CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง - บทที่ 447 ธนูคันหนึ่ง (1)

  1. Home
  2. พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง
  3. บทที่ 447 ธนูคันหนึ่ง (1)
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ชายผู้หนึ่งเดินฝ่าฝูงชนมายืนอยู่หน้าประตูเมือง เหล่าชาวเมืองและขุนนางนับร้อยด้านล่างไม่ได้ใส่ใจเขา แต่ฮ่องเต้และสมาชิกแห่งราชสำนักที่อยู่บนกำแพงเมืองนั้นสังเกตเห็น

แม่นางเฉินสิบแปดที่ยืนอยู่ด้านหลังองค์หญิงป๋อหยางได้ยินคำสามพยางค์ว่าเม่าหยวนซานก็ตกใจจนต้องเหลียวไปมอง

ชายผู้นั้นช่างดูแสนธรรมดา เรียกได้ว่ามอซอเสียด้วยซ้ำ

เพื่อคนเช่นนี้น่ะหรือ แม่นางผู้นั้นถึงต้องก่อเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้ ทั้งยังมิวายโดนหางเลขไปด้วย

ฟ่านเจียงหลินคุกเข่าลงต่อหน้าโอรสแห่งสวรรค์แล้วถวายบังคม ราวกับรู้ว่าฮ่องเต้ไม่อยากแม้แต่จะพูดคุยกับเขา พอถวายบังคมเสร็จเขาจึงเอ่ยเข้าประเด็นในทันใด

“ข้าน้อยขอบพระทัยฝ่าบาทที่เมตตา ผู้ภักดีที่ตายเพราะปกป้องเมืองย่อมไม่ตามอย่างสูญเปล่า” เขาเอ่ยเสียงกึกก้อง

แน่นอนสิ ชีวิตพวกเจ้ามีค่านักหรืออย่างไร ตายไม่ได้เชียวหรือ

ฮ่องเต้แค่นหัวเราะอยู่ในใจ แต่เพราะตนเป็นโอรสแห่งสวรรค์จะชักสีหน้าใส่ชาวเมืองตัวกระจ้อยก็คงไม่ใช่เรื่อง เขาจึงทำได้เพียงพยักหน้าแล้วยิ้มบาง

เหล่าขันทีส่งสัญญาณให้ฟ่านเจียงหลินที่ก้มหัวจรดพื้นอยู่ลุกออกไป ทว่าฟ่านเจียงหลินกลับไม่ยอมขยับไปไหน

“ฝ่าบาท ข้าน้อยร่างกายพิการไม่อาจร่วมศึกฆ่าศัตรูด้วยตัวเองเพื่อพระองค์ได้ เพราะอย่างนั้นข้าน้อยจะขอมอบของสิ่งหนึ่งให้แก่พระองค์ เพื่อปราบศัตรูแทนข้าน้อย เพื่อพระองค์แสดงแสนยานุภาพของพระองค์”

พอหันไปมองก็เห็นสองมือของฟ่านเจียงหลินนั้นว่างเปล่า ไม่รู้ว่าเขาจะมอบสิ่งใดให้ กลอนถวายพระพรอย่างนั้นหรือ หรือว่าคาถาของแม่นางหมอเทวดา หรือว่ายาที่จะทำให้เป็นอมตะ

ฮ่องเต้ไม่ยินดียินร้าย เย้ยหยันอยู่ในใจ

“เอาออกมาสิ” เขาเอ่ย

“ข้าน้อยขอมอบอาวุธร้ายชิ้นหนึ่งให้แก่พระองค์ หากยังไม่ได้รับอนุญาต ข้ามิบังอาจนำออกมาได้”

ฟ่านเจียงหลินเอ่ย

อาวุธร้ายอย่างนั้นหรือ

ทันใดนั้นคนที่อยู่ที่นั้นก็พากันถกเถียงขึ้นมา ส่วนภายในหัวของฮ่องเต้ก็ผุดคำสามพยางว่าเกือกม้าเหล็กขึ้นมา…

“อาวุธร้ายอันใดกัน” เขานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วถาม

“ธนูพ่ะย่ะค่ะ” ฟ่านเจียงหลินเอ่ย

เมื่อคำนั้นเอ่ยออกไปทุกคน ณ ที่นั้นก็แสยะยิ้มออกมา บางคนถึงขนาดหัวเราะออกเสียง

“ไม่รู้ว่าธนูนี้มียอมฝีมือคนใดใช้มาก่อน”

“ไม่ใช่หรอก น่าจะเป็นเทพเซียนใช้ต่างหาก”

เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นมาจากด้านหลัง

สีหน้าของฮ่องเต้ยังคงเรียบเฉยดังเดิม

“ธนูของข้าน้อยนั้นพลังร้ายแรงกว่าธนูจ้งหนู่สิบเท่า” ฟ่านเจียงหลินเอ่ย

พลังร้ายแรงกว่าธนูจ้งหนู่สิบเท่าอย่างนั้นหรือ!

เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นมาในทันใด ทว่าเขายังพูดไม่จบ

“ธนูของข้าน้อย ยิงได้ไกลสามร้อยสิบสี่ก้าว ทะลุต้นอวี๋ได้ครึ่งลำต้น ยิงทะลุเกราะเหล็กได้ในระยะเจ็ดสิบเก้า” ฟ่านเจียงหลินพูดต่อ

เขาคุกเข่าหลังตรงสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ได้พูดจาอึกอักเพราะอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ ทั้งยังไม่มีท่าทีหวาดกลัวเพราะความเสียงโกลาหลแตกตื่นรอบด้าน

“ฟ่านเจียงหลินเจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองพูดอะไรอยู่” สีหน้าของฮ่องเต้เริ่มแปรเปลี่ยนไป มองดูไพร่ฟ้าต้อยต่ำเบื้องหน้าแล้วเอ่ยถามขึ้น

อาวุธร้ายแรงที่กองทัพใช้อยู่ทุกวันนี้คือธนูจ้งหนู่ ใช้ทั้งรับและโจมตี หากเป็นธนูที่อานุภาพร้ายแรงยิ่งกว่าธนูจ้งหนู่ ทั้งยังร้ายแรงกว่าถึงสิบเท่า ธนูนั้นจะหน้าตาเป็นอย่างไรกันนะ โอ้อวดเกินไปหรือเปล่า

“ฝ่าบาทสามารถพิสูจน์ได้พ่ะย่ะค่ะ” ฟ่านเจียงหลินเอ่ย

ฮ่องเต้มองเขา

ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็จะทำให้เจ้าสมปรารถนา เราไม่ได้ต้องการให้เจ้าขายหน้าต่อหน้าชาวเมืองหรอกนะ

“ได้” เขาเอ่ยขึ้น

หากเป็นจริงเช่นนั้นละก็…

ยิงได้ไกลสามร้อยสิบสี่ก้าว ทะลุต้นอวี๋ได้ครึ่งลำต้น ยิงทะลุเกราะเหล็กได้ในระยะเจ็ดสิบเก้า…

แม้ร่างกายจะป่วยออดแอดมาตลอด ทั้งยังไม่ได้หนุ่มแน่น แต่หากว่าด้วยใจของนับรบแล้ว ฮ่องเต้นั้นห้าวหาญยิ่งนัก ยามเป็นหนุ่มยังถูกเหล่าขุนนางอามาตย์ตำหนิอยู่บ่อยครั้ง

ได้ยินฟ่านเจียงหลินพูดเช่นนั้น ในใจของฮ่องเต้ก็จินตนาการไปแล้วว่าธนูนั้นจะน่ากลัวและร้ายแรงมากเพียงใด

หากเป็นเช่นนั้นจริง

นั่นคืออาวุธทำลายล้างเลยก็ว่าได้

หากเป็นเช่นนั้นจริง…

ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นก็เห็นเหล่าขันทีและองครักษ์สั่งการต่อเรียบร้อยแล้ว เพราะเป็นอาวุธร้ายแรง จึงไม่อาจนำเข้ามาในเขตวังหลวงได้ แม้จะผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังมาไม่ถึง

ในที่สุดเหล่าชาวเมืองก็สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวที่บนกำแพงเมืองแล้ว พวกเขาพากันถามไถ่ เพราะเห็นขันทีประกาศราชโองการผ่านไป พอทุกคนรู้ว่าเกิดอันใดขึ้น ทันใดนั้นก็โกลาหลกันขึ้นมา

“ยังไม่ถึงฤดูชมสวนของฮ่องเต้ยามเดือนสาม พวกเราก็จะได้เห็นการแสดงของทหารม้ารักษาพระองค์แล้วหรือนี่”

เหล่าชาวเมืองพากันถกเถียงไม่หยุด พวกเขาไม่รู้ว่าธนูที่กำลังจะถูกทดสอบนั้นได้มีคำอวดอ้างสรรพคุณอย่างไรบ้าง เพียงแค่มุงดูอย่างครื้นเครงก็เพียงพอสำหรับพวกเขาแล้ว

“มาแล้ว มาแล้ว!”

ท่ามกลางความคึกครื้นนั้น ขันทีนายหนึ่งพร้อมกับขบวนทหารรักษาพระองค์ติดอาวุธสีหน้าเคร่งขรึมกำลังเดินนำชายหนุ่มคนหนึ่งเขามา

ชายหนุ่มผู้นั้นสวมชุดศึก ในมือถือธนูคันหนึ่ง ท่าทางดูสง่าผ่าเผยยิ่งนัก

ทันใดนั้นฝูงชนก็พากันแหวกทางให้ ท่านชายหกจึงกลายเป็นจุดสนใจของสาวน้อยมากหน้าหลายตา บ้างก็โยนถุงบุหงาให้ ราวกับกำลังต้อนรับขบวนการแสดงของทหารม้ารักษาพระองค์ในยามเดือนสามมิปาน

