พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1199 ธีรพัฒน์ลงมือ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1199 ธีรพัฒน์ลงมือ
“น่าเสียดายนะ บนโลกจนถึงตอนนี้น่ะยังไม่มีใครทำยาชั้นเทพออกมาได้เลย” พอพูดถึงตรงนี้ ธีรพัฒน์อดรู้สึกเสียใจไม่ได้
“ผู้อาวุโสไม่ต้องเสียใจไปหรอกครับ ผมเชื่อว่า ประเทศจีนกว้างใหญ่ขนาดนี้ ต้องมีคนแบบนี้แน่” รพีพงษ์บอก
ธีรพัฒน์พยักหน้า ยิ่งมองชายหนุ่มตรงหน้ายิ่งชอบ
“ใช่ ผมเสียใจ ประเทศจีนของเราคงอยู่ยาวนานมาหลายพันปี ทุกครั้งที่เจอปัญหา มักจะมีคนกระโดดออกมาสู้มัน!” ธีรพัฒน์บอก
รพีพงษ์พยักหน้า สองมือกอดอก “ผู้อาวุโส ผมต้องไปก่อนละ พ่อตากับไอ้อ้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส แถมอารียายัง…”
“อารียา? ภรรยาคุณล่ะสิ เธอทำไมหรือ?” ธีรพัฒน์ถาม
รพีพงษ์เล่าเรื่องอารียาโดนพิษยาเปลี่ยนวิญญาณให้กับธีรพัฒน์
“ยาเปลี่ยนวิญญาณ?” ธีรพัฒน์ขมวดคิ้วแน่น “พอพิษยาชนิดนี้กำเริบ ฤทธิ์มันจะแรงมาก ใครก็ช่วยไม่ได้”
รพีพงษ์ได้ยินธีรพัฒน์พูดแบบนี้ ในใจอดเศร้าไม่ได้
ธีรพัฒน์เห็นโลกมามาก ความรู้กว้างไกล เขายังพูดแบบนี้ เห็นได้ชัดว่ายาเปลี่ยนวิญญาณมีฤทธิ์ร้ายแรง
แค่ไหน
“ไป อย่ารอช้าเลย คุณรีบพาผมไป บางทีผมอาจจะพอช่วยอะไรได้” ธีรพัฒน์บอก
รพีพงษ์พยักหน้า รีบเคลื่อนตัว
ชุติเทพอยู่ที่เกียวโต
อารียาสีหน้าร้อนรน
บนเตียงคนป่วย ไอ้อ้วนกับศักดานอนอยู่ตรงนั้น
ดูแล้วอาการไอ้อ้วนจะดีขึ้นหน่อย เพราะเป็นยอดฝีมือลมปราณ พอได้พักผ่อนซะหน่อย เขาก็ได้สติกลับมา
“ไอ้หยา พี่สะใภ้ แม่เลี้ยงพี่นี่ลงมือหนักไปแล้วนะ!” ไอ้อ้วนพูดอย่างเจ็บปวด
“พูดน้อยๆหน่อย แกได้รับบาดเจ็บที่อวัยวะภายใน กินยาชามนี้ลงไปจะช่วยฟื้นฟูอวัยวะภายในของแก” ชุติเทพบอก
ไอ้อ้วนรับยามา เบ้ปากบ่น “ยาชามนี้ดำมืดเชียว กินได้แน่หรือเนี่ย?”
“เหอะ แกนี่พูดจาไม่ดีเลยนะ ยาที่อาจารย์ฉันปรุงขึ้นมาแกยังกล้าเบ้ปากใส่อีก? ไม่กินก็เอามา! ตายขึ้นมาก็สมน้ำหน้า!” เจสสิก้าเบ้ปากบอก
“ผมก็แค่บ่นเท่านั้นเอง ไม่ได้บอกไม่กินซะหน่อย”
ไอ้อ้วนโอดครวญ ก่อนกลั้นใจดื่มไปหนึ่งอึก แทบจะอาเจียนเอาชาติก่อนชาตินี้ออกมาเลยทีเดียว
“นี่…ขมชะมัดเลย” ไอ้อ้วนขมวดคิ้วเบ้ปาก
“ถ้าแกไม่อยากพรุ่งนี้หลอดเลือดแตกตาย ก็กินซะ” ชุติเทพพูดอย่างเย็นชา
“เอ่อ….” ไอ้อ้วนสีหน้ากล้ำกลืนฝืนทน ยามันขมเกินไปแล้ว
“เอ้า เอานี่ไป น่าจะดีขึ้นหน่อย”
เจสสิก้ายื่นมือให้ไอ้อ้วน
“ลูกอมกระต่ายยักษ์?”ไอ้อ้วนบอกอย่างดีใจ
โยนลูกอมเข้าไป บางทีอาจทำให้ไม่ขมขนาดนั้นแล้วก็ได้
ใบหน้าไอ้อ้วนยิ้มละไม ก่อนนี้ยังเถียงคอเป็นเอ็น ไม่คิดว่าจะใจดีขนาดนี้
หรือว่าเธอชอบฉันแล้ว?
