พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1108 เงื่อนไขสองข้อ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1108 เงื่อนไขสองข้อ
ในเวลานี้รพีพงษ์ยังคงตกตะลึงกับจอมมารชูราอยู่ คาดไม่ถึงว่าเมื่อบวรทัตได้ยินตัวเองพูดว่าคนของทวีปโอชวินยังจะบุกรุกโลก ก็ได้ถือว่าตัวเองเป็นผู้สืบทอดทันที
เมื่อบวรทัตเห็นรพีพงษ์ลังเล เอ่ยปากถามว่า: “ทำไมเหรอ? นายไม่เต็มใจเป็นผู้สืบทอดของฉันเหรอ?”
รพีพงษ์ดึงสติกลับมาได้ รีบพูดอย่างรวดเร็ว: “เต็มใจ เต็มใจ เพียงแต่ว่าผู้อาวุโสบอกกะทันหันเกินไป ผมดึงสติกลับมาไม่ทัน”
บวรทัตยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “นายเต็มใจก็ดีแล้ว ถ้าหากพลาดโอกาสในครั้งนี้ไป ชีวิตนี้ของนาย ก็ไม่มีทางที่จะเจอกับเรื่องดีๆแบบนี้อีก”
รพีพงษ์พยักหน้าอย่างจริงจัง รู้สึกว่าบวรทัตพูดถูก เรื่องแบบนี้ ถ้าหากพลาดไปจริงๆ ถ้าอย่างนั้นชาตินี้ก็ไม่มีทางที่จะเจอกับเรื่องดีๆอีก
“แต่ว่าก่อนที่ฉันจะดำเนินการให้นายให้สืบทอด ฉันจำเป็นต้องให้นายรับปากเงื่อนไขสองข้อกับฉันก่อน”บวรทัตพูดต่อ
“ท่านผู้อาวุโสได้โปรดพูดมาเถอะ”รพีพงษ์เอ่ยปากพูด
“เงื่อนไขข้อแรก ฉันหวังว่าหลังจากที่นายยอมรับการสืบทอดของฉันแล้ว ทุกคนของทวีปโอชวินที่แอบเข้ามาในโลก ฆ่าทิ้งทั้งหมด พวกเขาต่างก็เป็นกลุ่มคนที่เห็นแก่ตัว ปีนั้นพวกเขายึดครองทรัพยากรที่ฝึกฝนทั้งหมด ตั้งใจจะครองทั้งโลกด้วยสิ่งนี้ ต่อมาถูกฉันฆ่าจนหนีไปที่ทวีปโอชวิน นี่เป็นผลกรรมของพวกเขา”
“ตอนนี้บนโลกได้พัฒนาไปสู่สภาพที่ค่อนข้างมั่นคงที่ การมาถึงของคนในทวีปโอชวิน จะทำลายความมั่นคงนี้ นายยอมรับการสืบทอดของฉันแล้ว ก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบนี้ไว้เป็นธรรมดา”
บวรทัตจ้องมองไปที่รพีพงษ์แล้วเอ่ยปากพูด
รพีพงษ์พยักหน้าเล็กน้อย เขารู้ดีว่ายิ่งความสามารถมากเท่าไหร่ความรับผิดชอบก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้นเป็นธรรมดา ที่สำคัญเดิมทีเขาก็จะต่อต้านผู้คนที่มาจากทวีปโอชวิน ถือเป็นหน้าที่ของตัวเอง
“ผู้อาวุโสวางใจได้ ผู้คนของทวีปโอชวินมีพฤติกรรมแบบไหนผมรับรู้แล้ว ผมก็ไม่มีทางอนุญาตให้พวกเขาวิ่งมาก่อกวนที่บนโลกตามอำเภอใจ”รพีพงษ์พูดอย่างหนักแน่จริงจัง
บวรทัตพยักหน้า จากนั้นเอ่ยปากพูดว่า: “สำหรับเงื่อนไขข้อที่สองของฉัน มันเป็นบุญคุณความคับแค้นส่วนตัวของฉัน ฉันหวังว่าในอนาคตตอนที่นายแข็งแกร่งเพียงพอ ช่วยฉันฆ่าคนคนหนึ่ง”
รูม่านตาของรพีพงษ์หดลงเล็กน้อย คิดในใจคนที่จอมมารชูราต้องการจะฆ่า คงจะค่อนข้างที่แข็งแกร่งมาก อย่างน้อยก็เป็นคนที่อยู่ในระดับเดียวกันกับจอมมารชูรา ด้วยความแข็งแกร่งแค่นี้ของเขาไม่เพียงพอที่จะมองคนอื่นเขาอย่างแน่นอน
ดูเหมือนว่าจะมองความกังวลของรพีพงษ์ออก บวรทัตยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “นายไม่ต้องกังวล นี่ก็เป็นเพียงแค่ความหวังอย่างหนึ่งของฉันเท่านั้นเอง ถ้าหากมีโอกาส นายสามารถฆ่าเขาได้ นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเป็นธรรมดา แต่ถ้าหากไม่มีโอกาส ก็ช่างมันเถอะ นายก็ไม่จำเป็นต้องถือว่าเรื่องนี้เป็นภาระรับผิดชอบของตัวเอง”
“แม้ว่าความสามารถและจิตใจของนายจะดี แต่ว่าต้องการที่จะเติบโตถึงจุดที่สามารถฆ่าคนคนนั้นได้ ยังค่อนข้างมีความยากลำบากอยู่บ้าง ฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่านายจะช่วยฉันทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ”
เมื่อได้ยินบวรทัตพูดแบบนี้ รพีพงษ์คาดเดาได้คนที่เขาจะให้ตัวเองฆ่า ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง แต่ในเมื่อตัวเองจะยอมรับการสืบทอดของคนอื่นเขา ก็ต้องแสดงท่าทีออกมาบ้างเป็นธรรมดา
“ท่านผู้อาวุโสวางใจได้ ตราบใดที่ผมมีโอกาส ก็จะช่วยท่านผู้อาวุโสทำเรื่องนี้ให้สำเร็จอย่างแน่นอน”รพีพงษ์เอ่ยพูดอย่างจริงจัง
บวรทัตยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “หวังว่านายจะโอกาสนี้นะ”
“สำหรับข้อมูลของคนคนนี้ ฉันจะถ่ายทอดไปยังในความทรงจำของนายพร้อมกับการสืบทอด ก่อนที่ความแข็งแกร่งของนายจะไปถึงในระดับหนึ่ง นายก็จะไม่ได้สัมผัสเกี่ยวกับข้อมูลของคนคนนี้ เพราะถ้ารู้ก่อน ไม่มีอะไรดีสำหรับนาย”
“มีเพียงเมื่อความแข็งแกร่งของนายบรรลุถึงระดับที่สามารถต่อสู้กับคนคนนี้ได้อย่างแท้จริง ความทรงจำเหล่านี้ก็จะปรากฏขึ้นมาในหัวสมองของนาย ดังนั้นนายสามารถที่จะลืมเรื่องนี้ไปได้ชั่วคราวก่อน”
รพีพงษ์พยักหน้า ในขณะเดียวกันก็รู้สึกมหัศจรรย์กับวิธีการของบวรทัต คาดไม่ถึงเขายังสามารถทำให้ความทรงจำของคนเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ได้
แต่เมื่อนึกถึงว่าบวรทัตก็คือจอมารชูราคนนั้น ที่เมื่อห้าพันปีก่อนทำให้พวกเซียนหนีหัวซุกหัวซุน เขาก็คิดว่าไม่มีอะไรที่น่าแปลกใจ
“ก่อนหน้าที่ฉันจะดำเนินการสืบทอดให้นาย นายยังมีอะไรอยากถามมั้ย? วิญญาณดวงนี้เหลือที่ของฉัน เพียงพอที่จะดำเนินการสืบทอดให้นายได้ครั้งเดียว หลังจากสิ้นสุดการสืบทอด ฉันน่าจะหายไปจากระหว่างฟ้าและดินโดยสมบูรณ์”บวรทัตยิ้มแล้วเอ่ยปากพูด ท่าทางตอนที่พูด ค่อนข้างสบายๆ เหมือนราวกับว่ายอมรับการเกิดและตายได้มานานแล้ว
แม้ว่าในใจรพีพงษ์จะรู้สึกทอดถอนใจ แต่รู้ว่านี่เป็นโอกาสที่ยากมากขึ้นสำหรับการขอคำชี้แนะจากปรมาจารย์โบราณ ดังนั้นรีบเอ่ยปากถามอย่างรวดเร็วว่า: “ไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโสมีวิธีถอนพิษของยาพันพิษมั้ย?”
