พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1118 เมืองภูเขาขาว
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1118 เมืองภูเขาขาว
จังหวัดเมฆา เมืองภูเขาขาว ในโรงแห่งหนึ่ง
ในเวลานี้รพีพงษ์กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง รวบรวมสมาธิ หยกรวมทิพย์วางอยู่ตรงหน้าของเขา ปราณทิพย์ข้างในหลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย และเข้าสู่ในร่างกายของรพีพงษ์
ในเวลาชยนต์และตมิสาทั้งสองคนกำลังจ้องมองรถราที่วิ่งกันขวักไขว่ที่นอกต่างด้วยใบหน้าที่เต็มไปความอยากรู้อยากเห็น
พวกเขาอยู่ใต้ดินมาห้าพันปีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้โลกพัฒนาไปถึงไหนกันแล้ว ดังนั้นหลังจากที่ได้เห็นตึกสูง และรถยนต์สี่ล้อ ก็แสดงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจออกมา
พวกเขาคาดไม่ถึงว่าโลกที่ปราณทิพย์แห้งเหือดขาดหายไปจะพัฒนากลายเป็นแบบนี้ ตอนนี้ทั่วโลกกำลังยกย่องสิ่งที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และทุกอย่างบนโลกใบนี้ ก็อาศัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นมา
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้อยู่ในสายตาของพวกเขายังสู้กลยุทธ์วิชาเวทย์ต่างๆที่ในปีนั้นเต็มไปด้วยปราณทิพย์ไม่ได้ แต่ก็เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้
และในเวลานี้รพีพงษ์กำลังฝึกฝนร่างเทพชูรา เขาทำตามในกลยุทธ์ร่างเทพชูราที่บรรยายไว้ หมุนเวียนพลังในร่างกายของตัวเอง ทำให้พลังเหล่านี้ดำเนินการฝึกฝนกับร่างกายของตัวเอง
ในเวลาเดียวกันเขาก็ดูดซับปราณทิพย์มาจากในหยกรวมทิพย์ มาชดเชยพลังในร่างกายของตัวเอง เพื่อสร้างความสมดุล
จำเป็นต้องบอกว่าอาศัยปราณทิพย์มาฝึกฝน ความเร็วนั้นรวดเร็วกว่าการกระตุ้นศักยภาพในร่างกายของตัวเองมาก หลังจากที่รพีพงษ์รู้สึกถึงความมหัศจรรย์ของปราณทิพย์ ในใจก็เข้าใจสักทีว่าทำไมอาศัยปราณทิพย์ ผู้ฝึกฝนสามารถทำให้ความแข็งแกร่งของตัวเองทรงพลังจนไร้ที่เปรียบเทียบได้
เพียงแค่อาศัยพลังแค่นั้นกระตุ้นการฝึกฝนของร่างกายตัวเองออกมา อยู่ตรงหน้าปราณทิพย์ที่ขนาดใหญ่ ไม่เพียงพอที่จะมอง
ในเวลานี้บนแขนของรพีพงษ์ มีลวดลายรูปดาวจางๆปรากฏออกมา และมีแสงจางๆปรากฏขึ้นบนลวดลายนี้ ถ้าหากมองดูดีๆ จะพบว่ามุมหนึ่งของดวงดาวนี้ถูกจุดให้สว่าง
นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ารพีพงษ์เข้าสู่การฝึกฝนร่างเทพชูรา หลังจากที่ทั้งห้ามุมของดวงดาวนี้ถูกจุดให้สว่างขึ้น รพีพงษ์ก็ถือได้ว่าฝึกฝนเป็นระดับแรกของร่างเทพชูราแล้ว
ถึงเวลานั้น เขาก็จะมีร่างเทพชูราหนึ่งดาว ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ปลดปล่อยพลังใดๆ รพีพงษ์คาดว่าร่างเทพชูราหนึ่งดาวจะสามารถฝืนต้านทานพลังอานุภาพของปืนซุ่มยิงดรากูนอฟได้
