พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1156 จับพิรุธ
รพีพงษ์เดินชมรอบหนึ่งอย่างรวดเร็ว เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ ไม่มีของอะไรที่พิเศษ ถึงแม้ว่าสมุนไพรจะดี แต่เขาสามารถหาซื้อสมุนไพรพวกนี้ได้ตามทั่วไป
ถึงเขาจะซื้อเป็นคันรถบรรทุกก็ไม่มีปัญหา มันไม่มีสมุนไพรแบบหญ้าบริสุทธิ์เลย
ขณะที่รพีพงษ์กำลังจะหันหลังเดินออกไป เขาก็เห็นหินก้อนหนึ่ง พ่อค้าเร่ใช้หินก้อนนี้ทับผ้าปูเพื่อไม่ให้สมุนไพรหล่นลงไปบนพื้น
แต่ทว่ารพีพงษ์ใช้พลังจิตส่องดูหินก้อนนี้โดยบังเอิญ จู่ๆ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที หินก่อนนี้เป็นหินที่ใช้สำหรับบดสมุนไพรโดยเฉพาะ ถ้าใช้หินทั่วไปมาบดยาจะทำให้สูญเสียคุณค่าทางยาไม่มากก็น้อย เมื่อถึงตอนนั้นประสิทธิภาพของยาจะลดลงไป แต่ถ้าใช้หินสำหรับบดยาโดยเฉพาะมันจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มันแทบจะไม่ทำให้คุณค่าทางยาหายไปเลยแม้แต่น้อย
หินบดยาที่ดี ถึงแม้จะใช้เป็นเวลาหลายร้อยปีก็ไม่มีปัญหา
เขาไม่มีทางพลาดของดีแบบนี้อย่างแน่นอน หินก้อนนี้ราคาสูงกว่าหญ้าบริสุทธิ์ในมือของเขาตั้งหลายเท่า
“หาเจอแล้ว คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเจอของดีในที่แบบนี้”
รพีพงษ์ถูกดึงดูดเป็นที่เรียบร้อย เขาเดินเข้าไปที่ร้านค้าเร่
แต่ทว่าวินาทีต่อมา เขารู้สึกเหมือนชนอะไรบางอย่าง เมื่อหันกลับมาก็ได้ยินเสียงด่าใส่เขา
“นี่แกตาบอดหรือไง มองไม่เห็นเหรอ ถ้าเดินไม่ดูทางก็ไสหัวไปซะ!”
เพราะเขาเดินชนคนอื่น รพีพงษ์จึงรีบเอ่ยปากขอโทษ “ขอโทษจริงๆ ครับ”
สายตาของเขาโดนหินก้อนนั้นดึงดูดจนทำให้ไม่ทันได้ระวังคนที่อยู่ข้างๆ จนชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง และข้างกายของผู้หญิงคนนี้ยังมีผู้ชายในชุดสูทยืนอยู่ด้วย เดิมทีชายคนนี้จะมาทำคะแนนกับผู้หญิงคนนี้
เมื่อเห็นการแต่งตัวของรพีพงษ์ที่มีแต่เสื้อผ้าตามตลาด แถมยังชนผู้หญิงคนนี้ด้วย จู่ๆ ชายหนุ่มก็คิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะทำคะแนน จู่ๆ เขาก็ตวาดใส่รพีพงษ์
“ขอโทษแล้วมีประโยชน์อะไร แกรู้ไหมว่าแกชนใคร คิดไม่ถึงว่าคนที่แต่งตัวแบบแกจะมาอยู่ที่นี่ได้ สถานที่แบบนี้คู่ควรกับคนอย่างแกเหรอ คุณสบายใจได้เลย ผมจะสั่งสอนไอ้หมอนี่เอง”
ชายคนนั้นตวาดออกมาด้วยความโมโห
ขณะที่รพีพงษ์กำลังจะเอ่ยปากอธิบาย เขาเห็นใครบางคนเดินเข้าไปที่ร้านค้าเร่ และมองหินก้อนนั้น
รพีพงษ์ร้อนใจขึ้นมาทันที เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีคนรู้จักหินก้อนนี้ด้วย
ถ้าหินก้อนนี้โดนคนอื่นซื้อไป แล้วเขาต้องไปซื้อต่อจากคนอื่น มันจะเสียเวลาเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่มีกะจิตกะใจที่จะพูดต่อ และเดินเข้าไปที่ร้านค้าทันที
แต่ทว่าหญิงสาวคนนั้นเห็นรพีพงษ์ชนตัวเอง และแค่เอ่ยปากขอโทษแล้วจะเดินจากไป เธอตวาดใส่รพีพงษ์อย่างโมโห
“แกได้ยินหรือเปล่า แกชนฉัน แค่ขอโทษแล้วจากไปเนี่ยนะ แกหยุดเดี๋ยวนี้”
“ใช่ ไม่รู้ว่าไอ้หมอนี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ทางที่ดีแกรีบขอโทษซะ ไม่อย่างนั้นแกจบไม่สวยแน่”
ชายคนนั้นจับรพีพงษ์เอาไว้เพื่อไม่ให้เขาไป รพีพงษ์เห็นท่าทางของทั้งสองคนก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงว่าจะเจอคนโง่แบบนี้ที่นี่
แถมยังโผล่มาตอนที่เขาจะซื้อของล้ำค่าอีกด้วย เขาตวาดใส่ทั้งสองคนอย่างไม่สบอารมณ์
“ไสหัวไปซะ!”
“แกรู้ไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่ แกกล้าไล่ฉันอย่างนั้นเหรอ แกนี่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ!”
เมื่อหญิงสาวคนนั้นเห็นว่ารพีพงษ์กล้าพูดแบบนี้กับเธอ เธอจึงโมโหขึ้นมาและตวาดใส่รพีพงษ์
ส่วนสีหน้าของผู้ชายก็เต็มไปด้วยความโมโห เขาคิดว่ารพีพงษ์ไม่ขอโทษพวกเขาดีๆ ก็ไม่เป็นไร แต่กล้าพูดจาไร้มารยาทกับพวกเขา นี่มันไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลย เป็นการตบหน้าพวกเขาชัดๆ
ร่างกายของรพีพงษ์ไม่ได้กำยำอะไร ถ้าเทียบกับเขามันก็แค่กระดาษแผ่นหนึ่ง
รูปร่างของชายคนนี้เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เขาคิดว่าตัวเองสามารถจัดการรพีพงษ์ได้ด้วยสองมือ
“ฉันว่าแกรนหาที่ตายแล้วล่ะ”
เมื่อพูดจบชายคนนั้นก็เอามือไปวางบนไหล่ของรพีพงษ์เพื่อที่จะทำร้ายเขา แต่ทว่าตอนนี้รพีพงษ์เต็มไปด้วยความหงุดหงิด เขาขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็กดชายคนนี้ลงกับพื้น จากนั้นรพีพงษ์จึงพูดขึ้นมาว่า
“ถ้าพวกแกสองคนยังกล้าวุ่นวายกับฉันอีก อย่าหาว่าฉันไม่ไว้หน้าพวกแกก็แล้วกัน!”
เมื่อพูดจบรพีพงษ์ก็เพิ่มแรงไปที่แขนของตัวเอง แรงของเขาทำให้ชายคนนั้นเจ็บปวดจนกัดฟัน
เขารับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาตามแขนขา มือของรพีพงษ์เป็นเหมือนคีมเหล็กที่ทำให้เขาไม่สามารถดิ้นไปไหนได้
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นภาพตรงหน้า เธอถึงกับสะดุ้งโหยง
เธอมองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าตึงเครียด รพีพงษ์พูดออกมาว่า
“ทางที่ดีพวกแกอย่าพูดไร้สาระอีก ฉันขอโทษไปแล้ว ถ้าพวกแกยังตามฉันมาอีก ต่อไปฉันจะไม่ทำแค่นี้แน่”
หลังจากที่พูดจบรพีพงษ์ก็ปล่อยมือ ชายคนนั้นเข่าอ่อนจนทรุดลงกับพื้น เหมือนเรี่ยวแรงในตัวของเขาถูกกลืนหายไปจนหมด
แม้แต่แรงที่จะลุกขึ้นยืนก็ยังไม่มี ตัวของเขาสั่นไม่หยุด เนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่ารพีพงษ์จะน่ากลัวขนาดนี้ เพราะตัวเขาเองไม่ได้เป็นคนที่ฝึกวิชาอะไรมาด้วย