พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1227 ออกเดินทางไปสำนักเทพยาเซียน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1227 ออกเดินทางไปสำนักเทพยาเซียน
“ขอบคุณคนสวยทั้งสองคน” รพีพงษ์กล่าวสรรเสริญเยินยอ
การตัดสินของตนเองถูกต้อง เรื่องนี้มันแปลกประหลาดเกินไป ถ้าตนเองพูดกับจางเหลย อาจใช้เวลาในการอธิบายนานครึ่งค่อนวัน
แต่ว่า หากเปลี่ยนเป็นสาวงามเหมือนนางฟ้าสองคนอธิบายและกำชับกับจางเหลย จางเหลยผู้ซื่อสัตย์จะต้องเชื่อฟังแน่นอน
“ตอนนี้ คุณรู้ถึงความร้ายกาจของฉันกับฮารุแล้วใช่ไหม” ฝนสุดากล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ฮารุที่อยู่ข้าง ๆกล่าวว่า “ใช่ คุณชาย หลังจากที่บุคคลนั้นตื่นแล้ว แววตาที่เขามองพวกเรา ทำให้ฉันรู้สึกอายเล็กน้อย”
รพีพงษ์หัวเราะ หญิงสาวสองคนนี้ เป็นคนที่สวยสง่า ถ้าผู้ชายธรรมดาเห็นพวกเธอ จะไม่รู้สึกหวั่นไหวได้อย่างไร
“คุณชาย มาดูสิว่าพี่ฝนสุดาซื้ออะไรมา นี่ซื้อเพื่อคุณเป็นพิเศษเลยน่ะ”
จากนั้น อุเอสึงิ ฮารุก็เดินเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว
เมื่อฝนสุดามีปฏิกิริยาตอบสนอง และต้องการไล่ตาม มันก็สายเกินไปแล้ว
“คุณชาย คุณดูสิ”
เมื่อรพีพงษ์มองดูสิ่งของที่อยู่ในมือของอุเอสึงิ ฮารุ ทำให้เขาเกือบจะกระอักเลือด
“เป็นอะไรไป คุณชาย ชุดนอนนี้พี่ฝนสุดาตั้งใจเลือกอย่างดี เธอรู้สึกว่าชุดนอนเมื่อคืนไม่ดีพอ ดังนั้นเธอเลยตั้งใจเปลี่ยนเป็นชุดนอนชุดนี้” อุเอสึงิ ฮารุกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ฮารุ รีบเอาไปเก็บ!”
ฝนสุดารีบเดินไปอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางโกรธ หยิบชุดนอนสีดำบางเฉียบตัวนี้แล้วเก็บอย่างรวดเร็ว
“พี่ฝนสุดา สิ่งที่ฉันพูดมันคือความจริง” อุเอสึงิ ฮารุรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย
“เอาล่ะ ฮารุ วันนี้เธอไปช็อปปิ้งเป็นเพื่อนฉันมาทั้งวัน เธอคงเหนื่อยแล้ว รีบกลับบ้านพักผ่อนเถอะ”
“ฉันยังอยากจะคุย…..คุยกับคุณชายอยู่”
ก่อนที่จะพูดจบ อุเอสึงิ ฮารุก็ถูกฝนสุดาผลักออกไปนอกประตู
หลังจากประตูปิด ฝนสุดาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงระรื่น
“นี่… อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระที่เธอพูด” ฝนสุดากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันแค่ซื้อมาเล่น ๆ เท่านั้น”
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย “ชุดนอนนี้สวยมาก ถ้าคุณสวมใส่ต้องดูดีมากเลย”
“จริงหรือคะ?”
ใบหน้าของฝนสุดามีความปีติยินดีเป็นอย่างมาก เธอแทบรอไม่ไหวที่จะสวมใส่มันเพื่อให้รพีพงษ์ได้เห็น
“เป็นไปได้ไหมว่า หลังจากคืนหนึ่ง ไอ้หมอนี้ได้เปลี่ยนรสนิยมไปแล้ว?”
แต่ในไม่ช้า คำพูดต่อไปของรพีพงษ์ เป็นเหมือนน้ำเย็นที่สาดกลางใจ
“ผมคิดว่า สามีในอนาคตของคุณ คงจะชอบมากหลังจากที่คุณสวมมัน แต่ว่าคนคนนั้นไม่ใช่ผม”
เมื่อพูดจบ รพีพงษ์ก็หันหลังและอยากจะเดินออกจากประตู
“รพีพงษ์ไอ้คนบ้า รพีพงษ์ไอ้คนชั่ว! ฉันเกลียดคุณ!”
