พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1241 กดขี่โดยสิ้นเชิง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1241 กดขี่โดยสิ้นเชิง
เวลาผ่านไปแล้วกว่าหนึ่งชั่วโมง ทุกคนที่เดิมทีเตรียมจะดูเรื่องตลกกลับพบว่า เครื่องยาสมุนไพรตรงหน้าของรพีพงษ์น้อยลงเรื่อยๆ
และเบื้องหน้าของรพีพงษ์ เค้าโครงของเม็ดยาสามเม็ดก็ปรากฏขึ้นแล้ว
พวกเขาถึงจะพบว่า ที่แท้ ผู้ชายคนนี้ต้องการที่จะทำยาทั้งสามเม็ดออกมาในเวลาเดียวกัน!
ในเวลานี้รพีพงษ์ได้เพ่งความสนใจไปจนถึงจุดสูงสุดแล้ว และเขาพบว่า การทำเม็ดยา มันยากกว่าการควบคุมมังกรทองซะอีก!
อันดับแรก เวลาการทำยาค่อนข้างยาวนานมาก อันดับที่สอง ห้ามประมาทแต่อย่างใดเลย หากเกิดการคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง ก็จะทำให้ความพยายามที่ทุ่มเทลงไปล้วนสูญเสียไปเปล่า ๆ เพราะงั้น นี่ก็ต้องการการเพ่งความสนใจอย่างมาก
“โชคดีที่จิตวิญญาณเทพของเมื่อวานทะลุผ่านเข้าไปแล้ว ไม่อย่างงั้น ก็ไม่รู้จริงๆว่าวันนี้จะสามารถประคับประคองจนทำเม็ดยาที่อยู่ในระดับที่ต่างกันทั้งสามเม็ดออกมาได้หรือเปล่า”
รพีพงษ์ครุ่นคิดในใจ
และในเวลานี้ จิลลากลับว่ารู้สึกทึ่งถึงวิธีการของรพีพงษ์แล้ว
“เขา……เขาทำยาอย่างนี้ออกมาได้ยังไง?วิธีการแบบนี้ ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ฉันเดานะ แม้แต่เจ้าจิรภัทรก็ยากที่จะทำให้สำเร็จ”
จิลลาแววตาหมองคล้ำ การเคลื่อนไหวในมือก็ได้หยุดลงแล้ว
“พี่จิลลา คุณอย่าหยุดนะ ไม่แน่คนๆนี้อาจจะเสแสร้งแกล้งทำก็ได้ ทำยาสามเม็ดออกมาได้ทันที มันยากที่จะทำสำเร็จอยู่แล้ว!”
ชุติเดชพูดกล่าว
หลังจากที่จิลลาได้ยิน ก็พยักหน้าอย่างลับๆ
ถูกต้อง แม้แต่เจ้าสำนักก็ยังไม่มีความสามารถพอที่จะทำให้สำเร็จ เขาก็ยิ่งจะไม่สามารถที่จะทำให้สำเร็จได้เลย!
ที่ชุติเดชพูดก็ถูกนะ เขากำลังเสแสร้งแกล้งทำ คนๆนี้ เป็นคนที่ชอบคุยโม้โอ้อวด!
