พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1200 ตั้งใจพักผ่อน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1200 ตั้งใจพักผ่อน
“นี่…เป็นไปได้ยังไงกัน?”
ชุติเทพอุทานอย่างตกใจ
ถึงจะบอกว่าเจสสิก้าเป็นลูกศิษย์ที่ตนภูมิใจ ต่อไปตนเองก็จะถ่ายทอดวิชาทั้งหมดให้กับเธอ
แต่ตอนนี้ชุติเทพกลับไม่เชื่อคำพูดของเจสสิก้าเลยสักนิด
ทั้งๆที่ก่อนนี้ศักดานอนหายใจรวยรินแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เขาจะตายในไม่กี่นาทีต่อไป
สำหรับการวินิจฉัยของตนเองก่อนหน้านี้ ชุติเทพไม่เคลือบแคลงใจเลยสักนิด
“จริงๆนะอาจารย์ ถ้าไม่เชื่อ อาจารย์มาดูเองสิ!” เจสสิก้าพูด
ชุติเทพเดินขมวดคิ้วมาที่ข้างตัวศักดา
“ถึงชีพจรจะยังอ่อนอยู่ แต่เต้นเป็นจังหวะ แถมยังดูจะแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ นี่…เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?”
ชติเทพบ่นพึมพำ “ผมเป็นหมอมาหลายสิบปี รู้จักหมอมีชื่อมากมายนัก ยังไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย”
เขาหันมองผู้อาวุโสที่ยืนข้างรพีพงษ์อีกครั้ง สายตาเลื่อมใสมาก
“ผู้อาวุโส ขอถามหน่อยนะครับว่าคุณใช้วิธีอะไร ขอความกรุณาสอนผมด้วยครับ!”
ชุติเทพคารวะให้ธีรพัฒน์อย่างเคารพขั้นสุด
สำหรับการคารวะครั้งนี้ ธีรพัฒน์สมควรได้รับมัน
“วิชาการแพทย์ของคุณถือว่าสุดยอดแล้วในทศวรรษนี้ ส่วนวิธีการของผม มันไม่ใช่อะไรที่คุณจะเข้าใจได้หรอก” ธีรพัฒน์พูดเสียงเรียบ เหมือนจะปฏิเสธคำขอร้องของชุติเทพ
รพีพงษ์ที่ยืนอยู่อีกด้านกลับเข้าใจความหมายของธีรพัฒน์ได้ดี
วิชาแพทย์ของชุติเทพเอามาใช้ช่วยประชาชนพอแล้ว แต่เขาเป็นมนุษย์ธรรมดา เรื่องการฝึกตนนี่ไม่ใช่อะไรที่เขาจะเข้าใจและควบคุมได้หรอก
“ผู้อาวุโสธีรพัฒน์” รพีพงษ์หันไปมองธีรพัฒน์ “คุณช่วยดูภรรยาผมหน่อย อาการเธอ…”
ธีรพัฒน์พยักหน้า ช่วยอารียา เป็นเป้าหมายสำคัญวันนี้ในการมาที่นี่ของเขา
“หนูน้อย นั่งเถอะ ให้ผมตรวจคุณหน่อยนะ”
ธีรพัฒน์พูด
อารียาดึงแขนเสื้อขึ้น ธีรพัฒน์ตรวจชีพจรเธอ
ในพริบตา อารียารู้สึกถึงความอบอุ่นสายหนึ่งแล่นปราดจากจุดชีพจรเข้าสู่ร่างกายตน ทำให้เธอรู้สึกสบายมาก
หันกลับมามองธีรพัฒน์ ตอนนี้เขาคิ้วขมวดมุ่น สีหน้าดูเคร่งเครียดกว่าตอนตรวจศักดามากนัก
“อาจารย์? หรือว่าภรรยารพีพงษ์ก็บาดเจ็บหรอ? แต่ก่อนหน้านี้ที่พวกเราดู ก็ดูไม่ออกนี่นา” เจสสิก้ากระซิบถามข้างๆ
