พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1195 ผสมผสานจิตวิญญาณเทพ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1195 ผสมผสานจิตวิญญาณเทพ
พอเห็นสีหน้าไร้สีเลือดของแม่นางทอผ้า โจซี่รู้ทันทีเลยว่า ผู้หญิงเซ็กซี่คนนี้เป็นหุ่นเชิดของรพีพงษ์เหมือนกัน แถมมีพลังอยู่ในระดับสุดฮั่วจิ้งเหมือนกันด้วย
นี่ทำให้โจซี่อดตะลึงไม่ได้เลย
หุ่นเชิดที่มีพลังระดับสุดฮั่วจิ้งสองคน ต่อให้อยู่ในทวีปโอชวินทีมแบบนี้ถือว่าเก่งมากเลยนะ
“เจ้านาย ขอโทษด้วยนะคะ ก่อนนี้คุณช่วยฉันซื้อเสื้อผ้ามากเกินไป ฉันมัวเลือกว่าจะใส่ชุดไหนดีเลยมาช้าไปหน่อย เพราะแม่นางทอผ้ามาเจอเจ้านายต้องแต่งตัวสวยๆค่ะ”
แม่นางทอผ้าในชุดกระโปรงสีดำบอก
รพีพงษ์แอบเซ็ง สมเป็นหุ่นเชิดที่จอมมารชูราสร้างออกมา มีความคิดเป็นของตัวเองอีก
เพียงแต่ว่าสำหรับแม่นางทอผ้าและชยนต์แล้ว ความคิดหลักของพวกเขามีเพียงอย่างเดียวคือ รับใช้ให้รพีพงษ์มีความสุข และปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยของรพีพงษ์
“ป้า มีดเมื่อกี้เป็นยังไงบ้าง เอาอีกรอบไหม” แม่นางทอผ้าบอก
“แกว่าใครป้า?” โจซี่แผดเสียงใส่ เห็นได้ชัดว่าเกลียดคำเรียกนี้มาก
แม่นางทอผ้า เบ้ปาก ถามอย่างสงสัยว่า “ทำไม ดูหน้าป้าก็ปาเข้าไปห้าสิบแล้ว ไม่ใช่ป้าแล้วอะไรล่ะ? หรือว่าฉันเรียกผิดไปหรือไง?”
“เหอะ”
โจซี่แค่นเสียงเย็น จากนั้นในมือเริ่มสร้างก้อนพลังขึ้นเรื่อย ๆ “ต่อให้สามคนแล้วยังไงล่ะ เข้ามาพร้อมกันเลย”
“พร้อมกันก็พร้อมกันสิ เจ้านาย วางใจได้ค่ะ ป้าคนนี้ยกให้ฉันกับชยนต์จัดการเถอะ”
แม่นางทอผ้าบอก ชยนต์พยักหน้ารับ
ในฐานะหุ่นเชิด เวลาเจ้านายเจอสถานการณ์แบบนี้ เป็นหน้าที่พวกเขาอยู่แล้ว
“แค่พวกแกสองคนน่ะนะ น่าจะไม่พอนะ” โจซี่ยิ้มเย็นบอก “พวกแกเป็นหุ่นเชิดได้มันไม่ง่ายเลย ถ้าไม่อยากวิญญาณแตกสลาย ก็ไสหัวไปไกลๆ!”
ถึงหุ่นเชิดจะไม่ได้มีร่างเดิม แต่สำหรับพวกเขาแล้ว เหมือนกับได้รับโอกาสเกิดใหม่อีกครั้ง
เพียงแต่โดนฆ่าอีกครั้ง วิญญาณเพียงน้อยนิดของพวกเขาก็จะสลายหายไป นับแต่นี้จะไม่หลงเหลือร่องรอยพวกเขาในโลกนี้อีก
“พวกนายสองคน ไปจากที่นี่!”
รพีพงษ์เดินมายืนหน้าทั้งคู่พลางบอก
“เจ้านาย?”
แม่นางทอผ้ากับชยนต์ยืนนิ่งอยู่กับที่
“ทำไม พวกนายไม่ฟังคำสั่งฉันแล้ว?”
“ไม่กล้า!”
ชยนต์กับแม่นางทอผ้าตอบพร้อมกัน
“งั้นก็ดี” รพีพงษ์พูดต่อ “พวกนายพาอารียากับศักดาและไอ้อ้วนที่นอนสลบที่พื้นไปหาชุติเทพนั่นให้เร็วที่สุด”
“รับทราบ!”