ฝนสุดารู้สึกงอน แต่เมื่อเธอเห็นรพีพงษ์กำลังจะเดินออกไป เธอรีบกล่าวว่า “อย่าไป คืนนี้ก็นอนพักที่นี่”
“คุณคงไม่ใช้แผนเหมือนเมื่อคืนน่ะ?”
เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ ทำให้รพีพงษ์กล่าวตามสัญชาตญาณ
“มันน่าจริง ๆเลย ทำไมคุณถึงกลัวฉันขนาดนี้ ฉันน่าเกลียดขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ฝนสุดากล่าวอย่างรู้สึกผิด
ถ้าบอกว่าฝนสุดาขี้เหร่ งั้นคงไม่มีผู้หญิงสวยในโลกนี้แล้ว
“วางใจเถอะ คุณนอนบนโซฟาเหมือนเมื่อคืน ส่วนฉันนอนในห้อง” ฝนสุดากล่าว
“จริงเหรอ? คุณแน่ใจนะว่าจะไม่ทำซี้ซั้ว?” รพีพงษ์ถามอย่างไม่มั่นใจ
ฝนสุดากลอกตา “โอ้แม่เจ้า คุณเย็นชาใส่ฉันแบบนี้ ฉันจะยังตื๊อคุณอีกทำไม? ยังไงซะฉันก็เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลก้องวณิชกุล อีกอย่างฉันก็คิดได้แล้ว”
“คิดได้ก็ดี” รพีพงษ์แอบชื่นชม ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะเข้าใจและยอมรับความจริงแล้ว
“ฉันคิดได้แล้วอย่างหนึ่งว่า ยังไงเธอก็ต้องเป็นของฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่รีบร้อนอีกต่อไปแล้ว” ฝนสุดากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ห๊ะ?”
รพีพงษ์ตกใจ “เดี๋ยวก่อน นี่คุณหมายความว่ายังไง? คุณก็รู้ว่าผมจะอยู่กับอารียาคนเดียวไปตลอดชีวิตเท่านั้น”
“นั่นมันก็เป็นชาติเดียวของเธอ”
ฝนสุดายิ้มเล็กน้อย “ฉันได้ยินชุติเทพพูดว่า ขอแค่ฉันตั้งใจฝึกฝน ต่อไปอายุขัยของฉันจะยาวนานมากขึ้น และคุณไม่จำเป็นต้องพูด ดังนั้นฉันต้องฝึกฝนให้หนักและรอจนกว่าอารียา……..”
เมื่อพูดตรงนี้ ฝนสุดานิ่งไปชั่วขณะ ดวงตาปรากฏรอยยิ้ม “ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว ยังไงก็ตาม อย่างมากสุดก็รอคุณนานไปอีกหลายสิบปีแค่นั้น”
หลังจากพูดจบ เธอก็รีบเข้าไปในห้องของเธอทันที
ห้องรับแขกเงียบลงอีกครั้ง แต่คำพูดที่ฝนสุดาเพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่ กระตุ้นรพีพงษ์เป็นอย่างมาก
รพีพงษ์คิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้นเท่านั้น
คำพูดเดียวปลุกคนช่างฝัน!
ตนเองได้เข้าสู่หนทางแห่งการฝึกเซียน และเพื่อต่อต้านทวีปโอชวิน จึงพยายามพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
แต่ว่า เขากำลังยุ่งกับการกอบกู้โลก ทำให้เขาละเลยอารียาและหนูลินลูกสาวของพวกเขา
พวกเธอเป็นมนุษย์ธรรมดา การเกิด แก่ เจ็บ และตาย เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อคิดถึงร้อยปีต่อมา เมื่อปราศจากอารียาและหนูลินอยู่ข้างกาย ความรู้สึกพ่ายแพ้ที่รุนแรงได้หยั่งรากลึกลงในหัวใจของรพีพงษ์
ถ้าหากไม่สามารถปกป้องภรรยาและลูกไว้ได้ แล้วจะปกป้องโลกได้อย่างไร!
“ถ้าเป็นเช่นนี้ มันคงน่าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่อีกหลายร้อยปี” รพีพงษ์กล่าวกับตนเอง
ให้พวกเธอแม่ลูกฝึกเซียนพร้อมกับตนเอง!