สายตาชุติเทพเคร่งเครียด “จริง คุณอารียาดูแล้วเหมือนคนปกติไม่ผิดเพี้ยน แถมยังดูแข็งแรงมาก เพียงแต่ดูจากสีหน้าผู้อาวุโสแล้ว ดูท่าอาการบาดเจ็บของคุณอารียาจะเป็นอะไรที่พวกเราไม่รู้น่ะสิ”
เจสสิก้าพยักหน้า หลังจากรู้ซึ้งถึงวิธีเทพของธีรพัฒน์แล้ว เธอเลื่อมใสในตัวคุณปู่เคราขาวคนนี้มากเลย
วิชาการแพทย์ล้ำลึกดุจทะเลลึกจริงๆ
เจสสิก้าทอดถอนใจ
ในเวลานี้คนที่ตื่นเต้นที่สุดคือรพีพงษ์
“ผู้อาวุโส ไม่รู้ว่าพิษของยาเปลี่ยนวิญญาณในตัวอารียา คุณจะสามารถแก้ได้ไหม” รพีพงษ์ถาม
ธีรพัฒน์ลืมตาขึ้นมามองรพีพงษ์ “แปลก ในตัวเธอเหมือนมีปราณทิพย์ชนิดหนึ่งอยู่ ปราณทิพย์ชนิดนี้สามารถบังคับพิษของยาเปลี่ยนวิญญาณได้ ยกเว้นแต่ว่าเธอเองก็ฝึกพลังวิเศษเสนด้วย?”
รพีพงษ์ส่ายหน้าอธิบายว่า “เธอเป็นแค่คนธรรมดา ผมคิดว่า ปราณทิพย์ที่เหลือในร่างน่าจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้กินไม้เทพเข้าไปนิดหน่อยล่ะมั้ง”
“ไม้เทพ!”
สำหรับเรื่องนี้ ธีรพัฒน์รู้ดีกว่าใคร เพราะผลของไม้เทพ เขาถึงฝึกจนมีร่างได้
“แบบนี้ก็ดีละ” ธีรพัฒน์พูดอย่างมั่นใจ
“ผู้อาวุโสสามารถแก้พิษได้?” รพีพงษ์รีบถาม ชุติเทพและเจสสิก้าที่ยืนอยู่อีกข้างมีสีหน้ามึนงง
พลังวิเศษเสน ไม้เทพ?
พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อพวกนี้มาก่อนเลย
ชุติเทพมองไปทางรพีพงษ์พลางส่ายหน้าอย่างหน่ายใจ รพีพงษ์ในตอนนี้ดูต่างจากตอนแรกที่ตัวเองเจอมากนัก
อัจฉริยะก็คืออัจฉริยะ ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะเข้าไปเทียบเคียงได้เลย
“ลองดูได้”
ธีรพัฒน์บอก และหันไปมองชุติเทพ “ผมต้องการที่สงบ พวกคุณจะหาให้ได้ไหม?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ด้านหลังมีห้องอยู่ ผู้อาวุโสพาคุณอารียาไปได้เลย” ชุติเทพบอก
“อะไร นั่นห้องหนู…”
เจสสิก้ายังพูดไม่ทันจบ ก็โดนชุติเทพห้ามไว้
“อย่ารอเช้าเลย รพีพงษ์ พวกเราไปกันเถอะ”
ระหว่างพูด ธีรพัฒน์พาอารียากับรพีพงษ์เดินไปทางด้านหลัง
“จริงสิ” ในตอนที่จะเข้าห้อง ธีรพัฒน์หมุนตัวกลับมาบอกชุติเทพว่า “ก่อนผมออกมา คุณกับแม่หนูนี่ห้ามเข้าใกล้ห้องนี้เด็ดขาด ด้านหลังนี่ก็อย่าเข้ามาเลย ผมหวังดีกับพวกคุณนะ”
“วางใจเถอะ ผู้อาวุโส พวกผมจะไปเดี๋ยวนี้”
ชุติเทพพูดอย่างนอบน้อม ลากดึงเจสสิก้าออกไป
“ให้ตายสิ นี่เป็นถิ่นเรานะ รักษาอาการก็รักษาอาการสิ ทำไมเข้าไม่ได้ล่ะ กลัวพวกเราแอบดูหรือไง?”
