พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1136 ดื่มเหล้า
ภายในห้องอาหาร
พวกธีรเดชนั่งข้างหน้าโต๊ะอาหาร ส่วนรพีพงษ์กำลังจะหาที่นั่งตรงมุม ระหว่างที่เขากำลังจะนั่งลง ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ รีบพูดออกมาว่า “นายอย่ามานั่งตรงนี้ ฉันกลัวว่านายจะทำให้ฉันซวย”
รพีพงษ์เหนื่อยใจ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร และจะไปนั่งอีกด้าน แต่คนที่นั่งอยู่อีกด้านก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันก็กลัวซวยเหมือนกัน นายไปนั่งที่อื่นเถอะ”
ตอนนี้ทุกคนต่างมองรพีพงษ์ด้วยสายตาหวาดระแวง เหมือนกลัวว่าเขาจะไปนั่งใกล้พวกเขาอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อธีรเดชเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ เขาทำเป็นไม่เห็นเพราะอยากให้รพีพงษ์รู้สึกอับอายอีกสักพัก
รพีพงษ์เบะปากแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ทานข้าวอีก พวกนายทานกันไปเถอะ”
พูดจบเขาก็หันหลังจะเดินออกไป
ธีรเดชรีบพูดขึ้นมาว่า “อย่าๆๆ รพีพงษ์มานั่งข้างฉันสิ ฉันไม่รังเกียจนาย”
เขาลุกขึ้นและดึงรพีพงษ์กลับมา จากนั้นจึงให้เขานั่งลงข้างตัวเอง ส่วนคนที่นั่งอยู่อีกด้านคือดนัทธ์
เมื่อรพีพงษ์เห็นเช่นนี้ เขาก็พอจะเดาได้ในใจ การที่ธีรเดชชวนเขามาวันนี้ไม่ใช่เพราะอยากขอโทษ ธีรเดชคงคิดไว้แล้วว่าจะจัดการเขายังไง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลับไป เขาอยากรู้ว่าธีรเดชจะจัดการเขายังไง
“ขอโทษนะรพีพงษ์ เพราะชื่อของนลินค่อนข้างแย่สำหรับพวกเรา ทำให้พวกเขากลัวนายน่ะ นายอย่าเก็บไปใส่ใจเลย” ธีรเดชทำเป็นพูดปลอบใจ
รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดว่า “มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว”
ธีรเดชเอาเมนูอาหารมาและสั่งอาหารกับเหล้า จากนั้นจึงเล่าเรื่องที่รพีพงษ์ช่วยชีวิตแม่ของนลินให้ทุกคนฟัง
หลังจากที่ทุกคนได้ฟัง ภายนอกพวกเขานับถือรพีพงษ์จริงๆ แต่ภายในใจยังคงมีอคติกับรพีพงษ์เป็นอย่างมาก
ชื่อเสียงของนลินเป็นที่เลื่องลือในเมืองภูเขาขาวมายี่สิบกว่าปี ทุกคนจะยอมรับคนที่เป็นเพื่อนของนลินง่ายๆ ได้อย่างไร
ขณะเดียวกัน ธีรเดชก็ส่งข้อความไปในกลุ่มที่พวกเขาพูดคุยกัน
“วันนี้ฉันบอกว่าจะขอโทษเขา แต่เป็นเพียงการหลอกเขาเท่านั้น ไอ้หมอนี่มันทำให้ฉันตกใจจนน่าสมเพช ฉันต้องชำระแค้นครั้งนี้ เดี๋ยวพวกนายมอมเหล้าเขาให้เต็มที่ ถ้าทำให้เขาเมาได้ คืนนี้เราจะทำอะไรกับเขาก็ได้”
ทุกคนพากันยกมือถือขึ้นมาอ่านข้อความที่ธีรเดชส่งมา รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสนับสนุนแผนการของธีรเดช
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือรพีพงษ์ใช้พลังจิตอ่านข้อความที่ธีรเดชส่งมา
รพีพงษ์ยิ้มออกมา ถ้านี่คือแผนการที่ธีรเดชจะจัดการเขา มันช่างเป็นแผนที่ง่ายดายเหลือเกิน
เมื่อทุกคนเห็นรพีพงษ์หัวเราะ ต่างพากันคิดในใจว่ารพีพงษ์โง่ อีกไม่นานเขาก็จะโดนจัดการแล้ว ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีก
ผ่านไปไม่นาน อาหารกับเหล้าที่ธีรเดชสั่งก็มาเสิร์ฟ ธีรเดชเทเหล้าให้รพีพงษ์จนเต็มแก้ว เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “รพีพงษ์ เพื่อแสดงคำขอโทษจากฉัน ฉันจะดื่มให้นาย ถ้านายให้อภัยฉันก็ดื่มเหล้าตรงหน้าให้หมด ต่อจากนี้เราจะเป็นเพื่อนกัน ว่าไง”
รพีพงษ์ยิ้มออกมา “ได้สิ”