ต่อให้ตอนนี้ความแข็งแกร่งของรพีพงษ์จะเป็นแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว เขาก็รับประกันได้ว่าตัวเองสามารถที่จะต้านทานพลังอานุภาพของปืนพกหรือปืนกลมือได้ และปืนซุ่มยิงดรากูนอฟตัวของเขาเองก็ไม่แน่ใจ
แต่ว่ามีร่างเทพชูราหนึ่งดาวแล้ว ต่อให้เขาไม่ทำอะไร เขาก็มีความมั่นใจว่าสามารถต้านทานลูกกระสุนของปืนซุ่มยิงดรากูนอฟได้
เพียงพอที่จะเห็นความแข็งแกร่งของร่างเทพชูรานี้แล้ว
รพีพงษ์รู้สึกว่าตัวเองฝึกฝนร่างเทพชูราถึงชั้นสูง ต่อให้ยืนให้คนอื่นทุบตีอยู่ที่นั่น คนอื่นเขาก็ไม่อาจจะสู้เขาได้
และเหตุผลที่เขาปรากฏตัวที่จังหวัดเมฆาในตอนนี้ ก็เพื่อตามหาแดนลับเป็นธรรมดา
หลังจากที่เขาจัดการกับปวัตรและปวิชทั้งสองคนที่เทือกเขากิสนาแล้ว ได้พักฟื้นที่เทือกเขากิสนาสองวัน จากนั้นก็บอกลานนทภู และเริ่มต้นการเดินเพื่อตามหาแดนลับ
แม้ว่ายาพันพิษจะออกฤทธิ์ได้ช้ามาก แต่ว่านอนหมดสติแต่ละวัน รพีพงษ์ก็ทุกข์ใจ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องรีบค้นหาเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นออกมา
ดังนั้นหลังจากที่กำชับเรื่องราวบางอย่างกับนนทภูไปแล้ว เขาก็มาถึงจังหวัดเมฆา
หลังจากที่แผนที่เกี่ยวกับแดนลับถูกบวรทัตแก้ไขแล้ว ตำแหน่งของด้านบนไม่เพียงมีความแม่นยำขึ้นเท่านั้น ที่สำคัญบวรทัตยังทำเครื่องหมายระดับอันตรายของแดนลับเหล่านี้ออกมาด้วย
รพีพงษ์ดูแดนลับไปหลายแห่ง พบว่าด้วยความแข็งแกร่งตอนนี้ของเขา กลับมีแดนลับหนึ่งแห่งที่สามารถเข้าไปได้
แดนลับแห่งหนึ่งที่เรียบง่ายที่สุดของด้านบน ก็ต้องการความแข็งแกร่งของอาถรรพ์ที่ต่ำที่สุด จึงจะมีโอกาสรอดสามสิบเปอร์เซ็นต์
อาถรรพ์ที่ ก็คือแดนเทพ
ในเวลานี้รพีพงษ์มีเพียงแดนดั่งเทพชั้นยอด ระยะห่างจากแดนเทพยังคงมีหนึ่งก้าว ดังนั้นแดนลับแห่งนั้นก็ไปไม่ได้เป็นธรรมดา
แต่หลังจากที่ได้รับการสืบทอดจากบวรทัต รพีพงษ์คาดว่าหากตัวเองเอาไม้ตายทั้งหมดของตัวเองออกมา ต้องการฆ่าแดนเทพ ไม่ใช่เรื่องยากมากนัก
ที่สำคัญมีความช่วยเหลือของหยกรวมทิพย์ เขารู้สึกว่าระยะห่างที่จะตัวเองก้าวหน้าไปแดนเทพไม่ไกลแล้ว
ดังนั้นเขาจึงออกเดินทางมาถึงสถานที่ที่แดนลับที่เรียบง่ายที่สุดในใจของบวรทัตอยู่ ก็คือสถานที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้
เขาตั้งใจจะทำความเข้าใจกับสถานที่แห่งนี้ก่อน ถ้าหากมีโอกาส ก็ต้องไขว่คว้าเอาไว้เป็นธรรมดา
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ ก็คือพัฒนาเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง เนื่องจากแม้ว่าแดนลับแห่งนี้ในจังหวัดเมฆาจะเป็นแดนลับที่เรียบง่ายที่สุดในนั้นของบนแผนที่ แต่ต่อให้จะเป็นแบบนั้น เข้าสู่แดนเทพ ก็มีโอกาสรอดชีวิตเพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์
ก่อนหน้าที่เขาจะเข้าสู่ จำเป็นต้องเพิ่มความยิ่งใหญ่ไม้ตายในมือของตัวเอง มีเพียงแบบนี้ ถึงจะสามารถมีชีวิตรอดออกมาจากแดนลับ
