พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1134 ทำได้เพียงใช้วิธีนี้
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1134 ทำได้เพียงใช้วิธีนี้
“พอจะบอกได้ไหมว่านายรู้จักกับนลินได้ยังไง นลินนำพาความโชคร้ายให้คนอื่นตั้งแต่เด็กๆ พูดตามหลักแล้วไม่ควรจะมีใครเป็นเพื่อนกับเธอสิถึงจะถูก ฉันสงสัยว่าทำไมนายถึงไม่กลัวความโชคร้ายจากตัวของนลิน” ปิยะพลถามลองเชิง
ตอนนี้เขารับรู้ว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนธรรมดา การที่สามารถเป็นเพื่อนกับนลินได้ แถมยังสามารถรักษาอาการป่วยของแม่นลินได้อีก จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร
ตอนนี้เขาไม่แน่ใจถึงวัตถุประสงค์ที่รพีพงษ์มาที่ตระกูลณัฐรัชต์ ดังนั้นเขาจึงอยากลองเชิงรพีพงษ์
รพีพงษ์ยิ้มให้เขาแล้วพูดว่า “ผมเป็นคนดวงแข็ง ดังนั้นผมจึงไม่กลัวความโชคร้าย การที่เป็นเพื่อนกับนลินก็เป็นความบังเอิญ จริงๆ แล้วเธอไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่คนอื่นพูดกัน คุณว่าไหม นายท่านตระกูลลิลิตจันทรา”
ฟังคำพูดที่เหมือนมีอะไรของรพีพงษ์ ทำให้ปิยะพลจับต้นชนปลายไม่ถูกว่ารพีพงษ์จะทำอะไร แต่ว่ารพีพงษ์รักษาอาการของแม่นลินจนหาย เขาไม่สามารถทำอะไรรพีพงษ์ได้
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยิ้มให้รพีพงษ์แล้วพูดว่า “ใช่ จริงๆ แล้วนลินเป็นเด็กดี แต่น่าเสียดายที่สวรรค์ไม่ยุติธรรม ที่ให้เธอเกิดมาพร้อมกับโชคร้าย”
รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่แน่อาจจะไม่ใช่ตั้งแต่เกิดก็ได้นะครับ”
ปิยะพลขมวดคิ้วและมองรพีพงษ์ด้วยแววตาที่แปลกไป
แต่ไม่นานเขาก็ยิ้มออกมา “แต่ไม่ว่ายังไง ขอบคุณนายที่รักษาโรคของแม่นลินให้หายดี ครอบครัวของเราจะต้องขอบคุณนาย อีกสองวันก็จะเป็นวันเกิดของนลินแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นท่านปรมาจารย์จะมาที่บ้านของฉัน นายอยู่บ้านเราต่ออีกสักสองสามวันสิ ไม่แน่เมื่อถึงตอนนั้นท่านปรมาจารย์อาจจะมีวาสนากับนายและทำให้นายโชคดีก็ได้”
“ผมกำลังคิดแบบนี้อยู่พอดี” รพีพงษ์ตอบ
ปิยะพลพยักหน้า และไม่พูดอะไรกับรพีพงษ์อีก เพราะตอนนี้เขายังไม่รู้ว่ารพีพงษ์มาเพราะจุดประสงค์อะไร ถึงแม้อีกฝ่ายจะค่อนข้างลึกลับมาก แถมยังรักษาอาการแม่ของนลินจนหาย แต่เขายังดูเด็กมาก
ดังนั้นปิยะพลไม่รู้ว่ารพีพงษ์จะมีผลกระทบอะไรกับแผนของเขาหรือเปล่า
เขาให้รพีพงษ์อยู่รอคนมีตำแหน่งที่กำลังจะมา เพราะเขาต้องการป้องกันไว้ก่อน ถ้ารพีพงษ์ประสงค์ร้ายขึ้นมา เมื่อท่านปรมาจารย์มาถึง ตอนนั้นเขาจะได้ไม่ต้องกังวลถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น
ตอนนี้ธีรเดชมองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าเคียดแค้น ตอนนี้เขาเกลียดรพีพงษ์เข้ากระดูก คิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะรักษาแม่ของนลินจนหาย ทำให้เขาไม่มีข้ออ้างจัดการกับรพีพงษ์
แต่ว่าเขาไม่ยอมแพ้หรอก ถ้ามีโอกาสขึ้นมาเขาไม่เกรงใจรพีพงษ์แน่นอน
หลังจากที่ทุกคนหายตกใจ ก็พากันแยกย้าย อาการแม่ของนลินหายดีแล้ว จึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก
ธุวชิตรับรู้ถึงความผิดของตัวเอง หลังจากที่เขาขอโทษรพีพงษ์อีกครั้ง เขาจึงพานักเรียนแพทย์ออกไปจากที่นี่
ก่อนที่พวกเขาจะกลับไป รพีพงษ์ฟื้นคืนการพูดให้นักเรียนแพทย์คนนั้น
นักเรียนแพทย์คนนั้นสีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง ครั้งนี้เป็นความจำที่ยาวนาน เขาบอกธุวชิตว่ารพีพงษ์มีเวทมนตร์ แต่ธุวชิตกลับด่าเขา บอกว่าทักษะทางการแพทย์ของรพีพงษ์สุดยอดมาก แต่ยังไม่ถึงขั้นที่มีเวทมนตร์
บนโลกนี้ไม่มีเทวดา จะมีเวทมนตร์ได้อย่างไร
หลังจากที่ทุกคนแยกย้าย รพีพงษ์ก็ออกจากที่นี่ มีเพียงผลอุดมกับภรรยาเท่านั้นที่กำลังตกตะลึง
