พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1166 แกกล้าไล่ฉันออกเหรอ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1166 แกกล้าไล่ฉันออกเหรอ
“แม่ง ผู้ชายที่เกาะชายกระโปรงผู้หญิงกินอย่างแกไม่นึกเลยว่าจะกล้าทำเรื่องแบบนี้กับฉัน เดี๋ยวแกได้เจอดีแน่ แกใกล้จะตายไม่ในช้านี้แล้ว!”
ก่อนหน้าที่เขาจะถูกลากออกไป ฉู่ซาปี่ยังตะคอกอย่างเจ็บปวด แต่กลับรพีพงษ์ไม่มีความตั้งใจที่จะสนใจเขาแม้แต่น้อย ความคิดทั้งหมดของเขามุ่งอยู่ที่บนยาสมุนไพรเหล่านั้น
เพราะยาสมุนไพรเหล่านี้มีหลากหลายชนิดตกอยู่ในอาการใกล้ตาย ถ้าหากไม่รีบดำเนินการรักษาพวกมัน คงจะไม่มีทางช่วยชีวิตกลับมาได้อย่างแน่นอนแล้ว เขาก็พูดกับเลขานุการในทันที
“รีบเสริมสร้างสารละลายธาตุอาหาร ยังมี รดน้ำโดยเร็วที่สุด”
“รับทราบ!”
เลขานุการตอบรับอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าภายใต้การชี้นำของรพีพงษ์ พวกเขาตกอยู่ในมาตรการฉุกเฉิน ยาสมุนไพรเหล่านี้ค่อยๆหยุดส่งสัญญาณของการเหี่ยวเฉา และร่องรอยของความมีชีวิตชีวาก็ปรากฏขึ้นมาอย่างคลุมเครือ
เมื่อเห็นฉากนี้ เลขานุการก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่น่าแปลกใจที่รพีพงษ์จะให้ความสนใจกับยาสมุนไพรเหล่านี้ขนาดนี้ ไม่นึกเลยว่ายาสมุนไพรเหล่านี้จะมีความสามารถในการเกิดต้นใหม่ที่ทรงพลังมากขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นประสิทธิผลของพวกมันก็คงจะหาพบได้น้อยในโลกอย่างแน่นอน
และเมื่อมองดูฉากนี้ ในที่สุดรพีพงษ์ก็ปล่อยวางหัวใจหนึ่งดวง ต้องรู้ว่ายาสมุนไพรเหล่านี้ ซึ่งหาพบได้ยากเป็นอย่างมาก สำหรับสภาพแวดล้อมการเจริญเติบโตนั้นก็ต้องเคร่งครัดมากเป็นธรรมชาติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกมันก็ถูกตัวเองปลูกถ่ายมาจากสถานที่ต่างๆ ต่อให้สถานที่ที่เขาเลือกก็ยังอุดมสมบูรณ์มาก แต่ถ้าการเพาะเลี้ยงยาสมุนไพรเหล่านี้ไม่ดี ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเหี่ยวเฉา
มองดูยาสมุนไพรเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้า ในที่สุดก็ส่งสัญญาณของการฟื้นคืนชีพ ในที่สุดหัวใจที่ห้อยอยู่ของเลขานุการก็ปล่อยวางลงมา หันหน้าไปพูดกับรพีพงษ์
“คุณรพี ฉันเป็นคนฉู่ซาปี่อบรมสั่งสอนออกมากับมือ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆว่าเขาจะพูดคำพูดแบบนี้กับคุณ นี่เป็นปัญหาทั้งหมดของฉันคุณได้โปรดลงโทษฉันด้วย”
แต่รพีพงษ์ก็พึงพอใจกับความสามารถในการจัดการเรื่องต่างๆของเลขานุการคนนี้เป็นอย่างมากมาโดยตลอด ที่สำคัญยาสมุนไพรเหล่านี้ยังไม่ได้สูญเสียถึงแก่นแท้อะไร เนื่องจากถูกตัวเองช่วยฟื้นคืนมาแล้ว ดังนั้นก็จึงไม่ได้มีเจตนาที่จะตำหนิ เพียงแค่เอ่ยปากพูดอย่างราบเรียบ
“ครั้งนี้เว้นให้ครั้งต่อไปทำไม่ได้อีกแล้ว”
ในขณะนี้ คนในครอบครัวของจารุดากำลังจัดงานเลี้ยงในห้องวีไอพีของโรงแรมแห่งหนึ่ง แรกเริ่มเดิมที หลังจากที่ออกจากการประชุมแลกเปลี่ยน จารุดาก็พัวพันกับวิลเลียมอย่างรวดเร็ว
และวิลเลียมก็ทำตัวครึ่งๆกลางๆ ก็รับปากคำเชิญของจารุดา มาถึงในงานเลี้ยงของครอบครัวพวกเขา เนื่องจากตอนนั้นจารุดาก็ช่วยเขาด่าเด็กผู้ชายคนนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นรูปร่างหน้าตาของจารุดาก็ถือได้ว่าไม่ได้แย่ ผู้หญิงแบบนี้เข้าหาถึงที่ เขามีเหตุผลอะไรที่ไม่ยอมรับ?
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจการเร่งรีบของในตระกูลที่มีต่อตัวเอง แต่ว่าสิ่งนี้ก็ถือได้ว่าจารุดาค่อนข้างมีฝีมือ คาดไม่ถึงเลยว่าภายในเวลาอันสั้น ก็สามารถมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขนาดนี้กับวิลเลียมได้
และในเวลาในใจของซูโก๋พ่อของจารุดาก็รู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่ง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เอ่ยปากพูดว่า
“ถ้าหากตระกูลวอลบิลของพวกคุณสามารถแต่งงานกับตระกูลของพวกเราได้ ถ้าอย่างนั้นก็เป็นพรที่บรรพบุรุษของเราสั่งสมมาจริงๆ”
ก่อนหน้านี้เขาเคยพูดคุยกับวิลเลียมมาก่อน ก็รู้ซีเป่ยของตระกูลวอลบิลอยู่แล้วเป็นธรรมดา นั่นคือตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่จารุดาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
ในครั้งนี้จารุดาทำได้ดีมากจริงๆ และในเวลานี้วิลเลียมที่ได้ยินคำพูดของซูโก๋ ในใจก็รู้สึกเพียงน่าขำ สำหรับจารุดาแล้วเขาเพียงแค่เล่นๆสนุกชอบเท่านั้นเอง
ไม่นึกเลยว่าตระกูลแบบนี้ยังเพ้อฝันว่าจะได้แต่งงานกับตระกูลของพวกเขา นี่เทียบเท่ากับคนปัญญาอ่อนเพ้อฝัน!
แม้ว่าในใจของวิลเลียมจะดูถูกตระกูลของพวกเขา แต่เขากลับไม่ได้แสดงออกมาแม้แต่น้อย เนื่องจากที่นี่ก็ไม่ใช่ถิ่นของเขา ถ้าตระกูลของพวกเขาสามารถที่จะมีเพื่อนเหล่านี้อยู่ที่นี่ ก็คงจะดีเป็นอย่างมาก
หรือว่าพูดอย่างตรงไปตรงมาไม่ใช่เพื่อนแต่เป็นสุนัขไม่กี่ตัว
และสำหรับจารุดา เขาเล่นเสร็จก็จะโยนทิ้งอย่างแน่นอน ไม่มีทางมีความอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย
ในขณะนี้ บนใบหน้าของจักรินพี่ชายของจารุดาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และพูดคุยกับวิลเลียมไม่หยุด
“น้องเขยคุณดื่มเหล้าสิ”
ต้องรู้ว่า อายุของวิลเลียม ยังมากกว่าจักรินห้าถึงหกปี แต่ตอนนี้คาดไม่ถึงเลยว่าจักรินจะไร้ยางอายเรียกวิลเลียมว่าน้องเขย นี่เทียบเท่ากับว่าไม่มีความละอายแม้แต่น้อย
ในขณะนี้ไม่มีใครที่ภูมิใจมากไปกว่าจารุดา การประชุมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้สามารถทำให้เธอตกปลาได้ใหญ่แบบนี้ ในใจของเธอก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น สิ่งนี้อดไม่ได้ที่จะทำให้เธอรู้สึกโชคดีเป็นมาก
โชคดีที่ก่อนหน้านี้ตัวเองไม่ได้มองหาผู้ชายคนอื่น นี่เทียบเท่ากับว่าฉลาดเกินไปแล้ว
“พ่อในเมื่อเป็นงานเลี้ยงรวมตัวของครอบครัว แม้ว่าจะกะทันหันไป แต่ว่าพวกเราก็ควรจะชวนคนในครอบครัวของรพีพงษ์มาด้วยไม่ใช่เหรอ?”
