พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1163 ตระกูลวอลบิลซีเป่ย
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1163 ตระกูลวอลบิลซีเป่ย
อย่างไรก็เขาเดินชมอยู่ที่นี่นานมากแล้ว ก็ไม่มียาสมุนไพรอะไรที่เข้าตาเขา เมื่อเทียบกับซีเป่ยของพวกเขาขึ้นมา นี่เทียบเท่ากับว่ายังห่างไกลมาก
“ฮ่าๆ แม้ว่าฉันจะไม่ใช่ตัวอะไร แต่เสื้อผ้าบนตัวของคุณฉันยังสามารถชดใช้ให้ได้อย่างสบายๆ”
หลังจากที่ชายคนนั้นเพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเสียงที่เหยียดดังมาจากข้างหลังอย่างฉับพลัน นึกไม่ถึงเลยว่าปู่ของเด็กชายคนนี้ไม่ใช่ใครคนอื่น ก็คือโพธิสุทธิ์
และในเวลานี้มีบางคนที่ขายยาก็จำโพธิสุทธิ์ได้แล้ว ในกลุ่มฝูงชนก็เริ่มทยอยมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นมา
เพียงแต่ว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์นี้ไม่ได้มาทางชายคนนั้นแม้แต่น้อย แต่ทั้งหมดกลับรู้สึกว่าชายคนนั้นใกล้จะตายแล้ว
“ที่แท้เด็กผู้ชายคนนี้เป็นหลานของโพธิสุทธิ์นี่เอง มิน่าล่ะ”
“ใช่แล้ว ฉันมองดูเด็กคนนี้ ถึงได้ไม่ต้อยต่ำไม่สูงส่งแบบนี้นี่เอง ก็รู้ว่าประสบการณ์ชีวิตภูมิหลังของเขาคงจะไม่ธรรมดา ผลเป็นอย่างที่คาดไว้”
“โธ่ ไม่นึกเลยว่าชายคนนี้แม้แต่โพธิสุทธิ์ก็กล้ามีเรื่องด้วย คงจะถือได้ว่าเขาใกล้ตายแล้ว”
และการวิพากษ์วิจารณ์รอบข้างในเวลานี้ไม่ได้ทำให้วิลเลียมหวาดกลัว กลับเป็นในใจของจารุดาที่เต็มไปด้วยความเสียใจในทันที เธอไม่ควรที่จะวิ่งมาด่าว่าเด็กผู้ชายคนนี้เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีกับวิลเลียม
เด็กผู้ชายคนนี้เป็นหลานของโพธิสุทธิ์ ถึงเวลาแม้แต่เธอก็คงจะโดนโพธิสุทธิ์จัดการไปด้วยกัน เธอฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนไม่ทันได้สนใจ ถอยหลังไปทีละก้าว ค่อยๆกลับไปหลบซ่อนในกลุ่มฝูงชน
“จารุดาทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่?”
เจตลีที่ยืนอยู่ท่านกลุ่มฝูงชนเหมือนกันก็ตะโกนเสียงดังทันที
“บ้าจริง ทั้งๆที่เจตลีเดินมาพร้อมกับตัวเองแท้ๆ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเปิดโปงตัวเองได้เร็วขนาดนี้”
และในเวลานี้ โพธิสุทธิ์เพียงแค่เหลือบมองไปที่จารุดาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม จากนั้นก็หันไปเอ่ยปากพูดกับวิลเลียมว่า
“คุณว่ามาเถอะ คุณต้องเงินเท่าไหร่ฉันจะชดใช้ให้คุณ”
เมื่อฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายของรอบข้าง วิลเลียมก็พอจะเข้าใจว่าฐานะตัวตนของคนที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นใครกันแน่ เขาก็คือโพธิสุทธิ์หัวหน้าองค์กรงานประชุมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้
ความจริงคนอย่างโพธิสุทธิ์ ฐานะตำแหน่งมีคุณค่ามาก เนื่องจากทุกคนก็เจ็บป่วย ถึงเวลาที่เจ็บปวดก็จะต้องมาขอร้องเขา