หลังจากที่ตัวเองปลอบใจตัวเองเสร็จแล้ว จิลลาก็เริ่มใหม่อีกครั้ง
เม็ดยาระดับกลางที่อยู่ในมือก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ในใจของจิลลารู้สึกโชคดีแบบไม่คาดคิด รู้สึกว่ารพีพงษ์ก็แค่ทำท่าทำทางดัดจริตก็เท่านั้น
หลังจากนั้น กลิ่นหอมของยาที่เข้มข้นก็แพร่ซ่านมาทางข้างๆ ก็ทำให้เธอพ่ายแพ้แล้ว
ทุกคนในเวลานี้แม้แต่เสียงโห่ร้องเชียร์ให้กับจิลลาก็ไม่มีแล้ว พวกเขากลั้นลมหายใจ แต่ละคนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอเรื่องใหญ่โตที่จะเกิดขึ้น
ในตอนนี้จิลลากลายเป็นคนที่เก้ๆกังๆที่สุดในสนาม ตอนนี้ต่อให้เธอจะทำอะไรอีกก็ตาม แทบจะไม่มีความหมายอะไรแล้ว
และในเวลานี้ ยาเม็ดทั่วไปเม็ดแรกที่นำมาซึ่งกลิ่นหอมของสมุนไพรได้กลั่นเสร็จแล้ว ตามมาด้วย รพีพงษ์ขยับๆพลังจิต แล้วผลิตยาเม็ดระดับกลางออกมาสำเร็จแล้ว
“ก็เหลือแค่เม็ดยาระดับสูงแล้ว เขาสามารถทำให้สำเร็จได้ในคราวเดียวกันไหม?” ผู้คนพูดอย่างตั้งหน้าตั้งตารอ
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนพวกเขาก็คงหัวเราะเยาะรพีพงษ์ แต่ตอนนี้ ราวกับว่าพวกเขากำลังชมการแสดงของนักเล่นแร่แปรธาตุยังไงอย่างนั้น
ลมภูเขาพัดผ่านไป พลังจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ก็พลุ่งพล่านออกมาเป็นรอบสุดท้าย
ยาเม็ดระดับสูง สำเร็จ!
และในเวลานี้ ยาเม็ดระดับกลางของจิลลาก็เพิ่งจะกลั่นออกมาเอง
รพีพงษ์โล่งใจแล้ว บนหน้าผากก็ปรากฏเม็ดเหงื่อออกมาแล้ว
เป็นอย่างที่คิดไว้ การประกอบเม็ดยาต่างระดับทั้งสามเม็ดในเวลาเดียวกัน บริโภคจิตวิญญาณเทพไปเยอะมาก
การทะลุผ่านเข้าไปของจิตวิญญาณเทพเมื่อวานนี้ รพีพงษ์ก็ใช้พละกำลังสุดท้ายไปแล้ว ถึงได้ผลิตเม็ดยาออกมาสำเร็จทั้งหมด
“เขา……ทำสำเร็จแล้วจริงๆเหรอ?”
จิลลาวางทุกอย่างที่อยู่ในมือ ค่อยๆเคลื่อนย้ายไปที่รพีพงษ์
“ชี่ยา คือชี่ยา!”
ชุติเดชพูดตะโกนเสียงดัง คนรอบข้างพรั่งพรูเข้ามาทันที
เม็ดยาที่ต่างระดับกันสามเม็ดวางอยู่บนโต๊ะ นอกจากกลิ่นหอมสมุนไพรที่เข้มข้นของแต่ละเม็ดแล้ว ยังนำพามาซึ่งชี่ยาเป็นระยะๆ
การปรากฏของชี่ยา แสดงให้เห็นว่าเม็ดยาทั้งสามเม็ดที่รพีพงษ์ทำขึ้นมานี้ ล้วนเป็นการมีอยู่ที่เหนือกว่าสินค้าชั้นสูงทั้งหมด
ผลการทดสอบสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน และสิ่งที่ยิ่งทำให้ผู้คนเคารพนับถือก็คือรพีพงษ์สามารถนำยาเม็ดมาผสมผสานกันได้เหมาะพอดีทีเดียว
“คุณแพ้แล้ว” รพีพงษ์พูดอย่างราบเรียบ
จิลลาก้มหน้าลง กัดที่ริมฝีปาก
ในเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุที่ภาคภูมิใจของตัวเอง เป็นครั้งแรกที่เธอพ่ายแพ้ และผู้ชายที่อยู่ตรงกันข้าม มองดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่ตัวเองจะโจมตีให้ป่นปี้
แม้ว่าจะให้โอกาสจิลลาสักสามสี่ปีเพื่อจะให้ตามให้ทัน แต่ว่าจิลลารู้ดี เธอไม่สามารถกลั่นยาสามระดับที่แตกต่างกันทั้งสามเม็ดในเวลาเดียวกันเหมือนรพีพงษ์ได้เลย
“คุณ……เรียนมาเพียงสองวันจริงๆเหรอ?” จิลลาเอ่ยถาม
“ถูกต้อง ”รพีพงษ์พยักหน้าแล้ว
จิลลาส่ายหน้า พร้อมพูดว่า : “ไม่ เป็นไม่ได้ เพียงแค่สองวัน คุณก็สามารถทำเม็ดยาแบบนี้ออกมาได้แล้ว คุณกำลังโกหกฉันใช่ไหม?”