เสียงครื้นเครงตลอดทางเงียบสงัดลงเมือมาถึงเหล่าขุนนาง บรรดาลูกสาวตระกูลขุนนางไม่อาจแก่นแก้วได้เหมือนหญิงสาวชาวเมือง ท่ามกลางเสียงตะโกนโหวกเหวกนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้น

คนจากตระกูลใดกันเหตุใดถึงได้ไร้มารยาทเพียงนี้

ทุกคนพากันขมวดคิ้วเหลียวมอง

“ชายหก!นั่นชายหกใช่หรือไม่” แม่นางน้อยตระกูลโจวผู้หนึ่งร้องตะโกนขึ้น ยื่นมือชี้ออกไปยังชายหนุ่มที่ก้าวเดินอย่างอาจหาญอยู่กลางถนน

ฮูหยินโจวยกมือกุมอกหอบหายใจถี่รัว ราวกับจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ

“เขาบอกว่าวันนี้จะไม่ออกไปไหนไม่ใช่หรือ ไม่ใช่…ไม่ใช่แค่ออกจากเรือน แต่ยังวิ่งโร่มาอยู่หน้าฝ่าบาทอีกต่างหาก”

“เขาจะทำอะไรน่ะ”

เหล่าแม่นางน้อยพากันตะโกนไม่หยุด จนกระทั่งฮูหยินโจวเป็นลมล้มพับไป

เสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้น ท่านชายโจวหกก็เดินไกลออกไปแล้ว จนมาหยุดอยู่ข้างกายขุนนางยศใหญ่ผู้หนึ่ง แม้จะไม่มีเสียงกรีดร้องของเหล่าหญิงสาวแล้ว แต่ก็กลับมีเสียงผิวปากของบุรุษแทน

ท่านชายโจวหกไม่แม้แต่จะเหลือบตามองก่อนจะเดินต่อไป

ท่านชายฉินสิบสามหัวเราะชอบใจแล้วละสายตากลับมา ก็เห็นสายตาเคลือบแคลงสงสัยจากคนทั้งสองฝากฝั่งที่มองมายังเขา

“ห้าวหาญยิ่งนัก ใช่หรือไม่” เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

เหล่าชาวเมืองกรอกตามองบน ก่อนจะพากันซุบซิบพูดคุยถึงธนูในมือของชายหนุ่มคนนั้น

“…ก็ดูธรรมดานี่…”

“…ไม่รู้ว่าทำมาจากอะไร ดูเหมือนไม่ใช่ทั้งเอ็นวัวเขาวัว… ของเด็กเล่นกระมัง…”

ของเล่นอย่างนั้นหรือ

หากจะเล่นจริงๆ อย่างพวกเจ้าก็คงไม่มีปัญญาเล่นหรอก

ท่านชายฉินสิบสามยิ้มบาง มองดูท่านชายโจวหกที่เดินเข้าประตูเมืองไป

เพราะในมือถือธนูอยู่ ทั้งยังเข้าใกล้ฮ่องเต้ถึงเพียงนี้ เหล่าทหารรักษาพระองค์จึงคอยตามติดไม่ห่าง มือก็คอยกำดาบไว้ สายตาดั่งพยัคฆ์นั้นจ้องมองท่านชายโจวหกไม่กระพริบ มั่นใจได้ว่าหากเขาตุกติกก็พร้อมจะฟันให้ตายในดาบเดียว

“กระหม่อมโจวฟู ขอเป็นผู้ทดสอบธนูให้แก่ฝ่ายบาท” ท่านชายโจวหกเอ่ยเสียงดังกังวาน พลางคุกเข่าข้างหนึ่งลงถวายบังคมฮ่องเต้ที่อยู่บนกำแพงเมือง

เพราะเขาสวมชุดออกศึกจึงไม่จำเป็นต้องถวายบังคับอย่างเต็มรูปแบบ

ฮ่องเต้พยักหน้า มองดูชายหนุ่มผู้นั้น

เด็กเกินไปหรือเปล่า จะมีแรงหรือ สู้ไปตามพลธนูฝีมือดีมาทดสอบไม่ดีกว่าหรือ

ความคิดนั้นผุดขึ้นมาในหัวของเขา ทว่ากลับไม่ได้พูดออกไป

“ตั้งโล่!”

ทหารรักษาพระองค์ที่รับคำสั่งมาก่อนหน้าตะโกนลั่น

เหล่าทหารรักษาพระองค์ที่ยืนอยู่อีกฝั่งก็ก้าวออกมาพร้อมโล่ ยืนห่างออกไปเจ็ดสิบก้าว

ขณะเดียวกันทหารรักษาพระองค์บนกำแพงเมืองก็ต้องแถวล้อมเพื่อคุ้มกันฮ่องเต้และเหล่าชาวราชสำนัก

ทุกสายตาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มที่ถือธนูอยู่ในมือ

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 447 ธนูคันหนึ่ง (1)"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์