พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1096 คลี่คลายไอพิฆาต
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1096 คลี่คลายไอพิฆาต
หลังจากที่นนทภูได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็นิ่งอึ้งไปทันที เอ่ยปากพูดว่า: “ตอนนี้พ่อเต็มไปด้วยไอพิฆาต ต่อให้แค่สัมผัส มีความเป็นไปได้ที่ไอพิฆาตเหล่านี้จะกัดกร่อนร่างกายของลูกไปตามมือของพ่อ ดังนั้นลูกอย่าได้แตะต้องพ่อแม้แต่น้อย”
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “พ่อ ความจริงหลังจากที่ผมออกจากเทือกเขากิสนา ความแข็งแกร่งของผมพัฒนาเพิ่มขึ้นมาก ไอพิฆาตสำหรับผม อาจจะไม่เท่าไหร่หรอก”
นนทภูส่ายหัว และพูดว่า: “ความสามารถของลูกไม่เลวจริงๆ แต่ว่าไอพิฆาตนี้ค่อนข้างแปลกประหลาด และไม่ได้ธรรมดาอย่างที่พวกเราคิด ต่อให้ลูกจะต่อสู้กับใครได้แข็งแกร่งแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อสู้กับไอพิฆาตได้”
รพีพงษ์เห็นว่านนทภูไม่เชื่อเขา ก็ปลดปล่อยพลังออกมาเล็กน้อย บนนิ้วกลายเป็นดาบเรืองแสง ต่อจากนั้นเขาก็ยิงไปที่เก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกล
ในพริบตาเดียว เก้าอี้ตัวนั้นภายใต้แสงดาบของรพีพงษ์ ก็กลายเป็นผง
นนทภูมองไปที่ฉากนี้อย่างเหลือเชื่อ เห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะสามารถทำสิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้ได้ ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้างจนกลมโต
เพียงแต่ภาพลักษณ์ตอนนี้ของเขาดูน่ากลัว ดังนั้นหลังจากที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต ก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นไปหลายเท่า
“นี่…..นี่มันทำได้อย่างไร?”นนทภูพึมพำกับตัวเอง
ที่ผ่านมา เขามักจะคิดว่าอย่างตัวเองและรพีพงษ์แบบนี้ สามารถต่อสู้กับยอดฝีมือสิบกว่าคนอย่างต่อเนื่องได้ ก็ถือได้ว่าเป็นขีดจำกัดที่มนุษย์สามารถบรรลุได้
แต่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า รพีพงษ์แค่นิ้วเดียวเบาๆ ก็ทำให้เก้าอี้ตัวนั้นเป็นผง สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะสามารถทำได้
ถ้ามันไม่ได้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา เขาคงจะคิดว่ามันเป็นเพียงเทคนิคพิเศษที่ใช้คอมพิวเตอร์ทำออกมา
รพีพงษ์ยิ้มให้นนทภูแล้วพูดว่า: “สิ่งนี้เรียกว่าพลังวิเศษเสน เป็นพลังที่ฝึกฝนออกมาจากร่างกาย เมื่อบรรลุถึงระดับหนึ่ง ก็สามารถปลดปล่อยพลังแบบนี้ออกมา โจมตีผู้อื่น”
เห็นได้ชัดว่าเป็นครั้งแรกที่นนทภูได้สัมผัสกับเรื่องแบบนี้ ในแววตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และหวังว่ารพีพงษ์จะสามารถเล่าให้เขาได้มากกว่านี้
รพีพงษ์ไม่รีบร้อน และเริ่มเล่าการพัฒนาศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนให้นนทภูฟัง และการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนให้ถึงขีดสุด จะเป็นสถานะแบบไหนกันแน่