จากนั้นเขาจึงยกเหล้าที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด
ธีรเดชอยากมอมเหล้ารพีพงษ์จึงใช้เหล้าขาวที่มีดีกรีสูง แก้วที่เขาเทเหล้าให้รพีพงษ์คือแก้วกระเบื้องที่เอาไว้ดื่มเบียร์ แก้วนี้มีเหล้าขาวอย่างน้อยๆ 150 มิลลิลิตร
เขาคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะดื่มเหล้าขาวเข้าไปอย่างไม่ลังเล
แถมท่าทางของรพีพงษ์ก็ดูไม่ได้กดดันอะไรอีกด้วย
เขาจ้องรพีพงษ์อยู่ครู่หนึ่ง หลังจากที่ตั้งสติได้ เขาก็มองแก้วเหล้าของตัวเอง จู่ๆ เขาก็ลังเลขึ้นมาเล็กน้อย
รพีพงษ์จ้องเขาแล้วพูดว่า “ทำไมเหรอ ฉันดื่มแล้วนิ นายยังจะรออะไรอีกล่ะ”
ธีรเดชยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นก็รีบดื่มเหล้าเข้าไป
เพราะดีกรีของเหล้าแรงมาก เมื่อดื่มเข้าไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาแสบคอจนจะอ้วกออกมา
เขามองรพีพงษ์อย่างไม่อยากจะเชื่อ คิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะสามารถดื่มเหล้าเยอะขนาดนี้โดยไม่มีอาการอะไรออกมาเลย
แต่ทว่าเขาก็ไม่กังวล ที่นี่ยังมีเพื่อนของเขาอีก เดี๋ยวทุกคนก็จะดื่มเหล้ากับรพีพงษ์ พวกเขาแค่ดื่มคนละแก้วเท่านั้น แต่รพีพงษ์ต้องดื่มเป็นสิบแก้ว ดื่มเยอะขนาดนี้ถึงจะเป็นเทวดาก็ฝืนไม่ไหวหรอก
เป็นไปตามที่คาดไว้ ผ่านไปไม่นาน ทุกคนก็ทำตามแผนและเริ่มดื่มเหล้ากับรพีพงษ์
ทุกคนแทบคิดข้ออ้างเอาไว้แล้ว ถ้ารพีพงษ์ไม่ยอมดื่มก็ถือว่าไม่ไว้หน้าพวกเขา
แต่ทว่ารพีพงษ์ไม่ได้ปฏิเสธใครสักคน ไม่ว่าใครจะชวนเขาดื่ม เขาก็ดื่มหมด ไม่นานก็มีขวดเหล้าวางอยู่ตรงหน้าเขาสามขวดแล้ว
ทุกคนมองรพีพงษ์อย่างไม่อยากจะเชื่อ บางคนที่คอไม่แข็งกินแค่แก้วเดียวก็รู้สึกมึนแล้ว แต่รพีพงษ์กลับไม่มีอาการอะไรแม้แต่น้อย พวกเขาถึงขนาดที่สงสัยว่ารพีพงษ์ดื่มน้ำเปล่าไม่ใช่เหล้า
ทุกคนพากันดื่มเหล้ากับรพีพงษ์จนหมดทุกคน ธีรเดชเริ่มปวดหัวขึ้นมา เขาคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะดื่มเก่งขนาดนี้ ดื่มเหล้าขาวเยอะขนาดนี้แต่ก็ไม่เมา
“ไอ้หมอนี่ดื่มเหล้าเยอะขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะไม่เมา อาจจะเป็นเพราะร่างกายของเขา ทำให้รู้สึกถึงฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ได้ช้า ไม่แน่อีกเดี๋ยวเขาอาจจะล้มลงไปกองกับพื้น” ธีรเดชพึมพำในใจ
รพีพงษ์เห็นว่าทุกคนไม่ดื่มกับเขาอีก เขาจึงเป็นฝ่ายชวนทุกคนดื่ม ดื่มแก้วละครั้ง ทุกคนขนลุกกับการดื่มของรพีพงษ์ ไม่นานคนบนโต๊ะอาหารเริ่มเมามาย
ธีรเดชกับดนัทธ์มองหน้ากันไปมา ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป แผนของพวกเขาต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน
ธีรเดชยังคงเชื่อว่ารพีพงษ์รับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ได้ช้า ดังนั้นหลังจากที่เขาคิดได้ เขาจึงมองทุกคนแล้วพูดว่า “ทุกคน เดี๋ยวเราทานข้าวเสร็จแล้วไปร้องคาราโอเกะกันดีกว่า ฉันว่ารพีพงษ์ยังดื่มไม่หนำใจ เดี๋ยวเราค่อยไปดื่มกันที่คาราโอเกะต่อ”
ทุกคนพยักหน้า อีกอย่างพวกเขาก็ไม่อยากดื่มกับรพีพงษ์ต่ออีกแล้ว
ธีรเดชหันไปมองรพีพงษ์แล้วถามขึ้นว่า “รพีพงษ์ นายไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ดื่มเยอะขนาดนี้ เดี๋ยวไปที่คาราโอเกะคงจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ในเมื่อจะสนุกกัน งั้นฉันก็จะสนุกกับพวกนายเต็มที่”
ธีรเดชพยักหน้าและตัดสินใจว่าไม่ว่าวันนี้รพีพงษ์จะเมาหรือไม่ เขาต้องหาวิธีสั่งสอนรพีพงษ์ให้ได้