หลังจากที่บวรทัตได้ยินบนใบหน้าก็เผยให้เห็นถึงความละอายใจเล็กน้อย แล้วพูดว่า:“ตอนที่ฉันยังมีชีวิตได้ตะลุยไปทั่วอาณาเขตปกครองมามากมาย แต่สำหรับการกลั่นยาเพียงอย่างเดียวที่ไม่มีความรู้เลยแม้แต่น้อย รวมทั้งสมรรถภาพทางกายของฉันก็พิเศษ พิษอะไรเข้ามาในร่างกายก็ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นเรื่องของยาถอนพิษ ฉันยังเทียบกับนายไม่ได้”
รพีพงษ์รู้สึกผิดหวังทันที คาดไม่ถึงแม้แต่จอมมารชูรายังไม่รู้ว่าจะถอนพิษของยาพันพิษได้อย่างไร ในเวลาเดียวกันเขาก็เกิดความอิจฉาต่อจอมมารชูราเล็กน้อย ไม่รู้ว่าตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่สมรรถภาพทางกายเป็นแบบไหน สามารถทำได้ถึงขั้นที่พิษอะไรเข้าไปในร่างกายก็ทำอะไรไม่ได้
โดยไม่ได้ลังเลมากเกินไป เดิมทีรพีพงษ์ไม่ได้คาดหวังว่าจะหาวิธีถอนยาพิษได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ ดังนั้นเขารีบหยิบแผนที่แผ่นนั้นในกระเป๋าของตัวเองออกมา และส่งให้ตรงหน้าบวรทัต
“ท่านผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าสามารถบอกได้มั้ย ตำแหน่งหลายแห่งบนแผนที่ที่มีสัญญาลักษณ์ ใช่แดนลับในตำนานหรือเปล่า?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม
บวรทัตจ้องมองแผนที่แผ่นนั้นแวบหนึ่ง ยิ้มขึ้นมา และพูดว่า: “คาดไม่ถึงว่าจะมีคนสามารถนำแดนลับบนโลกมาสร้างไว้ที่แผนที่แผ่นนี้ได้ ก็ถือได้ว่าเป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง เพียงแต่ว่าบนแผนที่นี้ของเขามีข้อผิดพลาดมากมาย ฉันก็จะช่วยนายปรับเปลี่ยนเล็กน้อย”
หลังจากพูดจบ บวรทัตสะบัดมือ เกิดเป็นแสงแวบขึ้นมา รูปแบบบนแผนที่ก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง ในพริบตาเดียว แผนที่แผ่นนี้ก็กลายเป็นแบบจำลอง และมีรายละเอียดแม่นยำมากกว่าเดิมมาก
ในใจรพีพงษ์มีความสุขเป็นอย่างมาก มีแผนที่ที่จอมมารชูราแก้ไขให้ ถ้าอย่างนั้นเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะหาแดนลับไม่เจอว่าอยู่ที่ใด
หลังจากที่นำแผนที่แก้ไขแผนที่กลับมาแล้ว รพีพงษ์นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองได้รับหยกสีแดงเลือดจากในสุสานของชัชพิสิฐมาชิ้นหนึ่ง ไม่รู้ที่มามาโดยตลอด
จอมมารชูรามีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวาง ไม่แน่อาจจะรู้ที่มาของหยกแดงเลือด
ดังนั้นเขาก็หาหยกชิ้นนั้นออกมา จากนั้นยื่นไปตรงหน้าจอมมารชูรา เอ่ยปากถามว่า: “ท่านผู้อาวุโส ท่านพอจะทราบ ที่มาของหยกชิ้นนี้มั้ย?”
บวรทัตมองไปที่หยกในมือของรพีพงษ์ รูม่านตาหดตัวลงอย่างกะทันหัน คนทั้งคนก็กลายเป็นตื่นเต้น เอ่ยปากถามว่า: “นายหาหยกชิ้นนี้พบที่ไหน?”
รพีพงษ์คาดไม่ถึงว่าบวรทัตจะมีปฏิกิริยามากขนาดนี้ ก็ตกใจ เขาไม่กล้าที่จะปิดบัง จึงเล่าเรื่องราวของชัชพิสิฐให้บวรทัตฟัง
หลังจากที่บวรทัตรู้ว่าตัวเองยังมีกังฟูเสนอยู่ในร่างกาย รอยยิ้มที่กระตือรือร้นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นมติสวรรค์จริงๆ ไม่น่าแปลกที่นายสามารถผ่านการทดสอบช่องทางเดินเกิดใหม่มาได้ ฉันยังคงสงสัยว่านายตื่นมาจากในการเกิดใหม่ได้อย่างไร เมื่อเห็นหยกชิ้นนี้ ฉันก็เข้าใจแล้ว”
“เป็นมติสวรรค์จริงๆ นายก็มีกังฟูเสนอยู่ในร่างกาย ถ้าหากได้รับการสืบทอดจากฉัน วันหนึ่งในอนาคต บางทีนายอาจจะช่วยฉันฆ่าคนคนนั้นได้จริงๆ”
รพีพงษ์รู้สึกมึนงง รีบเอ่ยปากถามว่า:“ท่านผู้อาวุโส ตกลงว่าหยกชิ้นนี้ที่มาคืออะไรกันแน่? ทำไมถึงทำให้ท่านตื่นเต้นได้มากขนาดนี้?”
บวรทัตยิ้มแล้วมองไปที่เขาแวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า: “ที่มาของหยกชิ้นนี้นายจำเป็นต้องไปทำความเข้าใจเอง ฉันทำได้แค่เตือนนาย หยกชิ้นนี้จะต้องไม่ตกไปอยู่ในมือของใครอื่นนอกจากนาย ไม่อย่างนั้นไม่เพียงแต่นายเท่านั้นที่จะมีหายนะที่อยู่บนตัว โลกใบนี้อาจถูกทำลาย!”