หลังจากที่นนทภูฟังจบใบหน้าก็เผยถึงความทอดถอนใจ เอ่ยปากพูดว่า: “คาดไม่ถึงว่าศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนจะลึกลับมหัศจรรย์ขนาดนี้ ฝึกฝนจนถึงสิ้นสุด สามารถปลดปล่อยพลังออกมาภายนอกได้ และดีดนิ้วฆ่าคน ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นกบในกะลาจริงๆ เมื่อก่อนคิดมาโดยตลอด หลังจากที่มนุษย์บรรลุถึงขีดจำกัดของร่างกาย ก็ไม่สามารถที่จะก้าวหน้าต่อไปได้อีก ”
รพีพงษ์ยิ้มโดยไม่พูดอะไร เขาไม่ได้บอกกับนนทภูว่าความจริงศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนนั้นเป็นเพียงพื้นฐานที่สุด ตอนนั้นบนโลกยังมีเซียนเดินอยู่บนโลก
ตอนนี้พูดมากมายขนาดนี้กับนนทภูก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่แน่พูดมากไปแล้ว กลับกลายเป็นก่อเกิดให้ผลเสียบางอย่าง ดังนั้นตอนนี้รพีพงษ์เพียงต้องการให้เขารู้ว่าศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนลึกลับมหัศจรรย์มากกว่าที่เขาคิดก็เพียงพอแล้ว
“ดังนั้นผมรู้สึกว่าพลังเหล่านี้ของผม คือมีความเป็นไปได้ที่จะคลี่คลายไอพิฆาตในร่างกายของพ่อได้ ต่อให้คลี่คลายไม่ได้ ผมก็เชื่อว่าจะไม่ทำให้ไอพิฆาตในร่างกายของพ่อกัดกร่อนผมได้”รพีพงษ์เอ่ยปากพูดกับนนทภู
นนทภูลังเลอยู่พักหนึ่ง และในที่สุดก็กัดฟัน แล้วพูดว่า: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นพ่อก็จะให้ลูกลองดู เกิดพลังของลูกไม่สามารถคลี่คลายได้ ต้องหยุดลงมาในทันที พ่อไม่ต้องการพวกเราสองพ่อลูกติดอยู่ที่นี่”
“พ่อวางใจได้ ผมรู้สิ่งที่ทำอยู่”รพีพงษ์พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
หลังจากนั้นนนทภูก็ได้เอามือของตัวเองออกไป ยื่นให้ตรงหน้ารพีพงษ์
รพีพงษ์ก็ไม่ลังเล จับมือนนทภูทันที จากนั้นปลดปล่อยพลังวิเศษเสนในร่างกายของตัวเองออกมา ไปตามจุดฝังเข็มบนฝ่ามือของนนทภู เข้าสู่เส้นลมปราณของเขาโดยตรง
เมื่อเพิ่งสัมผัสมือข้างนั้นของนนทภู รพีพงษ์ก็รู้สึกได้ถึงพลังโจมตีที่พยายามจะผลักพลังที่เขาปลดปล่อยออกมาให้กลับไป คิดว่าน่าจะเป็นพลังของไอพิฆาตนั้น
รพีพงษ์ควบคุมพลังของตัวเองโดยตรงเพื่อต่อสู้กับพลังนั้นในร่างกายของนนทภูขึ้นมา
ระดับความรบเร้าของไอพิฆาตนี้อยู่เหนือจินตนาการของรพีพงษ์ แต่พลังวิเศษเสนในร่างกายของรพีพงษ์นั้นเนื่องจากเป็นพลังที่คนของทวีปโอชวินปรารถนาอย่างยิ่ง ดังนั้นระดับพลังแข็งแกร่งกว่า พลังแค่นี้ของไอพิฆาตไม่มีทางที่จะเทียบกับพลังวิเศษเสนได้
ต่อให้ไอพิฆาตนี้จะรบเร้าอย่างไร้ที่สิ้นสุด แต่สุดท้ายมันยังคงถูกพลังวิเศษเผาผลาญไปทีละนิด
นนทภูไม่รู้ว่ารพีพงษ์กำลังประสบกับความรู้สึกแบบไหนกันแน่ เขาเพียงรู้สึกว่าบนฝ่ามือของรพีพงษ์ส่งความรู้สึกอุณหภูมิร้อนมา และไอพิฆาตในร่างกายเหล่านั้นของตัวเองก็กลายเป็นปั่นป่วนมากเพราะเหตุนี้
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในช่วงอดทน ดังนั้นจึงต้องอดทนอยู่ตลอดเวลา รอให้รพีพงษ์ช่วยเขาคลี่คลายไอพิฆาตในร่างกายของเขา
ไอพิฆาตเหล่านั้นแพร่กระจายอยู่ไปทั่วเส้นลมปราณทั้งร่างของนนทภู รพีพงษ์ต้องการช่วยนนทภูคลี่คลายไอพิฆาตเหล่านั้นทั้งหมด เป็นระดับงานที่ค่อนข้างใหญ่มหาศาล
ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องควบคุมพลังของตัวเอง เส้นลมปราณของร่างกายมนุษย์ค่อนข้างบอบบาง แค่ไม่ระวัง ก็อาจจะทำลายเส้นลมปราณของนนทภูได้ทันที
ทั้งสองคนก็นั่งอยู่ในห้องหนังสือแบบนี้ รักษาลักษณะท่าทางนี้ ไปจนถึงดึกดื่น
ในเวลานี้ร่างกายของรพีพงษ์เต็มไปด้วยเหงื่อแล้ว และเสื้อผ้าก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ สภาพของนนทภูก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขา ที่สำคัญไอพิฆาตอยู่ในร่างกายของเขาในสภาพที่ปั่นป่วน สิ่งนี้ทำให้เขาต้องทนกับความเจ็บปวดอย่างมาก
อย่างไรก็ตามในตอนนี้เส้นเลือดสีดำบนใบหน้าของนนทภูได้หายไปเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ และคนทั้งคนก็ดูปกติมากขึ้น ดูเหมือนว่าความพยายามมาตลอดทั้งวันนี้ของรพีพงษ์ ยังคงมีประสิทธิผลมาก
ในที่สุด รพีพงษ์ก็อาศัยพลังของตัวเอง คลี่คลายร่องรอยสุดท้ายของไอพิฆาตในร่างกายของนนทภูได้ ต่อจากนั้นรีบเก็บพลังของตัวเองคืนสู่ในร่างกายอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ถอนหายใจยาวๆ
นนทภูรู้สึกได้ถึงความรู้สึกของร่างกายตัวเองกลับคืนสู่ในสภาพปกติ เหมือนราวว่ากับได้รับชีวิตใหม่ ทั้งร่างกายก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นกว่าเดิมมาก
ใบหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติ ไม่ได้มีสภาพที่เต็มไปด้วยไอพิฆาตอย่างที่ผ่านอีกต่อไป และบุคลิกที่สง่างามแบบเมื่อก่อนนี้ก็กลับมาสู่บนร่างกายของเขาอีกครั้ง
รพีพงษ์มองดูพ่อของตัวเองที่ในเวลานี้กลับมาเป็นปกติแล้ว และรอยยิ้มที่มีความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
เขาในเวลานี้เหนื่อยสายตัวแทบขาด เกือบแทบจะทรุด
คลี่คลายไอพิฆาตไม่ใช่เรื่องยาก ความยากก็ยากตรงที่รพีพงษ์จำเป็นต้องรวบรวมสมาธิ ไม่สามารถทำร้ายเส้นลมปราณของนนทภูได้ ดังนั้นจึงต้องใช้เวลานานมากขนาดนี้ ถึงจะคลี่คลายไอพิฆาตในร่างกายของนนทภูให้หมดไป
“คาดไม่ถึงว่าไอพิฆาตเหล่านี้จะมีวันหนึ่งที่จะหายไปจากในร่างกายของฉันได้ ก่อนหน้านั้น พ่อได้เตรียมใจที่จะตายแล้ว รพีพงษ์ ขอบคุณลูก ครั้งนี้ถ้าไม่มีลูก พ่อก็จะถูกไอพิฆาตเหล่านี้กัดกร่อนและตายไม่ช้าก็เร็ว”นนทภูพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย เพื่อให้คลี่คลายวิกฤตอันตรายให้พ่อของตัวเอง เป็นสิ่งที่ลูกชายอย่างเขาควรทำเป็นธรรมดา
ก็จนถึงเวลานี้ เขาถึงได้ถามความสงสัยในใจของตัวเองออกมาอีกครั้ง
“พ่อ พ่อเคยคิดบ้างมั้ย ทำไมตำแหน่งที่ตั้งเกาะ??นี้ มีประสิทธิผลในการปราบไอพิฆาตในร่างกายของพ่อ?”