ไอ้อ้วนแอบคิดในใจ แต่เจสสิก้ากลับทำลายความคิดนี้ของเขาอย่างรวดเร็ว
“ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่านายสนิทกับรพีพงษ์ ฉันไม่สนใจนายหรอก” เจสสิก้าเบ้ปากบอก
พูดถึงรพีพงษ์ อารียาสีหน้าเป็นกังวลมาก
คิดๆดูแล้ว ผ่านไปหลายชม.แล้ว แต่รพีพงษ์ยังไม่กลับมาเลย
“รพีพงษ์ นายต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะ!” อารียาภาวนาในใจ
ในที่สุดไอ้อ้วนก็ดื่มยาชามนี้หมด “มีลูกอมกระต่ายยักษ์ อยู่ด้วย ดูเหมือนจะกล้ำกลืนไม่ยากเท่าไหร่“อาการไอ้อ้วนไม่เท่าไหร่ ขอแค่ดื่มยาตามเวลาทุกวัน อีกสามเดือนก็กลับเป็นปกติละ” ชุติเทพบอก
“เพียงแต่ว่า พ่อของเธอ…” ชุติเทพหันไปมองทางศักดาที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าลำบากใจ
“หมอชุติเทพ หมอช่วยเขาได้ไหม? ทุกคนรู้กันดีว่า คุณเป็นหมอชื่อดังของประเทศจีน ไม่มีคนไข้ที่คุณรักษาไม่ได้” อารียาบอก
“พ่อคุณบาดเจ็บสาหัสมาก เกินกว่าที่วิชาแพทย์ของผมจะรักษาได้ พูดตามตรงนะ ที่เขานอนอยู่นี่แทบไม่ต่างกับคนตายแล้ว เพียงแต่ยังมีลมหายใจอยู่เท่านั้น ผมคิดว่าอีกไม่เกินสิบนาที ลมหายใจของเขาคงขาดลง” ชุติเทพบอก
พอได้ยินอย่างนี้ อารียาน้ำตารื้นขึ้นมาทันที
ต่อให้ศักดาไม่ใช่พ่อแท้ๆของเธอ แต่อยู่ด้วยกันมายี่สิบกว่าปี จะบอกว่าไม่มีความผูกพันเลยมันเป็นไปไม่ได้หรอก
“คุณหนูอารียา ทำใจเถอะครับ ผม…ช่วยไม่ได้จริงๆ” ชุติเทพบอก
ในฐานะเพื่อนของรพีพงษ์ ชุติเทพต้องทำการช่วยเหลือสุดความสามารถแน่ๆ แต่ที่ศักดาโดนคือฝ่ามือของยอดฝีมือฮั่วจิ้งชั้นสูงสุด มันไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะรับได้เลย
การที่ยังหลงเหลือลมหายใจอยู่นี่ ต้องบอกเลยว่าร่างกายศักดาแข็งแรงมากจริงๆ
ในตอนที่ทุกคนเริ่มเศร้า มีเสียงคนแก่คนหนึ่งดังเข้ามา
“ให้ผมดูหน่อยละกัน”
ทุกคนหันกลับไปมองนอกประตู แต่ไม่เห็นร่างใครเลย
ผ่านไปหนึ่งนาที รพีพงษ์กับธีรพัฒน์ก็มาถึง
“รพีพงษ์!” พอเห็นรพีพงษ์โผล่มา อารียาทนไม่ไหว โดดเข้าอ้อมกอดรพีพงษ์ทันที
“วางใจเถอะ อารียา ผมไม่เป็นไร ผมกลับมาแล้ว”
รพีพงษ์กอดปลอบพลางลูบหลังอารียา
เดิมเห็นรพีพงษ์มา เจสสิก้าจะเข้าไปทักทาย พอเห็นฉากอารียากับรพีพงษ์ เธอเลยไม่กล้าเข้าไปทักแล้ว