แม่ของนลินจำคำพูดของรพีพงษ์ได้ดี เธอไม่ได้เล่าเรื่องที่รพีพงษ์บอกให้คนอื่นฟัง เพราะเธอรู้ดีว่าคนที่สามารถช่วยลูกสาวของเธอได้มีเพียงรพีพงษ์เท่านั้น ตอนนี้ความหวังของเธอทั้งหมดอยู่ที่รพีพงษ์
ช่วงค่ำ รพีพงษ์มาถึงที่บ้านของนลิน
เขาเดินไปที่ประตูห้องของนลินและยกมือเคาะประตูห้อง
หลังจากที่ผ่านความกระอักกระอ่วนครั้งที่แล้ว เขาจึงไม่กล้าผลีผลามเข้าไปในห้องของนลินอีก
“เข้ามา” เสียงของนลินดังขึ้นมา รพีพงษ์จึงผลักประตูเข้าไป
แต่สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือหลังจากที่เขาเข้ามาในห้อง ก็พบว่านลินกำลังอาบน้ำและรีบวิ่งเข้าไป
“เธอ…เธอกำลังอาบน้ำ ทำไมถึงให้ฉันเข้ามาล่ะ” รพีพงษ์เอ่ยถาม
ตอนนี้นลินไม่ได้อายเหมือนตอนก่อน เธอยิ้มให้รพีพงษ์แล้วพูดว่า “พี่รพีพงษ์ ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่กลัวพี่เห็นหรอก”
รพีพงษ์กระแอมออกมาสองทีแล้วพูดว่า “เธอไม่กลัว แต่ฉันกลัว ฉันให้เธอใส่เสื้อผ้าให้เสร็จแล้วค่อยเข้ามาดีกว่า”
พูดจบรพีพงษ์ก็รีบเดินออกไปข้างนอก
นลินเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างขี้เล่น
เธอรู้ว่าหลังจากสองวันนี้ท่านปรมาจารย์ก็จะมาถึง ถึงรพีพงษ์บอกว่าจะช่วยเธอ แต่เมื่อถึงตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็ยังไม่รู้ สองวันนี้อาจจะเป็นสองวันที่เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวอะไรอีกแล้ว
ในสองวันนี้เธออยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ถ้าเป็นไปได้ เธออยากสัมผัสความรู้สึกถึงการเป็นผู้หญิงว่าเป็นอย่างไร
รพีพงษ์เป็นเป้าหมายที่ดีที่สุดของเธอโดยไม่ต้องสงสัย อีกอย่างก่อนหน้านี้เธอเคยบอกว่าถึงเธอจะถวายตัวให้รพีพงษ์เธอก็ไม่สนใจ ดังนั้นเธอต้องกล้าที่จะลองสักครั้ง
เธอออกมาจากอ่างอาบน้ำ หลังจากที่เอาผ้าขนหนูมาคลุมตัว เธอก็ตะโกนออกมาข้างนอกว่า “พี่รพีพงษ์ ฉันใส่เสื้อเสร็จแล้ว พี่เข้ามาได้แล้ว”
เมื่อรพีพงษ์ได้ยินเสียงของนลิน สีหน้าของเขาก็สงสัยและคิดในใจว่าเธอใส่เสื้อผ้าเร็วมาก นี่ยังไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าจะใส่เสื้อผ้าเสร็จเร็วขนาดนี้
เขาเดินเข้าไปในห้อง หลังจากที่เข้ามาก็เห็นนลินตัวเปียกและมีผ้าขนหนูห่อตัวของเธอ เขารีบหันขวับไปทันที
“เธอใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวล่ะ” รพีพงษ์เอ่ยถาม
นลินหัวเราะออกมา “พี่รพีพงษ์ พี่กลัวผ้าขนหนูนี้จะเป็นอุปสรรคเหรอ ถ้าพี่คิดว่าผ้าขนหนูผืนนี้เป็นอุปสรรค ฉันถอดมันออกก็ได้”
รพีพงษ์รีบโบกมือไปมาแล้วพูดว่า “ไม่ต้องๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว”
นลินเอามือป้องปากหัวเราะ คิดในใจว่าท่าทางของรพีพงษ์น่ารักดี
“ฉันมาหาเธอเพราะมีเรื่องอยากบอก อาการป่วยของแม่เธอไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว พักฟื้นอีกสักระยะก็ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
เมื่อนลินได้ยินที่รพีพงษ์พูดก็ตกใจเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันแววตาของเธอก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน
เธอเดินไปหารพีพงษ์แล้วมองเขาอย่างตื้นตันใจ “ขอบคุณนะคะพี่รพีพงษ์”
“ไม่เป็นไร เป็นเรื่องที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง” รพีพงษ์ตอบ
นลินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเหมือนเธอตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ เธอปลดผ้าขนหนูบนตัวออกแล้วกอดรพีพงษ์เอาไว้
“พี่รพีพงษ์ นลินไม่มีทางตอบแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของพี่ได้ ตอนนี้มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น หวังว่าพี่รพีพงษ์จะไม่รังเกียจนลิน!”