พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1148 ทำไมถึงเป็นรพีพงษ์อีก
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1148 ทำไมถึงเป็นรพีพงษ์อีก
เธอแน่ใจว่านี่ไม่ใช่รถที่รพีพงษ์เรียกมาอย่างแน่นอน เพราะไม่มีใครเอารถหรูขนาดนี้มารับส่งผู้โดยสารหรอก จู่ๆ เหมือนว่าเธอจะคิดอะไรออก เธอตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น
“สวะยังไงก็เป็นสวะอยู่วันยังค่ำ ฉันจะถ่ายรูปนี้เก็บไว้ บวกกับรูปที่นายเกาะผู้หญิงแล้วได้นั่งรถเฟอร์รารี่ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าสวะอย่างนายจะจับปลาสองมือ ไม่มีจริยธรรมเลยจริงๆ”
เมื่อคิดได้เช่นนั้น จารุดาก็รู้สึกตื่นเต้น เธอรีบเอามือถือออกมาถ่ายรถเบนซ์รุ่นใหม่ไม่หยุด
มือทั้งสองข้างของเธอสั่นไปหมด เธอคิดไปถึงว่าถ้ารูปพวกนี้ถูกเผยแพร่ออกไป เมื่อถึงตอนนั้นไม่เพียงแค่รพีพงษ์ อารียารวมถึงตระกูลฉัตรมงคลจะต้องอับอายจนโง่หัวไม่ขึ้น
“เหอะๆ ตระกูลของพวกนายดูถูกพวกเรา แต่ตระกูลของพวกนายมันไร้ยางอาย!”
เมื่อจารุดานึกถึงภาพที่อารียาละอายใจจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี เธอรู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก
แต่ทว่าเธอคิดไม่ถึงว่าเจ้าของรถคันนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นอารียานั่นเอง
ตอนนี้อารียาขับรถและมองไปที่คนที่นั่งข้างอย่างรพีพงษ์ เธอรู้สึกสงบสุขเป็นอย่างมาก ขอแค่มีรพีพงษ์อยู่ข้างๆ เธอก็รู้สึกมีความสุขแล้ว
หลังจากที่ส่งอารียากลับไป รพีพงษ์คิดขึ้นมาได้
ก่อนหน้านี้ที่แดนลับ เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เหนือความจริง เป็นไปไม่ได้ที่จะมียาสมุนไพรเพียงชนิดเดียวอยู่ที่นั่น น่าจะมีสมุนไพรล้ำค่าอีกมากมายอยู่ที่นั่น และตอนนี้รพีพงษ์กำลังคิดว่าจะใช้ประโยชน์จากสมุนไพรชั้นดีเหล่านั้นอย่างไร
ในอีกแง่หนึ่งการที่ใช้ยาเพียงชนิดเดียวมันไม่สามารถแสดงผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบออกมาได้ และใช้ในปริมาณมากเพียงครั้งเดียว ร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถดูดซึมได้ทั้งหมด มันจะต้องถูกขจัดออกไปเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นการที่ใช้ควบคู่กับสมุนไพรชนิดอื่นจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงอยากจะจัดงานประชุมแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับยาสมุนไพร
เมื่อได้ยาสมุนไพรตำรับใหม่ และนำมันมาจำหน่ายเพื่อทำเงิน
เขาคิดว่าจะต้องใช้ความช่วยเหลือจากพ่อ แต่ไม่นานเขาก็สลัดความคิดนี้ออกไป เพราะฐานะของคนในบ้านช่างสูงส่งเหลือเกิน ถ้าใช้ชื่อพ่อของเขามาจัดงาน จะต้องทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก และเกิดความโกลาหลอย่างแน่นอน
ไม่นานเขาจึงคิดถึงบุคคลอีกคนหนึ่งที่นับว่าเป็นทางเลือกที่ดี นั่นก็คือโพธิสุทธิ์หัวหน้าสูงสุดในโรงพยาบาลของเมืองแห่งนี้ พูดไปพูดมาตอนที่เจอโพธิสุทธิ์เป็นครั้งแรก นับว่าเป็นโชคชะตาจริงๆ
มันเป็นตอนที่เขาเพิ่งได้รับพลังและบังเอิญเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อเห็นผู้ป่วยที่ใกล้ตาย เขาจึงอยากรู้ว่าพลังจิตของตัวเองจะแข็งแกร่งขนาดไหน เขาเห็นต้นตอที่เกิดโรคของผู้ป่วยคนนั้น
และตอนนั้นก็โดนหัวหน้าโรงพยาบาลคนนี้เห็นเข้า หัวหน้าโรงพยาบาลคนนั้นไม่รู้จักพลังจิต และคิดว่าทักษะทางการแพทย์ของรพีพงษ์สูงส่ง ถึงกับจะฝากตัวเป็นศิษย์ของรพีพงษ์ แต่เพราะว่าตัวของรพีพงษ์ไม่มีทักษะทางการแพทย์ ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธมาตลอด เขาทำเพียงแค่ใช้พลังจิตเป็นระยะๆ เท่านั้น แน่นอนว่าหลักๆ แล้วก็คือหัวหน้าโรงพยาบาลคนนี้
ดังนั้นถ้าเขาจะจัดงานแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับยาสมุนไพร หัวหน้าโรงพยาบาลคนนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดี เมื่อคิดได้เช่นนี้ รพีพงษ์จึงไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย เขาโทรไปหาโพธิสุทธิ์ทันที และบอกกับโพธิสุทธิ์ว่าให้ช่วยจัดงานแลกเปลี่ยนพูดคุยให้เขา ขอแค่ให้เขารวบรวมสมุนไพรได้มากพอก็พอแล้ว เพราะสมุนไพรอีกมากมายเป็นสมุนไพรที่หายากและกระจัดกระจายออกไปหลากหลายพื้นที่
โพธิสุทธิ์เลื่อมใสในฝีมือทางการแพทย์ของรพีพงษ์ โดยเฉพาะหลังจากที่รพีพงษ์สอนเขาอย่างมากมาย แน่นอนว่าเขาไม่ปฏิเสธคำขอร้องของรพีพงษ์ เขาพูดกับรพีพงษ์ด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“วางใจเถอะครับคุณรพีพงษ์ เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของผม ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน ผมจะรีบระดมคนที่ผมรู้จักทั้งหมด ให้พวกเขาบอกเรื่องนี้ให้กับทุกคนในเมือง”