“คนนี้คือ?” ชุติเทพมองไปทางธีรพัฒน์พลางเกริ่นถาม
พอเขาเห็นออร่าไม่ธรรมดาของธีรพัฒน์ ก็รู้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา
“ผมธีรพัฒน์ พอรู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง รพีพงษ์วานผมมาดูหน่อย” ธีรพัฒน์บอก และเดินมาข้างเตียงศักดา
มือหนึ่งวางจับชีพจรข้อมือศักดา ธีรพัฒน์หลับตาลงรับรู้อาการบาดเจ็บในตัวศักดา
“ผู้อาวุโส พ่อฉันยังมีทางรักษาไหมคะ?” อารียาถาม
ธีรพัฒน์ไม่ได้พูดอะไร ยังคงหลับตาแน่น
“ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งหรือเปล่า อาจารย์ฉันยังบอกไม่มีทางเลย แล้วเขามี?” เจสสิก้าเบ้ปากบ่น
“เจสสิก้า อย่าเสียมารยาท!” ชุติเทพบอก
อีกด้าน รพีพงษ์รู้ฝีมือธีรพัฒน์ดี ในเมื่อเขารับปากว่าจะช่วย เขาต้องมีทางแน่
สามนาทีผ่านไป ธีรพัฒน์ถึงลืมตาขึ้น และเงยหน้าช้าๆ
“ปัญหาไม่ใหญ่ แค่ต้องพักผ่อนมากๆ หนึ่งเดือนให้หลังก็ลงจากเตียงได้แล้ว”
“อะไรนะ? พักผ่อนให้มาก?”
คราวนี้แม้แต่ชุติเทพยังอึ้งลุกขึ้นเลย
อาการศักดาเห็นได้ชัดว่าลมหายใจอ่อนมาก ใกล้จะหมดลมหายใจอยู่รอมร่อแล้ว จะพักผ่อนมากๆได้ยังไง?
เพราะพวกเขาเห็นแค่ธีรพัฒน์จับชีพจรศักดา แต่ไม่รู้กันเลยว่า ในระหว่างที่จับชีพจรนั่น ธีรพัฒน์ได้ถ่ายทอดปราณทิพย์เข้าไปรักษาอาการบาดเจ็บของศักดาในตัวด้วย
รพีพงษ์รู้สึกได้ ไม่เพียงแค่นี้เขายังรู้สึกได้ว่าธีรพัฒน์รักษาวิชาพิษกู่ในตัวศักดาก่อนหน้านี้ออกไปด้วย
“ฉันสงสัยว่าคุณกำลังหลอกพวกเราหรือเปล่า คุณไม่ได้ใช้ยาอะไรเลย เขาจะอาการดีขึ้นได้ยังไง?” เจสสิก้าเดินเข้ามาพูด
ธีรพัฒน์บอกยิ้มๆ “หนูน้อย เรื่องบางเรื่องเธอยังไม่สามารถเข้าใจได้ ไว้รอโตแล้วจะเข้าใจเองนะ”
“หนูน้อยอะไร ฉันเกินสิบแปดแล้วนะ” เจสสิก้าเถียงอย่างไม่ยอม
ธีรพัฒน์ยิ้มไม่ต่อความ
ถ้าให้เจสสิก้ารู้ว่า ตัวเขาอยู่มาสองร้อยกว่าปีแล้ว เจสสิก้าคงตกใจตัวสั่นแน่
“ฮึ รพีพงษ์ นายหาใครมาน่ะ ทำไมชอบพูดจาโอ้อวดเหมือนนายเลย” เจสสิก้าพูด
“ผมไม่เคยพูดโอ้อวด” รพีพงษ์พูดเสียงขรึม “ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็เข้าไปจับชีพจรศักดาตรวจดูสิ”
“จับก็จับสิ”
เจสสิก้าเถียงคอเป็นเอ็น
พอเธอยื่นมือจับชีพจรศักดาจริงๆ ก็อุทานอย่างตกใจออกมาว่า “อาจารย์ นี่…เขารอดแล้ว!”