พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1196 ระดับต้นแดนเทพ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1196 ระดับต้นแดนเทพ
พอฝุ่นเริ่มจางลง จิตของรพีพงษ์ก็เริ่มฟื้นฟูกลับมาหน่อย
เขาลุกขึ้นยืน สายตาคมปลาบมองไปด้านหน้า
จากนั้น นอกจากรูโหว่ขนาดใหญ่ที่กำแพงตรงกันข้ามสองสามอันก็ไม่มีแม้แต่เงาของโจซี่เลย
กระบี่สยบเซียนโดนเก็บเข้าที่ รพีพงษ์เดินไปข้างหน้าสองก้าว ก่อนปล่อยจิตวิญญาณเทพของเขาปกคลุมทั่วทั้งห้องโถง
จากนั้น ทั่วทั้งห้องโถงไม่มีใครอื่นเลย รพีพงษ์เองจับกระแสจิตโจซี่ไม่ได้เลยด้วย
“หรือว่า หล่อนจะกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว?”
รพีพงษ์คิดพลางเดินไปที่กำแพงฝั่งตรงข้าม
ทันใดนั้นเขาหันหัวกลับมาอย่างรวดเร็ว
ภายใต้จิตวิญญาณเทพ เขารับรู้จิตได้ว่ามีคนอยู่ด้านหลัง
“เหอะเหอะ รพีพงษ์ แกเก่งมากจริงๆ แต่ถ้าคิดว่าแค่นี้จะฆ่าฉันได้ล่ะก็ ดูจะดูถูกฉันไปหน่อยแล้วล่ะ”
ด้านนอกห้องโถง เสียงโจซี่ลอยมา ใบหน้าเธอเผยรอยยิ้มซึ่งมีเลือดสดไหลจากมุมปาก
เห็นได้ชัดว่า การปะทะกันเมื่อกี้ทำเอาบาดเจ็บไม่น้อยเลย
“ฝีมือแกเองก็ไม่เลว”
รพีพงษ์พูดเสียงเย็นชา เขารวบรวมสติ เตรียมรับศึกยกต่อไป
จิตวิญญาณเทพของเขาพึ่งจะผสานกับมังกรทอง ซึ่งเขาใช้มันไปกว่าครึ่งแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้เป็นศึกที่ยากที่สุดเท่าที่รพีพงษ์เคยเจอมาเลย
แต่รพีพงษ์กลับตั้งตารอคอยมาก เพราะทุกการต่อสู้กับคู่ต่อสู้เก่งๆ นอกจากจะช่วยเพิ่มประสบการณ์การต่อสู้แล้ว ยังช่วยเพิ่มพูนระดับแดนของตนได้เร็วมากด้วย
“ที่นี่เล็กเกินไป แสดงพลังได้ไม่เต็มที่ ลูกเขย ถ้าเก่งก็ออกมาสู้กับแม่ข้างนอก” โจซี่ยิ้มกระเซ้าบอก
“ตามสบาย”
รพีพงษ์ตอบรับเสียงเย็นชา “ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ผลก็เหมือนกัน คนทวีปโอชวินต้องตาย!”
ต้องฆ่าคนทวีปโอชวินนี่ไม่เพียงเป็นสิ่งที่รพีพงษ์คิดอยู่ในใจ แต่เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของเขาด้วย!
คนฉลาดไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ สำหรับฐานะของอีกฝ่าย ทั้งโจซี่กับรพีพงษ์ต่างรู้ดีแก่ใจด้วยกันทั้งคู่
“ดี ถ้าแน่จริงก็ตามฉันมา!”
ระหว่างพูด โจซี่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย หมุนตัววิ่งออกไปข้างนอก
รพีพงษ์รีบตามไป ภายในไม่กี่อึดใจ ทั้งคู่ก็ออกมาถึงพื้นที่รกร้าง
“นี่ ที่นี่กว้างพอละ เล่นเป็นเพื่อนแกได้ละ พ่อลูกเขย” โจซี่ยืนอยู่บนพื้นหญ้า พูดเสียงเรียบ
รพีพงษ์กวาดตามองรอบด้าน จิตวิญญาณเทพแผ่ซ่านกระจายไปในระยะห้าลี้ ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ
“จริง” รพีพงษ์มองโจซี่ด้วยสายตาราบเรียบ “ที่นี่ทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงาม มีทั้งน้ำและภูเขา เหมาะจะทำเป็นสุสานให้แกมากเลย!”