รพีพงษืมีสีหน้าที่เรียบนิ่ง พูดอย่างราบเรียบว่า : “ผมรู้ว่าตอนนี้คุณยอมรับมันไม่ได้ แต่ความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้ เทคนิคของการกลั่นยา พรสวรรค์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และผมมีพรสวรรค์ คุณ ไม่มี”
“อะไร!”
ผู้คนต่างอุทานออกมาอย่างตกใจ
“เขาบอกว่าจิลลาไม่มีพรสวรรค์?”
“นี่……ถ้าจิลลาไม่มีพรสวรรค์ งั้นพวกเราจะถือว่าเป็นอะไรกันล่ะ?”
……
แต่ว่า ท่าทางที่รพีพงษ์แสดงออกมาเมื่อกี้นี้พิชิตใจทุกคนได้อย่างสิ้นเชิง
เมื่อเทียบกับรพีพงษ์แล้ว พรสวรรค์ของตัวเอง แม้ว่าเป็นจิลลา ก็ไม่นับว่าเป็นอะไรเลย
“ฉัน ไม่มีพรสวรรค์?” จิลลาพูดในปากเงียบๆ และก็เป็นครั้งแรกที่ตัวเองเกิดความสงสัยในใจขึ้นแล้ว
“ไม่เพียงแค่คุณจะไม่มีพรสวรรค์นะ แถมยังอำมหิตเอาแต่ใจ ไม่มีใครอยู่ในสายตา ทำให้คนเกลียดชัง”
รพีพงษ์เอ่ยพูดต่อ
ในเมื่ออยากจะกดขี่ งั้นก็ต้องกดขี่ให้ถึงที่สุดหน่อย
“คุณ……คุณรังแกคนอื่นเกินไปแล้ว” จิลลามองไปยังรพีพงษ์อย่างโมโห มีน้ำตาที่กำลังกลอกไปมาที่อยู่เบ้าตา
ตั้งแต่ที่เธอมาอยู่ที่สำนักเทพยาเซียน ได้รับความสนใจจากจิรภัทรอย่างมาก ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเธอแบบนี้มาก่อน
“คุณเคยรังแกคนอื่นหรือเปล่า ในใจตัวเองรู้ดี”
รพีพงษ์พูดกล่าว : “นักกลั่นยา สิ่งที่ต้องห้ามมากที่สุดคือความใจร้อน แล้วคุณล่ะ ทำไมถึงได้ทำตัวเหิมเกริมว่าทักษะของตัวเองอยู่เหนือกว่าคนอื่น มักจะจัดงานที่เรียกว่าประลองขึ้นมา แต่ว่าก็เพื่อจะพิสูจน์ให้กับศิษย์รุ่นน้องของคุณรู้ว่า คุณแข็งแกร่งกว่าพวกเขา คุณคิดว่า นี่มันน่าสนใจมากนักเหรอ?”
“ฉัน……”
จิลลากดริมฝีปาก คำพูดของรพีพงษ์ มีความหมายอยู่ในทุกๆประโยค
จริงๆแล้ว จิลลาก็เข้าใจ ในทุกๆเดือนตัวเองก็จะจัดการประลองแบบนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะกดขี่ศิษย์น้องที่อยู่ในสำนักเดียวกันเหล่านี้ ให้พวกเขาได้รู้ถึงความเก่งกาจของตัวเอง
รพีพงษ์มองอีกฝ่าย ไม่มีความรู้สึกสงสารแม้แต่นิดเดียว : “ถ้าหากคุณยังอำมหิตแบบนี้ต่อไป ต่อไปกจะไม่มีใครสนใจคุณอีกแล้ว”
“คุณพูดพอแล้วหรือยัง!”
