พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1133 การรู้คือความผิดอย่างหนึ่ง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1133 การรู้คือความผิดอย่างหนึ่ง
“นี่..นี่หายแล้วเหรอ ดูจากอาการเหมือนจะรักษาหายแล้วนะ”
“สุดยอดไปเลย โรคที่หมอเทวดาชิตไม่สามารถรักษาได้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถรักษาได้ อย่าบอกนะว่าเขาคือหมอเทวดาตัวจริง”
“ให้ตายเถอะ เมื่อกี้ฉันกำลังจะเข้าไปสั่งสอนเด็กนั่น ยังดีที่ยั้งไว้ทัน ไม่งั้นถ้าฉันเข้าไปวุ่นวายจนทำให้รักษาไม่หาย ฉันต้องซวยแน่ๆ”
“ดูเหมือนเราจะเข้าใจเขาผิดนะ มิน่าเขาถึงขัดขวางการรักษาของหมอเทวดาชิต ที่แท้การรักษาของเขาสูงส่งกว่าหมอเทวดาชิต”
……
คนในตระกูลณัฐรัชต์มองรพีพงษ์ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ แววตาของพวกเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแววตาแห่งความเลื่อมใส
ปิยะพลหรี่ตาลง คิดไม่ถึงว่าเพื่อนของนลินจะเก่งขนาดนี้ เขาเริ่มคิดขึ้นมาในใจ
ส่วนธีรเดชกลับมองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าเคียดแค้น เขาโกรธที่ไม่สามารถเข้าไปบีบคอแม่ของนลินให้ตายได้ในตอนนี้
เมื่อครู่เขาคิดว่าถ้ารพีพงษ์ทำให้แม่ของนลินตาย เขาจะได้มีเหตุผลลงมือกับรพีพงษ์ เพื่อที่จะแก้แค้นเรื่องเมื่อคืนวาน
แต่คิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะรักษาแม่ของนลินได้ ตอนนี้เขาไม่มีเหตุผลที่จะจัดการรพีพงษ์ ไม่แน่คนในตระกูลณัฐรัชต์ยังจะต้องขอบคุณเขาอีก
“ไม่รู้ว่าไอ้หมอนี่โชคดีอะไรถึงสามารถรักษาโรคนี้ได้ น่าโมโหจริงๆ” ธีรเดชพูดพึมพำกับตัวเอง
ธุวชิตกับนักเรียนแพทย์ต่างมองไปที่รพีพงษ์ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ ความน่ากลัวในตอนนี้มีเพียงธุวชิตเท่านั้นที่รู้ดีว่ารพีพงษ์ที่สามารถรักษาโรคได้นั้นเก่งขนาดไหน
ตอนนี้ท่าทีของธุวชิตที่มีต่อรพีพงษ์เปลี่ยนไปมาก ถึงแม้ตอนแรกรพีพงษ์จะทำให้เขากระอักกระอ่วน และทำให้เขาอับอายต่อหน้าคนในตระกูลณัฐรัชต์ แต่เขาก็เป็นแพทย์คนหนึ่งที่เลื่อมใสในคนที่มีฝีมือแพทย์เก่งกว่าตัวเอง
และตอนนี้เขาอยากรู้ว่ารพีพงษ์รักษาโรคที่จับต้นชนปลายไม่ถูกแบบนั้นได้อย่างไร
ดังนั้นเขากำลังคิดว่าจะขอโทษรพีพงษ์อย่างไร
หลังจากที่รพีพงษ์เก็บพลังกลับเข้าไปในตัว จากนั้นเขาจึงมองแม่ของนลิน เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความมึนงง
ในหัวของเธอจำได้ว่าตัวเองกำลังจะตาย แต่ไม่รู้ว่าทำไมช่วงเธอที่เธอกำลังจะก้าวเข้าไปในความตาย ก็โดนใครดึงกลับมา
คนที่เธอเห็นเป็นคนแรกหลังจากที่ลืมตาขึ้นมาคือรพีพงษ์ เธอถามขึ้นว่า “คุณรักษาโรคของฉันเหรอ”
รพีพงษ์ยิ้มแล้วพยักหน้า “ผมเป็นเพื่อนของนลิน เธอให้ผมมารักษาคุณ”
แววตาแม่ของนลินเต็มไปด้วยความตื้นตัน ถึงแม้เธอจะรู้ว่าเธอติดโรคนี้มาจากนลิน แต่เธอไม่เคยโทษนลินเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่รพีพงษ์พูดว่านลินเป็นคนให้เขามารักษาเธอ เธอรับรู้ถึงความรู้สึกที่นลินมีต่อเธอ
เธอรีบลุกขึ้นเพื่อจะขอบคุณรพีพงษ์ แต่เพราะร่างกายของเธออ่อนแอเป็นอย่างมาก ทำให้ไม่มีแรงลุกขึ้นมา
รพีพงษ์มองเธอแล้วพูดว่า “เป็นเรื่องที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงของผม แต่สิ่งที่ผมอยากเตือนคุณก็คือ สิ่งที่คุณเป็นไม่ใช่อาการเจ็บป่วย แต่เป็นพิษ พิษที่ได้รับมาจากร่างกายของนลิน แต่สาเหตุไม่ได้เกิดจากนลิน ความโชคร้ายที่เกิดกับนลินมาจากสาเหตุอื่น ผมมาที่นี่เพราะต้องการจะจัดการเรื่องนี้”
ตอนที่เขาพูด คนที่อยู่ในนี้เห็นแค่เขาอ้าปากพูด แต่ไม่สามารถได้ยินเสียงของเขาได้ มีเพียงแม่ของนลินเท่านั้นที่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด
หลังจากที่แม่ของนลินได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด สีหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นความตกตะลึง จู่ๆ เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไร
รพีพงษ์ยิ้มให้เธอแล้วพูดว่า “คุณไม่ต้องตกใจจนเกินไป เรื่องที่ผมพูดกับคุณเมื่อกี้คุณห้ามเอาไปบอกใคร ผมไม่อยากให้คุณเข้าใจนลินผิด จึงบอกเรื่องนี้ให้คุณรู้ รอให้เรื่องนี้จัดการเรียบร้อย คุณสองแม่ลูกจะมีเวลาฟื้นฟูความรู้สึกต่อกันอย่างแน่นอน”
แม่ของนลินรีบพยักหน้าให้รพีพงษ์และไม่พูดอะไรอีก
รพีพงษ์หันหลังกลับไป ซ่อนวิธีการที่เขาใช้เมื่อครู่ จากนั้นเขาจึงหันไปมองผลอุดมที่ทรุดอยู่บนพื้นแล้วพูดว่า “คุณอย่ามองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น ภรรยาของคุณหายแล้ว”
ผลอุดมปากสั่นและมองรพีพงษ์ จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “จริง..จริงเหรอ”
“คุณดูเองสิ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
ผลอุดมรีบลุกขึ้นมาจากพื้นและวิ่งเข้าไปที่ข้างเตียง หลังจากที่เห็นว่าภรรยาของเขาไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เขาจึงร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตัน
ขณะนั้นธุวชิตก็เดินเข้ามาหารพีพงษ์และพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “เจ้าหนุ่ม ขอโทษเรื่องก่อนหน้านี้ด้วย ฉันอวดดีไปหน่อย ไม่งั้นคงไม่เกิดเรื่องน่าตลกแบบนี้หรอก ฉันขอโทษนายด้วยใจจริง หวังว่านายจะให้อภัยกับสิ่งที่ฉันทำ”
รพีพงษ์เห็นว่าธุวชิตยอมรับผิดอย่างจริงใจ เขาจึงหัวเราะออกมา
ทักษะทางการแพทย์ของธุวชิตไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่เพราะครั้งนี้พิษที่แม่ของนลินได้รับไม่ใช่อาการเจ็บป่วย ทำให้ธุวชิตไม่สามารถรักษาได้ รพีพงษ์ไม่พอใจเขาก็เพราะท่าทางอวดดีของเขาเท่านั้น
ตอนนี้ธุวชิตเป็นฝ่ายมาขอโทษเขาก่อน เขาจึงไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไร
“หมอเทวดาชิต คนเป็นหมอต้องมีจิตใจที่นิ่งสงบ ไม่ควรจะอวดดี การที่ทำแบบนี้จะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเปล่าๆ” รพีพงษ์พูดเตือน
ธุวชิตรีบพยักหน้าแล้วพูดว่า “ขอบคุณที่เตือนฉัน ฉันจะจำไว้และจะไม่ทำผิดพลาดแบบนี้อีก”
“แต่คุณพอจะบอกผมหน่อยได้ไหมว่ารักษาอาการนั้นได้ยังไง ฉันดูอาการเจ็บป่วยของเธอมานาน แต่ก็ยังไม่สามารถหาต้นตอของโรคได้ มันน่าแปลกประหลาดมาก”
รพีพงษ์มองเขาแล้วพูดว่า “ผมบอกได้เพียงว่าสิ่งที่เธอเป็นไม่ใช่อาการเจ็บป่วย ส่วนเรื่องอื่นๆ หมอเทวดาชิตไม่ต้องรู้จะดีกว่า ไม่งั้นคุณจะซวยเปล่าๆ”
สีหน้าของธุวชิตเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงว่าอาการของแม่นลินจะน่ากลัวเช่นนี้ เขาเป็นคนฉลาดจึงไม่ถามอะไรอีก
บางครั้งการรู้ก็เป็นความผิดอย่างหนึ่ง และทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีกด้วย
ขณะนั้นปิยะพลก็เดินเข้ามาหารพีพงษ์เช่นกัน เขามองรพีพงษ์อย่างจริงจัง จากนั้นจึงหัวเราะออกมา “คิดไม่ถึงว่านายจะเป็นคมในฝัก มีความสามารถด้านการแพทย์สูงขนาดนี้ น่านับถือจริงๆ ฉันขอขอบใจนายแทนคนในตระกูล”
รพีพงษ์ยิ้มให้เขาแล้วพูดว่า “ผมเป็นเพื่อนของนลิน ต้องช่วยเธออยู่แล้ว”
ปิยะพลได้ยินคำว่าเพื่อนของนลิน แววตาของเขาก็ลุ่มลึกขึ้น ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
รพีพงษ์ใช้โอกาสนี้ปลีกตัวออกมาและมองปิยะพลอย่างประเมิน
สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหนอนพิษจากตัวของปิยะพล และไม่ใช่ตัวเดียวด้วย