ระหว่างพูด ชยนต์จับศักดาและไอ้อ้วนพาดไหล่ข้างละคน
“รพีพงษ์”
สายตาอารียาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
ศักดารอดตายมาได้ฉิวเฉียด เธอยิ่งไม่อยากให้รพีพงษ์เกิดเรื่อง
“วางใจเถอะ รีบไปหาชุติเทพ ช่วยคนสำคัญกว่า” รพีพงษ์บอก
อารียาพยักหน้า
“ฉันพาคุณไป จะได้เร็วหน่อย” แม่นางทอผ้ายิ้มละไมบอกอารียา
ไม่รออารียาได้สติกลับมา แม่นางทอผ้าจับมืออารียาและหายตัวไปทางประตูทันที
ทางนี้ชยนต์พาดร่างผู้ชายสองคนไว้บนไหล่ หนึ่งในนั้นยังเป็นคนอ้วน แต่กลับเหาะตามแม่นางทอผ้าไปติดๆอย่างสบายๆ
“จะหนี ไม่มีทาง!”
โจซี่จะรีบตามไปสกัด เธอรู้ดีว่า อยากจะควบคุมรพีพงษ์ ต้องควบคุมอารียาให้ได้ก่อน
จากนั้นแสงสีทองวาบขึ้น มังกรไฟปราดเข้ามาผลักเธอให้ถอยกลับไป
พอเธอคิดจะตามอีกครั้ง ชยนต์กับแม่นางทอผ้าก็ไปไกลแล้ว
“คู่ต่อสู้ของแกคือฉัน” รพีพงษ์พูดเสียงเย็นชา
“เหอะเหอะ ก่อนนี้สามรุมหนึ่ง พวกแกอาจมีแววชนะบ้าง ตอนนี้โอกาสรอดของแกเป็นศูนย์” โจซี่บอกเสียงเบา
“แกผิดแล้ว” รพีพงษ์ส่ายหัว ยืนตัวตรง พลังแผ่ซ่านออกมาจากร่าง
ด้านหลังเขา มีกระบี่สยบเซียนสีทองโผล่ออกมา
หลังจากผ่านการผสานกับจอมมารชูรา กระบี่สยบเซียนทอประกายเหลืองทอง ดูมีราศีกว่าเมื่อก่อนมากนัก
รพีพงษ์จับกระบี่สยบเซียนไว้มั่น พลังดูจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก
ฆ่าแก ฉันคนเดียวก็พอ!
สายตาโจซี่เริ่มจริงจังขึ้นมา สำหรับกระบี่สยบเซียนในมือรพีพงษ์ เธอออกจะหวั่นๆใจ
วิชามังกรเลื้อย!
รพีพงษ์ใช้ท่าไม้ตายอีกครั้ง
เทียบกับดาบที่ตัวเองสร้างออกมาเองเมื่อกี้ ตอนนี้ พอรพีพงษ์เปลี่ยนเป็นกระบี่สยบเซียน กระบี่มังกรเลื้อย ดูแข็งแกร่งกว่าเมื่อกี้หลายเท่า
อาวุธเทพ เป็นสิ่งที่นักสู้ทุกคนวาดฝันไว้ ยิ่งไปกว่านั้น กระบี่สยบเซียนยังเป็นอาวุธชั้นเลิศที่ร่วมกันสร้างโลกมากับจอมมารชูรามาเป็นหลายร้อยปีแล้วด้วย
มังกรสีทองเก้าตัว ว่ายวนไปทั่วห้องโถง โจซี่ไม่มีทางหนีเลยแม้แต่น้อย
“เหอะ แกคิดว่าแบบนี้ก็จะขังฉันไว้ได้แล้ว!ฝันไปเถอะ!”
โจซี่ขยับตัว เร็วจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
นี่เป็นความเร็วของครึ่งแดนเทพหรือไง?
โชคดีที่รพีพงษ์มีพลังจิตวิญญาณเทพ เขาในตอนนี้สามารถควบคุมจิตวิญญาณเทพจนครอบคลุมทั้งห้องโถงแล้ว
“จิตวิญญาณเทพผสมผสาน!”