จิลลาตะโกนพูดเสียงดัง หลายปีที่ผ่านมา ถือว่านี้เป็นครั้งแรกที่มีคนมาพูดจาโจมตีตัวเองด้วยคำพูด
โมโห อัปยศ ผสมผลสานกันอยู่ในใจของจิลลา
เธอกำหมัดแน่น เพราะความร้อนใจจึงทำให้ร่างกายเกิดความสั่นคลอน : “ฉันไม่อนุญาตให้คุณมาว่าฉันแบบนี้!”
พูดจบ จิลลาที่ชอบเอาชนะผู้อื่น พุ่งเข้าใส่รพีงษ์เลย ยังคงมีกริชเล่มนั้นอยู่ในมือเช่นเคย
“ไม่สำนึกผิดและกลับตัว!”
รพีพงษ์พูดกล่าวอย่างเยือกเย็น โบกด้วยมือเดียว ล้มไปทางข้างเลย
“ศิษย์พี่!”
ชุติเดชและพวกรีบวิ่งเข้าไปทันที ที่ปากของจิลลามีเลือดไหลออกมา เก็บกริชขึ้นมา ยังอยากจะเข้าไปอีกครั้ง
ในเวลานี้ ก็มีน้ำเสียงที่แก่ๆแพร่ซ่านเข้ามาจากด้านหลัง
“จิลลา แกพอได้แล้ว!”
จิลลาหยุดอยู่กับที่ หันหน้ากลับไปมอง ที่แท้ก็เป็นจิรภัทรและปยุตเดินมาที่นี่
“เจ้าสำนัก คนๆนี้รังแกข้า ข้าจะฆ่าเขา!” จิลลาพูดกล่าว
“คุกเข่าลง!”
จิรภัทรพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง สายตาที่ไม่อาจปฏิเสธได้
“เจ้าสำนัก……”
“ข้าให้เจ้าคุกเข่าลง ได้ยินหรือไม่!”จิรภัทรพูดสั่งอย่างเยือกเย็น
จิลลาคุกเข่าทั้งสองข้างลงกับพื้น น้ำตาคลอเบ้า
“เจ้าสำนัก ท่าน……ท่านไม่เคยทำแบบนี้กับข้ามาก่อนเลยนะ จู่ๆก็เพื่อคนนอกคนหนึ่ง ก็ให้ข้าคุกเข่าลง?”
จิรภัทรพูดด้วยเสียงที่สั่นคลอนว่า : “คนนอก?เขาเป็นผู้สูงศักดิ์ของสำนักเทพยาเซียนของเรา การประลองกับสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุในครั้งนี้ต้องพึ่งพาเขาทั้งหมดแล้ว!”
“อะไรนะ? ผู้สูงศักดิ์?”
ผู้คนมองไปยังรพีพงษ์อย่างตกใจ
จิรภัทรมองไปยังจิลลาด้วยความสงสัย พูดด้วยเสียงต่ำว่า : “ปกติแล้วข้าก็ใจกว้างกับเจ้ามากนะ ตอนนี้มาคิดดูแล้ว สิ่งที่ข้าทำมันไม่ถูกต้อง การประลองในวันนี้ เจ้าแพ้แล้ว ในเมื่อแพ้แล้ว ก็ต้องไปขอโทษ ทำตามคำสั่ง ได้ยินแล้วยัง!”
“เจ้าสำนัก ข้า……”จิลลากัดฟัน สีหน้าดูแย่อย่างมาก
“พอแล้วพอแล้ว ไอจิรภัทรท่านก็อย่าปฏิบัติต่อศิษย์ผู้น้องเช่นนี้เลยนะ”
ปยุตยิ้มพร้อมเดินเข้ามาประนีประนอมกัน
เขาเดินมาที่ข้างกายของจิลลา ยิ้มพร้อมพูดว่า : “ไม่เป็นไรนะ แพ้ให้กับรพีพงษ์ ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายอะไร”