พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1075 ปล้นกลางทาง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1075 ปล้นกลางทาง
รถบัสคันหนึ่งมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาฉินหลิง รพีพงษ์กำลังอยู่ที่ข้างเตียง หลับตาพักผ่อน
ในเวลานี้ดวงอาทิตย์กำลังตกดิน ด้านนอกเป็นถนนภูเขาที่คดเคี้ยว และรถวิ่งได้ค่อนข้างกระเด้ง กระดอน แต่ว่าไม่ได้กระทบต่อการพักผ่อนของรพีพงษ์
หลังจากที่เดินทางโดยเครื่องบินไปยังเมือง??ที่ใกล้ที่สุดกับเทือกเขาฉินหลิง รพีพงษ์ก็ผ่านมาหลายสถานที่ตลอดทาง ในที่สุดก็ได้ขึ้นรถบัสคันนี้
รถคันนี้เป็นพาหนะเดียวที่จัดตั้งขึ้นสำหรับการเดินทางไปยังหมู่บ้านที่เทือกเขาฉินหลิง ในเวลานี้รพีพงษ์กำลังรีบมุ่งไปยังเชิงเขาเทือกเขาฉินหลิง ไปสอบถามเรื่องเกี่ยวกับผู้คุมกันคนที่สี่ของชัชพิสิฐในหมู่บ้านที่นั่น
แม้ว่าความแข็งแกร่งของผู้คุมกันทั้งสี่คนนี้จะสู้ชัชพิสิฐไม่ได้ หลังจากที่ออกมาจากช่องทางขนส่ง ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ความแข็งแกร่งของเขายังคงไกลเกินกว่าใครในโลกจะเทียบได้
ดังนั้นเขาอยู่ในสายตาของคนธรรมดา คงจะเป็นผู้สูงส่งเหมือนกับเซียนอย่างแน่นอน ถ้าหากเขาลงจากภูเขามารับลูกศิษย์ คงจะทิ้งตำนานบางอย่างไว้ข้างหลังแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นในใจรพีพงษ์ยังนับถือชื่นชมผู้คุ้มกันทั้งสี่คน ชัชพิสิฐกับผู้คุมกันอีกสามคน หลังจากที่ออกมาจากช่องทางขนส่ง ทั้งหมดมีอยู่ชีวิตอยู่ได้ไม่นานก็เสียชีวิตไปแล้ว ชัชพิสิฐอาศัยการยึดครองถึงรักษาชีวิตนี้ไว้ได้
แต่เขากลับมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ ก็เพียงพอที่จะเห็นความยิ่งใหญ่แข็งแกร่งของคนคนนี้
สิ่งนี้ทำให้รพีพงษ์มั่นใจขึ้นหลายเท่าว่าเขาสามารถถอนพิษในร่างกายของอารียาได้ เหตุผลที่เขาสามารถชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้ ต้องอาศัยทักษะทางการแพทย์ที่น่าทึ่ง และการถอนพิษสำหรับเขา น่าจะเรื่องที่ง่ายดายหนึ่งเรื่อง
ในเวลานี้คนที่นั่งอยู่ด้านหน้าของรพีพงษ์ เป็นคู่รักวัยกลางคนหลาย พวกเธอกำลังคุยกันเสียงดัง
“พวกเธอได้ยินมามั้ย ช่วงนี้ถนนเส้นนี้ของพวกเราไม่ปลอดภัย มักจะเจอกับการปล้นกลางทาง วันนั้นคนในหมู่บ้านใกล้เคียงพวกเราออกมาข้างนอก ก็โดนปล้น ว่ากันว่าเป็นกลุ่มผู้ชายสูงร่างใหญ่แข็งแรง ดูไปแล้วโหดเหมือนพวกผีห่าซาตานทั้งหลาย น่ากลัวจะตาย ”
“ไม่ใช่มั่ง เรื่องนี้ฉันก็ได้ยินมา ฉันยังคิดว่าพวกเขาล้อเล่น คาดไม่ถึงจะเป็นเรื่องจริง ”
“นั่นนะสิ ถนนเส้นนี้ของพวกเราห่างไกลมากขนาดนี้ มีภูเขาทั้งสองข้าง ต่อให้จะวิ่งมาปล้นกลางทาง ก็ไม่มีกล้องวงจรปิดอะไร ดังนั้นมีความกล้าหาญก็เริ่มทำเรื่องราวที่ไม่ดีแบบนี้”