เจสสิก้าที่เดินมาห้องโถงบ่นอุบอิบ
“เอาน่า ผมว่าผู้อาวุโสนี่เป็นยอดฝีมือ เขาพูดแบบนี้ต้องมีเหตุผลของเขาสิ พวกเราแค่ทำตามก็พอแล้ว” ชุติเทพปลอบ
“เชอะ อาจารย์ยังมาพูดอีก อาจารย์ไม่รู้ว่าห้องนั้นเป็นของหนูหรือไง? ทำไมให้พวกเขาเข้าไปล่ะ ไม่ไปใช้ห้องอาจารย์ล่ะ?” เจสสิก้าเบ้ปากบ่น
เธอรู้สึกไม่พอใจมากกับการจัดการแบบนี้ของชุติเทพ
“ไอ้หยา เจสสิก้าอย่างกสิ ยืมห้องใช้แป๊บเดียวเองไม่เป็นไรหรอก” ชุติเทพบอก
ที่ไหนได้ใบหน้าเจสสิก้าแดงก่ำ รีบบอก “หนูงกที่ไหนกัน ในห้องหนูมี…”
“มีอะไร?”
ชุติเทพมองเจสสิก้าที่หน้าแดงด้วยสายตาล้อเลียน พลางถามกระเซ้า
พอเห็นสีหน้าแบบนี้ของชุติเทพ เจสสิก้าถึงบางอ้อ
“ดีนี่ อาจารย์ อาจารย์จงใจล่ะสิ ต่อไปอาหารสามมื้อหนูไม่ทำให้แล้ว!”
ระหว่างพูด เจสสิก้าหันหัวไปอีกข้างด้วยความโกรธ แต่หน้าเธอกลับแดงมากขึ้นกว่าเดิม
ชุติเทพมองท่าทางเขินอายของลูกศิษย์ตัวเองด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แอบคิดในใจว่า
“เด็กน้อย ผมทำเพื่อคุณนะ คุณไม่ให้เขาเห็น เขาจะเข้าใจความรู้สึกคุณได้ยังไงกัน?”
ในห้อง กลับเป็นบรรยากาศตึงเครียด
“พวกเราเริ่มกันเถอะ” ธีรพัฒน์พูดระหว่างมองหน้ารพีพงษ์
“รพีพงษ์ ฉันกลัว” อารียาบอก
รพีพงษ์ยิ้มมุมปาก พลางโอบไหล่อารียาว่า “วางใจเถอะ ผมอยู่ข้างคุณตลอด ผู้อาวุโสธีรพัฒน์เก่งมากนะ คุณต้องเชื่อเขาสิ”
เห็นสายตาอบอุ่นของรพีพงษ์ อารียาพยักหน้า เหมือนไม่กลัวเท่าไหร่แล้ว
“รพีพงษ์ ต่อให้พิษในร่างฉันแก้ไม่ได้ มีคุณอยู่เคียงข้าง แค่นี้ก็พอใจแล้วล่ะ” อารียาพูด
พอนึกถึงเรื่องในอดีต ภาพความทรงจำสวยงามแล่นผ่านเข้ามาในสมองประหนึ่งภาพหนัง
และภาพสวยงามพวกนี้รพีพงษ์เป็นคนสร้างให้เธอทั้งนั้น
“แต่งงานกับคุณ ฉันไม่เคยเสียใจเลย เพราะฉันแต่งงานกับผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก” อารียาบอก
รพีพงษ์จุมพิตที่แก้มเธออย่างรักใคร่
“คุณอย่าพูดซี้ซั้วสิ ทางเดินในอนาคตของพวกเรายังอีกยาวไกลนะ มีผมอยู่ คุณไม่เป็นไรหรอก” รพีพงษ์บอก
“แค่กแค่ก”
อีกด้านหนึ่งธีรพัฒน์กระแอมสองที และยิ้มบอก “วางใจเถอะ คุณหลับไปสักพัก พอคุณตื่นก็ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”
“ค่ะ รบกวนผู้อาวุโสธีรพัฒน์ด้วยนะคะ” อารียาบอก
ความอบอุ่นของปราณทิพย์แล่นเข้าไปทั่วร่างของอารียา ไม่นาน อารียาค่อยๆหลับลึกนอนลงบนเตียง
“รพีพงษ์ ตอนนี้ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ!”
ธีรพัฒน์บอกรพีพงษ์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด