของนายสี่เฉิน ก็รู้ว่าพูดถูกแล้ว
“ข้า เคยเจอ เขาหนึ่งครั้ง” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว
เคยเจอหนึ่งครั้ง เจอกันครึ่งปีก่อนแล้วละสิ
ตอนนั้น ก็รู้แล้วหรือ
ล้อเล่นอะไรกัน จะเป็นไปได้อย่างไร
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ หันเฟยจื่อเคยบันทึกไว้ว่า ‘เมื่อเปี่ยนเชวี่ย พบไช่หวนกง เขายืนอยู่เพียงสักพัก ก็รู้ถึงอาการป่วยของเขา’” นายสี่เฉินกล่าวเสียงสั่นเครือ นั่งคุกเข่าลงอีกครั้งในทันใด จัดระเบียบท่าทางแล้ว กราบคำนับหัวจรดพื้น “ขอนายหญิงช่วยชีวิตด้วย!”
เปี่ยนเชวี่ยหรือ
พ่อบ้านเฉาตะลึงงันแล้วมองไปทางฉากกั้น
หญิงสาวหลังฉากกั้นเมื่อครู่นั้นเอนกายลงจะนอนหลับ ถูกสาวใช้พูดจาหว่านล้อมจนยอมฝืนลุกขึ้น เวลานี้พิงกายนอนตะแคง เสื้อคลุมตัวกว้างแขนเสื้อใหญ่ ผมยาวคลุมสยาย หลังฉากกั้นผ้าตาข่ายนั้นเห็นอยู่รำไรคล้ายความจริงแต่ก็เหมือนภาพลวงตา
“ท่าน!” เขาอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าอีกทั้งมีความโมโหซ่อนอยู่ “หยอกข้าเล่นหรือ”
ไม่รู้จักเอย คนกันเองเอย สาวใช้ผู้นี้สาวใช้ผู้นั้นเอย ดื่มน้ำไม่บอกแต่แรกเอย!
ตั้งแต่นาทีที่ตนยืนอยู่หน้าประตูแล้วบอกชื่อของตน ก็ถูกหญิงสาวผู้นี้และสาวใช้ปั่นหัวแล้ว!
ถึงแม้ท่านชายฉินจะกำชับไว้แต่แรก ทั้งยังได้รับการยินยอมจากนายท่านและท่านชายว่า อย่าเข้ามาหานายหญิงผู้นี้ในฐานะญาติ แต่ทว่า เขาคิดไม่ถึงว่า นายหญิงผู้นี้จะกล้าทำถึงเพียงนี้!
ก็แค่พาสาวใช้ของนางไปเท่านั้น! ต้องทำถึงเพียงนี้เชียวหรือ ล้อเล่นแกล้งทำเป็นบ้าเช่นนี้สนุกนักหรือ
“นายหญิง มีอะไรเราก็พูดกัน ท่านทำเช่นนี้ สนุกนักหรือ” เขานั่งคุกเข่าแล้วลุกขึ้น ถึงตอนนี้แล้วยังไม่ได้ดื่มน้ำสักอึก ทั้งร้อนรนทั้งเจ็บคอเขาทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยถามขึ้น
นายสี่เฉินและสาวใช้ต่างก็มองไปทางเขา สีหน้าตกใจเล็กน้อย
หลังฉากกั้น มีเสียงกุกกักดังขึ้น จากนั้นหญิงสาวที่นอนตะแคงก็ลุกขึ้นนั่งตรงแล้วจับโต๊ะเตี้ยพยุงตัวยืนขึ้นมา แล้วเดินก้าวออกมาช้าๆ สองสามก้าว
นายสี่เฉินและพ่อบ้านเฉาดวงตาลุกวาว
ในห้องนั้นภายใต้แสงแดดของฤดูใบไม้ร่วง หญิงสาวผู้นี้สวมใส่เสื้อผ้าและเสื้อคลุมสีพื้น ใบหน้าประณีตขาวเนียน รูปลักษณ์สะสวย เพียงแต่สีหน้าแข็งทื่อ ดวงตาเหม่อลอย มองดูนานหน่อยก็จะทำให้รู้สึกว่าแปลกประหลาด
เวลานี้สายตาของนางตกกระทบบนตัวพ่อบ้านเฉา มองลงไปจากด้านบน
“แน่นอนว่า สนุก” นางกล่าวอย่างแข็งทื่อ
พ่อบ้านเฉาเงียบไป
นายสี่เฉินสายตาลุกลน คล้ายว่าคิดอะไรอยู่
“นายหญิง ขอนายหญิงช่วยชีวิตด้วย” เขากล่าวแล้วคำนับอีกครั้ง
“ได้” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว
“อย่างนั้น ข้าจะรีบไปบอกญาติของนายหญิง คุ้มกันนายหญิงเข้าเมืองหลวง” นายสี่เฉินกล่าว พลางจะลุกขึ้น
“ช้าก่อน” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว
จะทำอะไรอีก จะรออีกไม่ได้แล้วจริงๆ ท่านพ่อขยับไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงเชิญไปมา นี่ก็เสียเวลามากอยู่แล้ว
นายสี่เฉินกำมือไว้แน่น
“ท่านไม่ต้องไป” เฉิงเจียวเหนียงมองดูเขาแล้วกล่าวขึ้น แล้วก็มองไปทางพ่อบ้านเฉา “เจ้าไปบอก”
นายสี่เฉินและพ่อบ้านเฉาต่างก็อึ้งไปสักครู่
“ข้าไม่ไปหรือ นี่ เหมาะสมหรือ” นายสี่เฉินเอ่ยถาม
นายหญิงผู้นี้ ทำตัวเป็นเด็กเกินไปแล้วกระมัง
“ขอรับ ข้าไปเอง” พ่อบ้านเฉารีบพยักหน้า เวลานี้ไม่อยากจะยั่วโมโหนายหญิงผู้นี้อีกแล้ว ใจคิดแต่เรื่องจะรีบพาคนเข้าเมืองหลวง
“เจ้าไปแล้ว รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไรหรือไม่” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยถาม
เดิมทีไม่รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไร ได้ยินคำพูดนี้ของเฉิงเจียวเหนียงแล้ว เขาก็พอจะรู้ว่าต้องพูดอย่างไรแล้ว
พ่อบ้านเฉาก้มตัวคำนับ
“ขอนายหญิงชี้แนะด้วย” เขากล่าว
เฉิงเจียวเหนียงมองดูเขาสักพัก
“เจ้าจะดื่มน้ำก่อนไหม” นางเอ่ยถาม
………………………………………………………….