รพีพงษ์ระเบิดเสียง เขาที่ปลุกจิตวิญญาณเทพได้แล้ว ตอนนี้ยิ่งสามารถใช้มันได้ทุกที่
แน่นอน สำหรับรพีพงษ์ในตอนนี้ มันใช้แรงมาก ไม่สามารถคงสภาพอยู่ได้นานเกินไป
แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้น รพีพงษ์ก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้ว
เขาใช้จิตแข็งแกร่งของตนเอง และบังคับแบ่งจิตวิญญาณของตนออกเข้าไปในตัวมังกรทองสี่ตัว
นี่เป็นขีดจำกัดของรพีพงษ์ในตอนนี้แล้ว
ทางนี้โจซี่ใช้ประโยชน์ความคล่องตัวของตนขยับอย่างรวดเร็ว ตอนเพิ่งเริ่ม มังกรทองเก้าตัวคลุมทั่วทั้งห้องโถง แต่เธอที่มีพลังแดนเทพครึ่งหนึ่งมักจะหลบหลีกการโจมตีได้อย่างง่ายดาย
แถมทุกวินาที โจซี่ก็จะเข้าใกล้รพีพงษ์มากขึ้นหนึ่งเมตร
“รพีพงษ์ แกนี่อัจฉริยะจริงๆเลย แต่ความแตกต่างระหว่างแกกับฉันมันมากเกินไปจริงๆ ในสายตาฉัน แกมันก็แค่มดตัวหนึ่งเหมือนเดิม!”
โจซี่พูดเสียงดัง รวมพลังไว้ในมือ เธอจะโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของตัวเอง!
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
ทันใดนั้น โจซี่พบว่า ระหว่างมังกรทองทั้งเก้าตัว มีมังกรทองสี่ตัวคอยตามติดเธอไม่ลดละ
ไม่ว่าเธอจะขยับตัวเร็วแค่ไหน สี่ตัวนี้ก็ตามเธอทันเสมอ แถมยังสกัดกั้นทางที่เธอจะเข้าหารพีพงษ์ไม่เหลือเลย
“หมอนี่เล่นแบ่งจิตวิญญาณเทพผสานกับมังกรทอง และใช้ประโยชน์จากจิตวิญญาณเทพมาสะกดรอยฉันทุกทางหรือเนี่ย?”
โจซี่ได้สติกลับมา เพียงแต่ว่าความเร็วของเธอเป็นพลังของแดนเทพครึ่งหนึ่ง ต่อให้จิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ไม่ธรรมดา แต่จะตามโจมตีเธอได้ทันเวลา ต้องใช้พลังจิตแกร่งกล้าแค่ไหนกันเนี่ย!
“หมอนี่ดูจะปลุกจิตวิญญาณเทพสำเร็จแล้ว!” โจซี่แอบคิดในใจ จากนั้นสายตาเริ่มทอประกายอาฆาต
จะเก็บหมอนี่ไว้ไม่ได้! เกิดให้มันพัฒนาต่อไป ต้องเป็นหอกข้างแคร่ตัวใหญ่ของทวีปโอชวินและคอยขัดขวางแผนการทั้งหมดของทวีปโอชวินแน่!
สามนาทีผ่านไป มังกรทองสี่ตัวไล่ต้อนโจซี่จนชิดมุมห้อง
กระบี่สยบเซียนส่งเสียงสนั่นออกมา และพุ่งแทงโจซี่
สำหรับกระบี่เทพนี่ โจซี่ไม่สบายใจเอาซะเลย
กระบี่สยบเซียน กระบี่แกร่งกล้า ไม่ว่าเทพมารที่ไหนล้วนพ่ายแพ้ใต้คมดาบ!
“ไปตายซะ!”
รพีพงษ์ตะคอกดัง พลังขึ้นถึงขีดสุด
“ฝ่ามือแผ่เมฆ!”
โจซี่ซัดฝ่ามือคู่ออกไป พลังปะทะรุนแรงเข้าใส่มังกรทอง
มังกรทองเก้าตัวรวมกันอ้าปากกว้างพุ่งเข้าหาโจซี่
บรึ้ม!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวจากในห้องโถง พื้นที่ทุกตารางนิ้วลอยตัวขึ้น ฝุ่นคลุ้งกระจาย
เธอ…ตายหรือยัง?
รพีพงษ์ย่อตัวกึ่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น คิดอย่างสงสัย