“ไอ้เด็กบ้า กล้าหัวเราะเยาะฉัน!”
โจซี่พูดอย่างโกรธแค้น สถานที่ที่ตนเลือกนี่กลับโดนหาว่าจะเป็นสุสานตน หมอนี่อวดดีมากไปไหม!
“พูด คนทวีปโอชวินอย่างพวกแกมาที่นี่ มีเป้าหมายอะไรกันแน่!” รพีพงษ์ชี้ไปที่โจซี่พลางว่า
โจซี่ไม่โกรธกลับยิ้ม “ไอ้เด็กบ้า แกพูดจาแบบนี้กับแม่ยายแกหรือไง?”
“แม่ยาย? เหอะ ถึงฉันจะไม่แน่ใจว่าแกมาทำอะไรที่บ้านลัดดาวัลย์เรา แต่ในฐานะคนทวีปโอชวินอย่างแก ในเมื่อกล้ามาที่นี่ ก็ต้องตายเท่านั้น!” รพีพงษ์บอก
โจซี่เดินไปเดินมาหลายก้าว ดูไม่แคร์เท่าไหร่ “แกเผยไพ่ตายออกมาหมดแล้ว ถ้าฉันเดาไม่ผิด พลังจิตวิญญาณเทพของแกน่าจะเสียหายไม่น้อยล่ะสิ เป็นยังไง แกคิดว่าตอนนี้แกยังพูดกับฉันแบบนี้ได้หรือไง?”
“ไพ่ตาย?”
รพีพงษ์ยิ้มมุมปาก “ในเมื่อเป็นไพ่ตาย จะให้แกเห็นได้ไงล่ะ?”
ระหว่างพูด พลังในตัวรพีพงษ์เริ่มแล่นพล่าน พลังเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
“นี่…เป็นไปได้ยังไงกัน?”
โจซี่ตกใจมาก ก่อนจะหรี่ตามองรพีพงษ์เขม็ง “ที่แท้เจ้าเด็กนี่มีวิชาลับเพิ่มพลังระยะหนึ่ง”
ศึกนี้เป็นการเผชิญหน้าคนทวีปโอชวินครั้งแรกหลังได้รับสืบทอดจิตวิญญาณมารชูรามา
ตั้งแต่ตอนอยู่ในทะเลสาบแล้วที่รพีพงษ์รับปากจอมมารว่า จะทำลายล้างคนทวีปโอชวินที่กล้ามาโลกทุกคน โดยไม่แคร์ว่าจะสละชีวิตตนหรือไม่
การผสมผสามวิชาลับ ทำให้พลังรพีพงษ์พุ่งขึ้นถึงระดับครึ่งแดนเทพ
จากนั้น รพีพงษ์รู้สึกว่ามีพลังไร้รูปร่างในตัวคอยพยุงร่างกายตนไว้
เขาที่เป็นร่างเทพชูราแล้ว พลังที่ร่างเนื้อสามารถทานรับไว้เพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนไม่รู้เท่าไหร่
ขาที่ก้าวเท้าเข้าแดนเทพไปครึ่งก้าวแล้ว รู้สึกว่ามันยังไม่พอ
พลังเพิ่มขึ้นไม่หยุดหย่อน รพีพงษ์กัดฟันอดทน
ต้นไม้รอบข้างโดนขุดรากถอนโคนภายใต้บรรยากาศแบบนี้ ต้นหญ้าต่างๆลอยปลิวกันว่อน!
รพีพงษ์ส่งเสียงหวีดยาว
ระดับต้นแดนเทพ!
ถ้าการก้าวเท้าเข้าแดนครึ่งดั่งเทพคือสูงกว่าระดับสุดฮั่วจิ้งขึ้นมาหน่อย ถ้าอย่างนั้นระดับต้นแดนเทพก็ถือเป็นการเข้าสู่แดนเทพจริงๆ
พลังจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ฟื้นฟูขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เขากำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว จนสามารถรับรู้ถึงพลังมหาศาลของตนได้อย่างชัดเจน
“นี่คือพลังแดนเทพหรือเนี่ย? รู้สึกดีชะมัดเลย!”