เมืองภูเขาขาวเป็นเมืองหัวมุมแห่งหนึ่งของจังหวัดเมฆา ที่นี่มีชนกลุ่มน้อยมากมาย แม้ว่ายังคงรักษาประเพณีโบราณไว้บ้าง แต่ว่าพัฒนาตามภูมิลำเนาเกิด ที่นี่ก็ยังพัฒนาเป็นเมืองที่ทันสมัย สิ่งที่ควรมีก็มีอยู่ไม่น้อย
ตามตำแหน่งที่ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่ แดนลับนั้น ก็อยู่ในเขตเมืองของเมืองภูเขาขาว
สำหรับรายละเอียดตำแหน่งที่อยู่ของแดนลับนี้อยู่ที่ไหน รพีพงษ์จะเข้าไปได้อย่างไร ตอนนี้ยังไม่รู้เลย สิ่งนี้เขาต้องค่อยๆตามหาเบาะแส
หลังจากนั้นไม่นาน รพีพงษ์ฝึกฝนเสร็จสิ้น ดวงดาวห้าแฉกของบนแขนก็ค่อยๆหายไป เขาก็ลืมตาขึ้นมา และลงจากบนเตียง
เขาเหลือบมองไปที่ชยนต์และตมิสาทั้งสองคนที่กำลังจ้องมองไปที่ถนนด้านนอกหน้าต่างแวบหนึ่ง บนใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้ม และเอ่ยปากพูดว่า: “ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะพาพวกเธอสองคนไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้างสรรพสินค้า สวมใส่เสื้อผ้าบนร่างกายของพวกเธอออกไปอีก ไม่แน่อาจจะถูกคนอื่นมองว่าเป็นการถ่ายทำภาพยนตร์”
หลังจากที่ตมิสาได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ บนใบหน้าก็แสดงท่าทางที่ตื่นเต้นออกมา
เดิมทีเธอคิดว่าเสื้อผ้าบนเรือนร่างของตัวเองสวยมากอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยน แต่ตามรพีพงษ์ออกมา หลังจากที่เห็นเสื้อผ้าบนร่างกายของสาวสวยเหล่านั้น เธอก็ใจเต้นทันที และรอให้รพีพงษ์พาเธอไปซื้อเสื้อผ้าอยู่ตลอด
ชยนต์ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้มากนัก เนื่องจากเพียงแค่มีใส่ ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
“เจ้านาย ฉันจะซื้อเสื้อผ้าสวยๆมากมาย แต่ว่าฉันไม่มีเงินที่ท่านพูดถึง แบบนี้ควรจะทำอย่างไรดี?”ตมิสาเอ่ยปากถาม
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “เธอไม่มีแต่ฉันมี ของสิ่งอื่นบนตัวของฉันมีไม่มาก แต่มีเงินมาก เธออยากซื้อเท่าไหร่ก็ซื้อ”
ตมิสากรีดร้องอย่างตื่นเต้น จากนั้นวิ่งไปตรงหน้ารพีพงษ์ กอดเขาไว้ และจูบไปที่ใบหน้าของเขา
“เจ้านาย ท่านดีที่สุด คืนนี้ตมิสาจะคอยปรนนิบัติการหลับนอนให้กับเจ้านายเป็นอย่างดี”
ใบหน้าของรพีพงษ์เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน เอ่ยปากพูดว่า: “นับตั้งแต่นี้ไปไม่ว่าจะดีใจมากแค่ไหน ห้ามวิ่งเข้ามาจูบฉัน ที่สำคัญฉันนอนตอนกลางคืนไม่ต้องการปรนนิบัติ ได้ยินมั้ย?”
ตมิสาเหมือนราวกับได้รับความลำบากใจเป็นอย่างมาก พูดกับรพีพงษ์ด้วยน้ำเสียงที่หวานไพเราะว่า: “เจ้านาย ตมิสารู้ตัวว่าผิดแล้ว ต่อไปนี้ตมิสาจะไม่ทำแบบนี้อีก”
รพีพงษ์มองไปที่เธออย่างช่วยไม่ได้ คิดในใจมีโอกาสจะต้องจัดการตมิสาอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเวลาผ่านไปนาน ไม่แน่อา0จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ได้