เป็นครั้งแรกที่ความคิดนี้หยั่งรากในหัวใจของรพีพงษ์
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้ ก่อนอื่นรพีพงษ์ต้องหาวิธีถอนพิษในร่างกายของอารียาก่อน
วันรุ่งขึ้น รพีพงษ์สวมแว่นกันแดดเดินออกจากโรงแรม
“คุณชาย คุณจะไปจริงเหรอ?” อุเอสึงิ ฮารุกล่าวด้วยแววตาที่อาลัย
รพีพงษ์พยักหน้า “เป้าหมายหลักของผมในครั้งนี้คือไปที่สำนักเทพยาเซียน เพราะเกิดเรื่องขึ้นในเมืองจึงทำให้ผมล่าช้าไปสองวัน ตอนนี้ผมต้องออกเดินทางทันที”
“หรือครั้งนี้ ให้ฉันไปเป็นเพื่อนคุณ ฉันเคยไปที่สำนักเทพยาเซียนมาก่อน มีเพื่อนเดินทางก็ดีไม่น้อย” อุเอสึงิ ฮารุกล่าว
“ไม่ ผมไปคนเดียวเองได้” รพีพงษ์ตอบ “นอกจากนี้ คุณสวยขนาดนี้ ถ้าคุณเจอโจรป่า มันก็จะลำบากน่ะ?”
“คุณชายพูดตลกเก่งนัก” อุเอสึงิ ฮารุถอนหายใจ “มีคุณอยู่ จะกลัวโจรป่าไม่กี่คนได้อย่างไร?”
รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรมาก เหลือบไปมอง เขาเห็นฝนสุดาที่เศร้าหมอง
“คราวนี้จะทิ้งเราสองคนอีกแล้วเหรอ? เหมือนก่อนหน้านี้ที่ประเทศญี่ปุ่น?”
ฝนสุดามองรพีพงษ์ด้วยดวงตาพร่าเลือน ความอาลัยอาวรณ์ปรากฏอยู่ในแววตา
ตนเองรอมาหลายวัน แต่ได้อยู่ด้วยกันเพียงสองวัน
“คุณบอกว่าจะตั้งใจฝึกไม่ใช่หรือ? หรือไม่คุณกลับไปที่ประเทศญี่ปุ่นกับอุเอสึงิ ฮารุ แล้วไปฝึกกับนิรภัฏให้ดี” รพีพงษ์กล่าว
“ฉันจะไปไหน คุณไม่ต้องมายุ่ง”
ฝนสุดากล่าว แล้วหันศีรษะไปด้านข้าง
รพีพงษ์ยักไหล่ ไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง แค่อย่าตามตนเองไปก็พอแล้ว
ขณะที่รพีพงษ์กำลังจะออกเดินทาง อุเอสึงิ ฮารุก็ชี้ไปที่ด้านหน้าและกล่าวว่า “พวกคุณดูสิ มีคนมากมายอยู่ที่นั่น!”
ทั้งสามคนหันไปมองพร้อมกัน เดิมถนนที่ว่างเปล่าตอนนี้กลับคึกคักขึ้น
ทุกคนสวมหน้ากาก และยืนสองข้างทางอย่างมีจิตสำนึก
รถยนต์โดยสารมาช้า ๆ แล้วจอดลง จากนั้นประตูรถก็เปิดออก มีชายชราผู้ร่าเริงเดินลงมาพร้อมกับสวมใส่หน้ากาก
รอยยิ้มของเขาอบอุ่น และแววตาหนักแน่น
ฝูงชนข้างถนนส่งเสียงเชียร์ และแสดงความขอบคุณสำหรับการมาเยือนของชายชรา
“คุณหมอใหญ่จงซาน!”
ฝนสุดากล่าว
รพีพงษ์ยิ้ม เขาเชื่อว่าคุณหมอใหญ่จงซานทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และคราวนี้ก็มาด้วยตัวเอง เมืองจะได้รับการฟื้นฟูในไม่ช้า
นี่คือเสาหลักของประเทศ และนี่คือต้นแบบที่คนจีนควรเรียนรู้!
สันติสุขสร้างโดยวีรบุรุษ ที่ไหนวีรบุรุษที่นั่นก็จะมีสันติสุข!
รพีพงษ์จัดระเบียบตนเอง จากนั้นมองไปที่สำนักเทพยาเซียนที่ปกคลุมด้วยเมฆและภูเขาที่อยู่ไกลออกไป และตั้งใจแน่วแน่ที่จะเดินทางไปที่นั่น