“ฉันได้ยินมาว่าเป็นกลุ่มนักโทษที่หลบหนีมาจากต่างจังหวัด วิธีการโหดเหี้ยมมากพอสมควร แม้แต่คนก็กล้าฆ่า”
……
หลังจากที่คนในรถได้ยินพวกเธอคุยกัน ต่างก็หวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย และมองไปข้างนอกอย่างไม่หยุด เพราะกลัวว่าตัวเองจะโชคร้ายเจอกับการปล้นกลางทาง
เพราะสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ระบบรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ภูเขาค่อนข้างล้าหลัง
และการปล้นกลางทางแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก
คนที่นั่งข้างๆรพีพงษ์เป็นหญิงสาวอายุยี่สิบกว่าคนหนึ่ง แม้ว่าแต่งตัวจะไม่ได้ดูดีหรูหราเหมือนหญิงสาวในเมือง แต่ว่าหน้าตาสะสวยยังพอใช้ได้ อยู่ในหมู่บ้าน คงจะถือได้ว่าเป็นคนที่สวยมากที่สุดอย่างแน่นอน
หลังจากที่เธอได้ยินการสนทนาของทุกคน ก็ถูมืออย่างประหม่า และมองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง
ตั้งแต่ตอนที่รพีพงษ์ขึ้นรถมา หญิงสาวคนนี้ก็รู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่เหมือนกับคนอื่น
ตอนนี้ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ท่าทางของรพีพงษ์ดูสงบ และยังมีกะจิตกะใจหลับตาพักผ่อน ทำให้หญิงสาวสงสัยว่าเขาไม่กลัวจริงหรือว่าเสแสร้งออกมา
หลังจากนั้นไม่นาน ด้านหน้ารถยนต์ก็มีคนหลายคนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ในมือของคนหลายคนนั้นถือไม้หลายท่อนอยู่ และโยนไปที่กลางถนนทัน
เมื่อคนขับรถเห็นแบบนี้ ก็จอดรถแต่โดยดี ยังแอบด่าว่า: “แม่งเอ๊ย พวกปากเสีย เรียกคนพวกนี้มาจริงๆ”
เมื่อทุกคนเห็นว่ารถยนต์หยุดลงมา ก็ดูตื่นตระหนก พวกเขาก็สังเกตเห็นคนหลายคนนั้นที่ขว้างรถไว้ หลายคนเหล่านั้นสวมใส่หมวกโม่ง มองแวบเดียวก็ไม่เหมือนคนดี
“จบเห่จบเห่ คาดไม่ถึงว่าพวกเราจะโชคร้ายขนาดนี้ เจอกับการปล้นกลางทางจริงๆ แบบนี้จะทำยังไงดี ”
“จะทำยังไงได้ ทำได้เพียงเอาเงินบนตัวทั้งหมดให้พวกเขา ยังดีวันนี้ฉันออกมาข้างนอกไม่ได้พกเงินมามากมาย ตอนนี้ได้แต่ภาวนาว่าพวกเขาปล้นทรัพย์สินเท่านั้น ไม่ฆ่าคนก็ดีแล้ว”
“โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ฉันอ้าปากเสียอะไรกันแน่ ทำไมฉันพูดถึงเรื่องอะไร เรื่องนั้นก็มักจะเกิดขึ้น”
……
ในเวลานี้รพีพงษ์ลืมตาขึ้นมา เขาเพิ่งใช้พลังจิตตรวจสอบบริเวณรอบๆ คนเหล่านั้นมาทั้งหมดสิบเอ็ดคน แบ่งงานกันอย่างชัดเจน ดูท่าทางน่าจะกระทำผิดจนเป็นนิสัย
สำหรับคนปล้นกลางทางแบบนี้ รพีพงษ์ไม่ชอบเป็นธรรมดา แต่ว่าเขาไม่ได้ดำเนินการลงมือในทันที ตั้งใจดูสถานการณ์ไปก่อนค่อยว่ากัน
หลังจากที่รถจอดลง คนเหล่านั้นที่สวมใส่หมวกโม่งก็มาถึงหน้าประตูรถ ตะโกนเสียงดังให้คนขับรถเปิดประตู
ในมือพวกเขาทั้งหมดถือแท่งเหล็กอยู่ และของประเภทดาบ รวมทั้งร่างกายที่สูงใหญ่ ดูไปแล้วทำให้คนหวาดกลัว
คนขับรถไม่ได้เปิดประตูให้คนเหล่านี้ อยากจะดูว่ายังมีโอกาสหนีหรือไม่ แต่ว่าทั้งถนนด้านหน้าด้านหลังก็ถูกคนเหล่านี้ใช้ท่อนไม้ขวางไว้ บนท่อนไม้เหล่านั้นก็มีตะปูตอกอยู่ ถ้าหากขับไป ยางรถคงจะระเบิดอย่างแน่น
เมื่อคนกลุ่มนั้นเห็นว่าคนขับไม่เปิดประตู โดยที่ไม่พูดพร่ำเพลงเอาก้อนหินทุบไปที่กระจกรถ ทำให้ทุกคนตกใจ
เมื่อคนขับเห็นสิ่งนี้รู้ว่าคนเหล่านี้มีเรื่องด้วยไม่ได้ ดังนั้นจึงรีบเปิดประตูรถให้พวกเขา
ชายรูปร่างสูงใหญ่เหล่านั้น แต่ละคนโหดอย่างกับพวกผีห่าซาตานทั้งหลาย และค่อนข้างดุร้าย
“แม่ง ยังไม่เปิดประตูให้พวกเรา ทำไม แกอยากกินของฉันปู่แกสักแท่ง ใช่มั้ย? ”ชายคนหนึ่งที่ถือท่อนเหล็กเดินไปที่ตรงหน้าคนขับรถ แล้วยื่นมือไปตบหัวกบาลของเขา
“พี่ชายทุกท่าน ผมไม่ได้ตั้งใจ เมื่อกี้นี้ผมตกใจ ดังนั้นจึงไม่ได้เปิดประตู”คนขับรถรีบร้องขอความเมตตา
ชายรูปร่างสูงใหญ่หลายคนที่เหลือเอาอาวุธในมือของตัวเองชี้ไปทางทุกคนในรถ
“ทุกคน เอาสิ่งของที่มีค่าและไม่มีค่าในร่างกายออกมาให้ฉันทั้งหมด เดี๋ยวพวกเราจะทำการค้นตัว ถ้าพวกแกกล้าซ่อนของ รับรองว่าจะตีขาพวกแกให้หัก!”
หลังจากที่ทุกคนได้ยิน ต่างก็รีบหยิบของทุกอย่างในกระเป๋าของตัวเองออกมา
คนเหล่านั้นกำลังเก็บเงินทีละคน ลูกพี่ของพวกเขาก็ยืนอยู่ตรงทางเดิน และจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของทุกคน
ในขณะนี้ ลูกพี่คนนั้นสังเกตเห็นหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆรพีพงษ์ สีหน้าท่าทางที่ชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นในแววตา
เขาเดินตรงไปหาหญิงสาว และเอื้อมมือไปจับคางของเธอ
ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ร่างกายก็เริ่มสั่นเทาขึ้นมา
“สาวน้อย สวยจริงๆมากเลยนะ พี่ชายไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงครึ่งเดือนกว่าแล้ว วันนี้เจอเธอพอดี เดี๋ยวเธอตามฉันลงไป ให้พวกเราพี่น้องได้สนุกสนานเป็นอย่างดี”ลูกพี่พูดด้วยใบหน้าที่เยาะเย้ย
ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เอ่ยปากพูดว่า: “พี่ชาย ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ ฉันเอาเงินทั้งหมดบนตัวให้พี่”
“ฮ่าๆ มีเธอแล้ว กูยังต้องการเศษเงินอีกเหรอ เดี๋ยวเธอดูแลฉันให้ดีๆ ไม่แน่ฉันอาจจะตอบแทนเธอเป็นเงินมากกว่านี้ก็ได้ ”
ชายรูปร่างสูงใหญ่เหล่านั้นก็หัวเราะเยาะเย้ยตามทันที
“รีบลุกขึ้นมา ลงรถไปกับฉัน!”ลูกพี่คว้าแขนหญิงสาวไว้ และต้องการจะลากเธอลงไป
หญิงสาวพยายามอย่างเต็มที่ที่จะขัดขืน จับที่นั่งไว้ไม่ยอมปล่อย
“แม่งเมิง ไม่เชื่อฟังใช่มั้ย? ฉันว่าเธออยากโดนสั่งสอน!”
ลูกพี่ยกมือขึ้นมา จะตบหญิงสาวที่หนึ่งครั้ง
ในขณะนี้ มีมือข้างหนึ่งคว้าข้อมือของลูกพี่ไว้ และขวางเขาไว้
“ปล่อยเธอ”