พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 309 อ้อนวอนโชคชะตา (1)
ยามฟ้าสาง จินเกอร์กวาดลานหน้าประตูบ้านเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับราดน้ำพลางฮึมฮัม
“ท่านพี่ วันนี้อารมณ์ดีเชียวนะ”
ผู้อาวุโสที่เฝ้าประตูเพื่อนบ้านในละแวกนั้นเอ่ยพลางยิ้ม
จินเกอร์ยิ้มกว้างให้เขา ก่อนจะยกมือขึ้นคารวะและเดินเข้าไป
ภายในสวนเงียบสงัด ในห้องครัวส่งกลิ่นอาหารออกมา เฉกเช่นในอดีต แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรท้องฟ้าก็ฟ้ามากขึ้น ต้นไม้เขียวชอุ่มกว่าเดิม ทุกทีต่างเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ
“จินเกอร์…”
มีคนเรียกด้วยเสียงแผ่วเบาจากข้างนอก
จินเกอร์หันกลับไป ก่อนจะตกตะลึง
มีคนใบหน้าอ้วนกลมยืนอยู่หน้าประตู ยามกำลังเหยียดยิ้มอยู่นั้น ดวงตาหายไปโดยพลัน
“เจ้าเป็นใคร” จินเกอร์ร้อง
“ข้าคือนาย…นายใหญ่โจว” นายใหญ่โจวเอ่ย
นายใหญ่โจวหรือ
จินเกอร์มองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนจะมองหัวจรดเท้า
“ไม่เจอกันวันเดียวไฉนถึงอ้วนได้เพียงนี้เล่า” จินเกอร์เอ่ยด้วยความตกใจ
เจ้าเด็กบ้านี่ นี่เรียกว่าอ้วนหรือ นี่คืออาการบวมต่างหาก!
สีหน้าของนายใหญ่โจวดูกระอักกระอ่วน แต่ว่าไม่มีใครดูออก
“แม่นางตื่นหรือยัง” เขาถาม
“ท่านมาหานายหญิงของข้ามีธุระอะไร หรือจะแย่งของของนายหญิงข้า…” จินเกอร์ร้องตะโกน
ยังเอ่ยไม่จบ ก็ถูกนายใหญ่โจวที่มีใบหน้าอ้วนกลมพุ่งเข้ามาปิดปาก
“อย่าพูดจาเหลวไหว อย่าพูดจาเหลวไหว” เขาร้องไม่หยุดหย่อนด้วยความตกใจ
จินเกอร์ถูกปิดปากจนแทบจะเป็นลม กว่าจะหลุดพ้นออกมาได้
“ใครกันเนี่ย บุกรุกเข้ามาฆ่าคนตั้งแต่เช้าตรู่”
สาวใช้ที่เดินออกมาจากประตูห้องรับแขกเอ่ย เห็นจินเกอร์ที่ไอไม่หยุด แล้วมองนายใหญ่โจวอีกครั้ง นางจำไม่ได้ในแวบแรกเช่นเดียวกัน
ให้ตายเถอะ! มาฆ่าคนที่นี่อย่างนั้นหรือ! ให้ความอาจหาญแก่เขาอีกสิบเท่ายังไม่กล้าเลย!
นายใหญ่โจวตะโกนอยู่ในใจ มองไปยังห้องรับแขก
มองผ่านสาวใช้ไป มีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ในห้องรับแขก อาภรณ์สารทฤดูเรียบง่าย มีลายดอกไม้ตกแต่งเล็กน้อย ผ้าต่วนขอบทอง มองมาด้วยสายตาฟาดฟัน
เพียงแค่แวบเดียว ทั้งร่างของนายใหญ่โจวก็ถูกตัดออกเป็นสองท่อนแล้ว
“เจียวเจียวร์…” เขาร้องเรียก ก่อนจะปิดหน้าพลางนั่งลงบนพื้น “เข้าใจผิดกันทั้งนั้น…”
ปั้นฉินจัดวางอาหารเสร็จเรียบร้อย พลางเพ่งมอง ก่อนจะโรยงาบนโจ๊กเล็กน้อย จึงยกเข้าไปในห้องรับแขกอย่างพอใจ
นายใหญ่โจวยังคงนั่งอยู่ในสวน ร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาไหล
“…ข้าหวังดีกับเจ้าจริงๆ นะ เจ้าป่วย ข้าถึงวางใจไม่ได้ ข้าเพียงแค่จะดูแลร้านให้เจ้า…”
“…ข้าหวังดีกับเจ้าจริงๆ ข้าเชื่อคนพวกนั้นไม่ได้นี่…”
“…ป้าของเจ้าก็อยากจะพาเจ้ากลับไปดูแล…เจ้าจะเชื่อคำพูดคนอื่น แล้วมาเกลียดพวกเราไม่ได้…”
ปั้นฉินคุกเข่าลง ก่อนจะดันจานข้าวเข้าไป
สาวใช้หยิบตะเกียบส่งให้นายหญิง
เสียงคร่ำครวญซ้ำไปมาของนายใหญ่โจวในสวนเบาลงไปเล็กน้อย
“ก็ดีมากนี่” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย พลางมองเขา “ท่านทำเช่นนี้เพราะหวังดีกับข้า ข้าจะเกลียดท่านได้อย่างไร”
ดีมากหรือ
ประชด! นี่มันคำประชด!
“เจียวเจียวร์” นายใหญ่โจวเอ่ย “พวกเราทำเพื่อเจ้าจริงๆ นะ”
เฉิงเจียวเหนียงพยักหน้า
“เช่นนั้น ก็ดีไม่ใช่หรือ” นางเอ่ย
“เจียวเจียวร์ ชะ เช่นนั้นเจ้าได้โปรดเมตตา ไว้ชีวิตข้าและท่านป้าของเจ้าด้วยเถิด” นายใหญ่โจวหยั่งเชิงลองอ้อนวอน
“ข้าจะเอาชีวิตพวกท่านไปทำสิ่งใด” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยพลางส่ายหัว
“เจียวเจียวร์ ได้โปรดเมตตา คลายอาการป่วยร้ายแรงของพวกเราเถิด ท่านป้าของเจ้าใกล้จะขาดอากาศหายใจอยู่แล้ว…” นายใหญ่โจวเอ่ยพลางน้ำตาไหลพราก
ที่แท้วันนั้นที่ฮูหยินโจวหกล้มหัวแตก แล้วถูกอุ้มกลับบ้านก็ไข้ขึ้นสูง ไม่ลดมาโดยตลอด เอาแต่พูดจาเพ้อพก นายใหญ่โจวที่แทบจะสำลักเพราะน้ำชาในเรือนนางฟ้า หลังจากกลับถึงบ้าน ใบหน้าก็บวมเต่ง แม้ตอนนี้เขายังเดินเหินได้ แต่เขาคิดว่าอีกไม่นานก็จะกลายเป็นดั่งฮูหยินโจว
หลังจากฟังที่เขาเอ่ยจบ สาวใช้และปั้นฉินงงงัน ก่อนจะเผลอยิ้มออกมา
“นายใหญ่โจว พวกท่านตกใจกันเอง” สาวใช้เอ่ย “ตอนนั้นนายหญิงของพวกเราเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา เพิ่งจะฮูหยินโจวไปครู่เดียว นางก็หนีไปแล้ว ทว่าท่านไม่ได้แม้แต่จะมาเจอด้วยซ้ำ ไฉนถึงมาโทษว่าเป็นความผิดของนายหญิงข้าเสียแล้วเล่า”
“ไม่ได้โทษ ไม่ได้โทษ” นายใหญ่โจวตกใจจนต้องโบกมือพัลวัน “เจียวเจียวร์ พวกเราไม่ได้กล่าวโทษ เพียงแต่ขอร้องให้เจ้าเห็นใจก็เท่านั้น…”
“โธ่เอ๊ย พวกท่านรีบไปตามหมอมาดูดีกว่า” สาวใช้หัวเราะเยาะพลางเอ่ย
พวกเขาไม่ใช่คนป่วยเสียหน่อย! นางเด็กนี่จะไปเข้าใจอะไร!
นายใหญ่โจวเงยหน้ามองหญิงสาวที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก สำนึกผิดจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว เขาจะลืมได้อย่างไรเล่า
จะลืมจุดจบของคนที่ทำตัวเป็นปรปักกับหญิงสาวคนนี้ได้อย่างไร
ภาพจุดจบของคนเหล่าก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวเขาในชั่วพริบตาอย่างไม่ขาดสาย ถูกยิงธนูตาย ถูกเชือกรัดคอตาย ถูกทำให้โมโหจนตาย ถูกล่อให้ออกมาโดยฟ้าผ่าตาย โดนเผาตาย ถูกทำลายอนาคต และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ทั้งๆ ที่นางทำลายคนมากมายเพียงนี้ มือกลับไม่เปื้อนเลือดแม้แต่หยดเดียว
คนหาเรื่องนาง หรือขัดขวางหนทางของนาง มีใครหน้าไหนบ้างที่มีจุดจบสวยงาม!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นายใหญ่โจวก็รู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองเริ่มบวมขึ้นอีกแล้ว
“เจียวเจียวร์ ฟ้าดินเป็นพยาน ข้าทำเช่นนี้เพราะหวังดีกับเจ้าจริงๆ นะ” เขาเอ่ยพลางร่ำไห้ “เจ้าคิดดูสิ เจ้าป่วยขนาดนี้แล้ว ร้านนี้จะไม่มีคนดูแลได้อย่างไร เจียวเจียร์ ตระกูลโจวของพวกเราไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินนะ สินเดิมที่ตอนนั้นให้แม่ของเจ้าไป ก็เลี้ยงคนได้ครึ่งหนึ่งของตระกูลเฉิงเชียวนะ ข้าหวังดีกับเขาจริงๆ เจ้าไม่อยู่แล้ว ข้าเป็นลุงของเจ้านะ ข้าไม่ช่วยเจ้าดูแล จะมีใครมาช่วยเจ้าได้อีก”
เขาเอ่ยพลางชี้ไปที่สาวใช้
“เจ้าเด็กนี่ เจ้าลองใช้สามัญสำนึกคิดดูให้ดี คำพูดที่เจ้าว่าข้าพวกนี้ มันใช่ทำนองครองธรรมไหม”
สาวใช้หัวเราะออกมา
“นายหญิง” นางหันหน้าไปทางเฉิงเจียวเหนียง “ท่านเพิ่งหาย ข้าไม่มีเวลาบอกท่าน ตอนท่านป่วย ท่านลุง แล้วก็ท่านชายสี่ ต่างมาช่วยงานที่ร้าน ช่าง…”
นางเอ่ยพลางหันไปยิ้มให้นายใหญ่โจวทีหนึ่ง
“…ช่างลำบากพวกเขาแล้วจริงๆ…”
อะไรนะ
ไม่มีเวลาบอก
นายใหญ่โจวงุนงง
เขา…เขาไม่เชื่อหรอก!
เช่นนั้นสองสามีภรรยาอย่างพวกเขาจะป่วยเจียนตายเช่นนี้ได้อย่างไร ต้องเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้วางยาเป็นแน่! วินาทีที่ฮูหยินโจวมาอุ้มนางกลับไป ตอนที่ตัวเองกำลังดื่มชาอยู่ที่เรือนนางฟ้า! ใช่ ถูกต้อง ต้องใช่แน่ๆ ผู้หญิงคนนี้จะต้องป้องกันไว้แน่ๆ!
“เจียวเจียร์ พวกเราหวังดีกับเจ้าจริงๆ นะ!” นายใหญ่โจวร้อง พร้อมยกมือขึ้นพลางก้มหัวอีกครั้ง
เฉิงเจียวเหนียงวางตะเกียบลง
“ท่านลุง ท่านอยากให้ข้าทำอะไรกันแน่” นางเอ่ย
“เจียวเจียวร์ เจ้าช่วยชีวิตข้ากับท่านป้าเจ้าที” นายใหญ่โจวเงยหน้าขึ้น ก่อนจะอ้อนวอนพลางร่ำไห้
เฉิงเจียวเหนียงมองเขาครู่หนึ่ง
“แม้จะเป็นท่านลุง ทว่าก็ไม่อาจฝ่าฝืนกฎการรักษาโรคของข้าได้” นางเอ่ย “อาการป่วยของท่านไม่ถึงตาย ดังนั้นข้าไม่อาจรักษาได้”
ในใจของนายใหญ่โจวยิ่งแน่ชัด ดูสิ ดูสิ เหมือนกับตอนราชเลขาหลิวไม่มีผิด!
ทำเอาเจียนตาย แล้วก็ไม่ต้องให้นางมาช่วยด้วย พอมีกฎมา นางไม่ช่วย ก็ไม่มีใครทำออะไรนางได้!
“เจียวเจียวร์!” นายใหญ่โจวเดินเข้าไปข้างหน้าสองสามก้าว “เจียวเจียวร์ ข้าหวังดีกับเจ้าจริงๆ นะ เจ้าปล่อยพวกเราไปเถิด”
เฉิงเจียวเหนียงขมวดคิ้ว
“เอ๋ นายหญิง ขมวดคิ้วเป็นแล้วหรือ” สาวใช้ข้างกายอดร้องออกมาด้วยความปรีดาไม่ได้
ขมวดคิ้วหรือ
เฉิงเจียวเหนียงขมวดคิ้วอีกครั้ง
“จริงด้วย จริงด้วย” ปั้นฉินก็เข้ามามองแล้วร้องออกมาด้วยความดีใจเช่นกัน
ขมวดคิ้ว เดิมทีจะเกิดขึ้นยามที่เจอเรื่องไม่ได้ดั่งใจ มิใช่เรื่องที่น่าดีใจนัก ยามนี้เห็นสาวใช้สองคนร้องดีใจกระโดดโลดเต้น ราวกับเป็นเรื่องน่ายินดีใหญ่โตมิปาน พอนายใหญ่โจวรู้หน้าก็ยิ่งบวมมากขึ้นกว่าเดิม
พวกนางตั้งใจแทรกมุกตลกเพื่อปล่อยให้ตนเองเคว้ง!