จารุดาเอ่ยปากพูดในทันที ในเวลาในใจของจารุดารู้ดี ยังไม่พูดวิลเลียมก็สามารถพอที่จะเหยียบย่ำรพีพงษ์ให้อยู่ใต้เท้าอย่างรุนแรงได้แน่นอน
แค่รูปภาพเหล่านั้นของรพีพงษ์ ถ้าหากวันนี้สามารถพอที่จะเรียกครอบครัวของรพีพงษ์มาที่นี่ทั้งหมด ต่อจากนั้นประกาศทุกอย่างต่อหน้าทุกคน ถ้าหน้าอย่างวันนี้ทุกคนในทั้งครอบครัวของพวกเขาก็จะขายขี้หน้าทั้งหมดอย่างแน่นอน
เธอสามารถจินตนาการได้ว่าท่าทางของรพีพงษ์ที่กำลังคุกเข่าต่อหน้าของตัวเองและขอร้องเธออย่างไม่หยุด
ในไม่ช้า ในบ้านของอารียา ศักดาก็ได้รับโทรศัพท์จากซูโก๋ ตอนที่เขารับสายโทรศัพท์ เขายังคิดแน่นอนว่าครั้งก่อนครอบครัวของพวกเขาแสดงอำนาจที่น่าเกรงขามออกมา ครั้งนี้จากครอบครัวของซูโก๋ต้องการจะมาประจบสอพลอพวกเขา
และในเวลานี้โสรญาเอ่ยปากพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“ฮ่าๆ ตอนนี้รู้ถึงความก้าวหน้าของครอบครัวพวกเราแล้ว ครอบครัวใครก็อยากจะมาประจบสอพลอพวกเราแล้ว!”
และมองดูที่อยู่ตรงหน้า พ่อแม่ที่ดีใจจนลืมตัว ใบหน้าของอารียาก็เต็มไปด้วยความจนใจ เธออดไม่ได้ที่จะโทรหารพีพงษ์ เอ่ยปากถามว่า
“ครอบครัวของซูโก๋พวกเราจัดงานเลี้ยงครอบครัว เชิญพวกเราไป”
เมื่อได้ยินโทรศัพท์ที่ไม่นึกเลยว่าอารียาจะโทรหารพีพงษ์ โสรญาก็เอ่ยปากด่าว่าด้วยความโกรธ
“ลูกโทรหาไอ้หมอนั่นทำไม? พาไอ้หมอนั่นไปทุกด้วยทุกครั้ง ขายหน้าครอบครัวพวกเราจริงๆ!”
ในน้ำเสียงของโสรญาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“ถูกต้อง เขาจะถูกขับไล่ออกจากบ้านของพวกเราในไม่ช้าก็เร็ว นี่เป็นงานเลี้ยงครอบครัวของพวกเรา ไม่เกี่ยวอะไรกับไอ้หมอนั่น?”
ศักดาเอ่ยปากพูดเห็นด้วยในทันที