รพีพงษ์แอบร้องในใจอย่างลิงโลด สายตาดูชัดเจนขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนัก
“ระดับต้นแดนเทพ!”
สายตาโจซี่เริ่มเครียดขึ้นมา
วิชาลับมีผลต่อการเพิ่มพลังของรพีพงษ์มากขนาดนี้ มันเป็นสิ่งที่โจซี่คาดไม่ถึงเลย
“แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ฉัน ยอมแพ้เถอะ!”
มือถือกระบี่สยบเซียนแน่น รพีพงษ์ขมวดคิ้วเกร็ง น้ำเสียงเข้มแต่นุ่มขรึมมาก
“แกนี่ จะอวดดีเกินไปแล้วนะ!”
โจซี่กัดฟันพูด
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นแกก็ไปตายซะเถอะ”
กระบี่สยบเซียนปล่อยออกมา ทอประกายแสงไปไกลมาก
ในเวลาเดียวกัน พลังจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ปกคลุมไปทั่วทั้งภูเขาและแม่น้ำ
โจซี่ขยับตัวอย่างรวดเร็ว อยากจะหนี ทันใดนั้น ปรากฏของสีดำทะมึนกลางท้องฟ้า
นั่นไม่ใช่เมฆดำ แต่เป็นหินก้อนใหญ่ของภูเขาและแม่น้ำ!
ภายใต้การขับเคลื่อนของพลังจิตวิญญาณเทพ แผ่ซ่านไปทั่ว สุดท้ายมารวมกันเหนือหัวโจซี่ปกปิดท้องฟ้ามืดมิด!
“ปล่อย!”
รพีพงษ์สั่งการออกมา ก้อนหินทั้งหมดร่วงหล่นใส่หัวโจซี่ทันที
กระบี่สยบเซียนแทงเข้าที่หน้าอกอย่างจัง
วิชามังกรเลื้อย!
ท่าไม้ตายรพีพงษ์ปล่อยออกมาหมดไปทุกทิศทาง
มังกรทองเก้าตัวขดตัวรายล้อมรอบตัวรพีพงษ์ รพีพงษ์ที่มีพลังจิตวิญญาณเทพพุ่งเข้าหาโจซี่อย่างไม่เกรงกลัว
รพีพงษ์เชื่อท่านี้ต้องฆ่าได้แน่!
เข้าแดนครึ่งดั่งเทพกับระดับต้นแดนเทพ ระดับมันห่างกันเกินไป ฝีมือก็ห่างกันราวฟ้ากับเหว
ดูจากคุณสมบัติแล้ว นี่เป็นก้าวแรกที่มนุษย์จะเปลี่ยนเป็นเทพ แต่ก็เป็นก้าวที่ยากที่สุด
มีบางคนใช้ทั้งชีวิตก็ไม่สามารถก้าวผ่านเข้าแดนเทพได้
ภายใต้แรงกดดัน สองขาของโจซี่ติดตรึงอยู่ในรอยเท้าหนักๆบนพื้น เสื้อผ้าเธอฉีกขาดจนได้เลือด
“ไปตายซะ! โลกของพวกเราไม่ใช่ที่ที่แกจะมาทำอะไรก็ได้!” รพีพงษ์ออร่าแผ่กระจาย
พอเห็นโจซี่ทำท่าจะรับไม่ไหว มุมปากเธอก็มีเลือดไหลออกมามากขึ้นกว่าเดิม
แต่ในตอนที่จะเอาชีวิตเธอ รพีพงษ์ค้นพบอย่างน่าตกใจว่า สีหน้าโจซี่ไม่ได้มีร่องรอยตื่นเต้นอะไร กลับเป็นรอยยิ้มหยัน
“น่าสนุกดี สามารถบีบฉันจนถึงขั้นนี้ได้ ถือว่าแกเก่งมาก แต่ว่า…พอแค่นี้แหละ” โจซี่พูดเสียงเบา ยาเม็ดสีทองหนึ่งเม็ดปรากฏขึ้นมาในมือ และเข้าปากเธออย่างรวดเร็ว