แต่นอกเหนือจากตำแหน่ง เขาก็ไม่ได้เงินมากมายอะไร ดังนั้นในความคิดของวิลเลียม โพธิสุทธิ์ไม่มีอะไรสามารถเทียบตัวเองได้
“โพธิสุทธิ์คุณไม่จำเป็นต้องสนใจเขาเลย ก่อนหน้านี้ฉันเห็นได้อย่างชัดเจน ชายคนนี้ทำให้เสื้อผ้าของตัวเองสกปรกเอง จงใจโทษไปที่ตัวหลานของคุณ”
คนหลายคนก็กระโดดออกมาจากฝูงชนอย่างกะทันหัน โดยยืนยันว่าตัวเองผ่านมาเห็นเหตุการณ์
เมื่อวิลเลียมได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็รู้สึกว่าไร้สาระในทันที เนื่องจากก่อนหน้าที่โพธิสุทธิ์จะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ คนเหล่านี้ก็ยืมมองดูอย่างเงียบๆอยู่ข้างๆ ไม่มีความตั้งใจที่จะไปช่วยเด็กผู้ชายคนนี้แม้แต่น้อย
แต่ว่าตอนนี้ โพธิสุทธิ์เพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นมา คนเหล่านี้ก็เปลี่ยนกลายเป็นนกสองหัวในทันที เริ่มโทษวิลเลียมขึ้นมา สมกับที่เป็นคนกลุ่มหนึ่งที่ปรับตัวไปตามสถานการณ์จริงๆ
“เหอะๆ นี่ก็น่าขำจริงๆ หรือว่าเมืองแห่งนี้ของพวกคุณก็เป็นแบบนี้กันรึไง?”
วิลเลียมหัวเราะเสียงดังขึ้นมาในทันที ต่อจากนั้นในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“โพธิสุทธิ์ ฉันเคยได้ยินเรื่องราวของคุณมาก่อน คุณก็เป็นแค่หมอที่ไม่มีฝีมือในการรักษาเท่านั้นเอง”
เมื่อทุกคนได้ยินพูดเหล่านี้ทั้งหมดก็ตกตะลึงนิ่งอึ้งไปในทันที ต้องรู้ว่าทักษะทางการแพทย์ของโพธิสุทธิ์เรียกได้ว่าเป็นที่มีชื่อเสียงดังไปทั่ว ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางที่จะกลายเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลที่ดีที่สุดได้
เนื่องจากว่าเขาได้ช่วยผู้คนมากมายมาจากเส้นความเป็นและตาย เทียบเท่ากับว่าเป็นฮว่าถัว(ปฐมาจารย์ศัลยแพทย์จีน)กลับชาติมาเกิด
และเมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของวิลเลียม ก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง ไม่นึกเลยว่าวิลเลียมจะพลั้งปากพูดว่าก็แค่หมอที่ไม่มีฝีมือในการรักษา นี่เทียบเท่ากับว่าดูถูกคนที่เป็นหมอมากที่สุด
“ฮ่าๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดของวิลเลียม โพธิสุทธิ์เพียงแค่หัวเราะเสียงดัง แม้แต่ความตั้งใจที่จะสนใจวิลเลียมก็ไม่มี
ก้าวเดินขึ้นไปที่โพเดียม ต่อจากนั้นพูดกับทุกคนว่า
“การประชุมแลกเปลี่ยนยาสมุนไพรเริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว”
ต่อจากนั้นอุ้มเด็กผู้ชายคนนั้นแล้วหันหลังเดินจากไป เหลือเพียงกลุ่มคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี มองดูเหตุการณ์นี้ ในใจของรพีพงษ์เต็มไปด้วยความนับถือชื่นชม
ผลเป็นอย่างที่คาดไว้ คนที่เป็นหมอก็มีความใจใหญ่
วิลเลียมมองดูการกระทำของโพธิสุทธิ์ ก็รู้สึกว่าตัวเองโดนตบหน้าอย่างรุนแรงหนึ่งครั้ง โกรธจนตะคอกส่งเสียงออกมา และไล่ตามไปที่โพธิสุทธิ์
ยื่นมองออกไปแตะที่หน้าผากของหลานชายของโพธิสุทธิ์ ด้วยการสัมผัสนี้ของเขา เด็กผู้ชายคนนั้นก็กลอกตาขาวและหมดสติไปบนพื้น
“ฟูม ฟูม!”
มองดูเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า โพธิสุทธิ์ก็ตกใจมากในทันที รีบวางเด็กผู้ชายลงบนนอนลงพื้นทันที และเริ่มปฐมพยาบาลขึ้นมา
ในเวลานี้วิลเลียมก้าวหน้าเดินที่โพเดียมอย่างรวดเร็ว ต่อจากนั้นเอ่ยปากพูดกับทุกคนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“โพธิสุทธิ์ คุณบอกว่าคุณเป็นหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงดังไปทั่วไม่ใช่เหรอ? คุณเหยียดหยามที่ฉันเพิ่งพูดว่าคุณเป็นหมอที่ไม่มีฝีมือในการรักษาไม่ใช่เหรอ? ถ้าหากทักษะทางการแพทย์ของคุณเป็นเลิศมากจริงๆ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็ทำให้ฉันดูว่าคุณสามารถที่จะช่วยหลานชายของตัวเองกลับมาได้มั้ย”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป ทั้งงานก็วุ่นวายจนเหมือนโจ๊กหนึ่งหม้อ ผู้คนมากมายก็ยืนออกมาโดยธรรมชาติ และคิดหาวิธีรับมือ ก็เริ่มรวบรวมยาสมุนไพรหลากหลายขึ้นมา
ทุกคนต้องการให้โพธิสุทธิ์ลองใช้ยาสมุนไพรที่ตัวเองนำมา ถ้าหากยาสมุนไพรของตัวเองสามารถที่จะช่วยฟูมกลับมาได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็สามารถพอที่จะไต่เต้าโพธิสุทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ได้ พวกเขาอยู่ในแวดวงยาในเมืองแห่งนี้ก็สามารถที่จะทำอำเภอใจได้
“พวกคุณทุกคนเงียบเดี๋ยวนี้!” โพธิสุทธิ์ตะโกนด้วยความโกรธในทันที
ต่อให้เมื่อกี้นี้เขาจะถูกวิลเลียมเหยียดหยามว่าเป็นหมอที่ไม่มีฝีมือในการรักษา เขาก็สามารถที่จะทำเหมือนไม่ได้ยิน แต่ว่าในเวลานี้ชีวิตของหลานชายแท้ๆของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย เขาไม่สามารถที่จะใจเย็นได้เหมือนตอนนั้นได้อีกต่อไป
เมื่อผู้คนรอบข้างได้ยินคำพูดเหล่านี้ของโพธิสุทธิ์ ทั้งหมดก็เงียบลงมาในทันที และโพธิสุทธิ์ก็รีบควบคุมเสียงหัวใจของตัวเองอย่างรวดเร็ว และเริ่มแสดงทักษะทางการแพทย์ของตัวเอง
เดิมทียังมีคนแนะนำให้ส่งฟูมไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แต่ทว่า ตอนนี้เป็นไปไม่ได้
ยังไม่ต้องพูดถึงก่อน ในนั้นมีระยะห่างอย่างแน่นอน อาจจะพลาดเวลาสำหรับการรักษาที่ดีที่สุดไปหรือไม่?
ด้วยจำนวนยาสมุนไพรที่มีอยู่ในอาคารตอนนี้ ก็มากเกินกว่าโรงพยาบาลที่ดีที่สุดแล้ว
“โพธิสุทธิ์ หลานชายของคุณดูเหมือนจะโดนวางยาพิษ ลองใช้ยาสมุนไพรสองชนิดนี้ของฉันรวมกันดู”
ท่านปุณยธรที่ยืนอยู่ข้างๆก็เอ่ยปากพูดในทันที หลังจากที่พูดคำนี้จบ เขายังหยิบยาสมุนไพรออกมาจากในมือสองชนิด และคนรอบข้างที่เห็นก็เอ่ยปากพูดเห็นด้วยในทันที
ในใจของโพธิสุทธิ์ในเวลานี้กำลังสับสนวุ่นวาย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของท่านปุณยธร ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในทันที
เขารับยาสมุนไพรสองชนิดนี้มาจากในมือของท่านปุณยธร เริ่มผสมยาขึ้นมา หลังจากที่ผสมยาเสร็จ เขาก็รีบป้อนให้ฟูมดื่มลงไป
ใครจะไปรู้ว่าไม่เพียงแต่ดื่มลงไปไม่แสดงออกการที่ดีขึ้นออกมา ฟูมที่เดิมทีหมดสติไป สีหน้าในตอนนี้ก็กลายเป็นซีดเซียวขึ้นมา