พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1243 ไม่เข้าสู่แดนเทพ อย่าริอาจเหยียบเข้าไปในป่าหมอก
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1243 ไม่เข้าสู่แดนเทพ อย่าริอาจเหยียบเข้าไปในป่าหมอก
“ดีมากเลย ขอบคุณเจ้าจิรภัทรจัดสถานที่สงบจิตใจให้”
รพีพงษ์ลุกขึ้นยืนพร้อมเอ่ยตอบ
ที่นี่เมื่อเปรียบเทียบกับที่อยู่ในถ้ำก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขหรือว่าสภาพแวดล้อม ล้วนแต่ดีกว่ามากเลย
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ รพีพงษ์พักอาศัยอยู่ที่นี่ สามารถหลีกเลี่ยงเสียงกรนที่รบกวนของปยุตได้เลย
“ประมุกรพีไม่ต้องเป็นกังวล ที่นี่เมื่อเทียบกับคฤหาสน์ตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว งั้นคงห่างไกลกันเยอะเลย”จิรภัทรยิ้มเบาๆพร้อมเอ่ยพูด
“ที่นี่มีธรรมชาติงดงาม อากาศในภูเขาก็สดชื่นอย่างมาก นี่เป็นสิ่งที่หาจากในเมืองไม่ได้”
รพีพงษ์พูดกล่าว
ทั้งสองคนได้พูดคุยอย่างสุภาพๆสักกี่ประโยค แววตาของจิรภัทรก็ถูกสูตรยาเล่มนั้นที่ตั้งอยู่บนโต๊ะดึงดูดความสนใจแล้ว
“ยาเม็ดไป่หลิง?นี่เป็นสูตรยาชั้นเลิศนะ”
จิรภัทรขมวดคิ้วแน่น
“ใช่แล้ว เมื่อวานนี้ ปยุตเป็นคนมอบให้กับข้า ให้ข้าลองฝึกกลั่นดู” รพีพงษ์พูดบอกตามตรง
จะไปรู้ได้ยังไงว่า หลังจากที่จิรภัทรได้ยินเข้า ใบหน้าก็นำมาซึ่งสีหน้าแววตาที่โมโห
“ปยุตคนนี้ ติดสุราจริงๆ จนก่อเรื่องวุ่นวายมั่วซั่ว!”
รพีพงษ์ไม่เข้าใจ : “หรือว่า สูตรยานี้เป็นความลับที่เผยแพร่ไม่ได้ของสำนักเทพยาเซียนของพวกเจ้าเหรอ?ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นเจ้าจิรภัทรก็กลับไปเถอะ”
“ไม่ ไม่ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ”จิรภัทรรีบพูดอธิบายทันทีว่า : “เจ้าเป็นคนที่มีบุญคุณต่อสำนักเทพยาเซียนของเรา ทุกอย่างในสำนัก สามารถเปิดเผยต่อเจ้าได้ เพียงแต่……สูตรยาเม็ดไป่หลิง มันค่อนข้างอันตราย”
“เจ้าหมายความว่า ถ้าไม่สามารถฝึกฝนจนสำเร็จได้ จะมีผลข้างเคียงที่ตามมาของเม็ดยาเหรอ?” รพีพงษ์พูดกล่าว
ก่อนหน้านี้ ปยุตเคยแนะนำถึงผลข้างเคียงที่ตามมาของยาชั้นเลิศให้กับรพีพงษ์ฟังแล้ว หากประมาทไปหน่อย ผลข้างเคียงที่เบาๆก็คือเจ็บสาหัส ส่วนผลข้างเคียงที่หนักก็คือเสียชีวิต!
“ผลข้างเคียงที่ตามมาไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวานเจ้าได้แสดงพลังจิตที่มากพอแล้วให้แก่พวกเราได้เห็น เชื่อว่าแม้ว่าจะเป็นยาชั้นเลิศ เจ้าก็สามารถที่จะรับมือได้ทั้งหมด เพียงแค่ สูตรยาที่ต้องการตามข้างบนนี้ ถึงจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุด” จิรภัทรพูดกล่าว
“สูตรยา?”รพีพงษ์พูดถาม : “ตามด้านบนของสูตรยานี้ต้องการสมุนไพรทั้งหมดสามชนิด สองชนิดที่เหลือถึงแม้จะล้ำค่าและมีชื่อเสียงเลื่องลือมาก แต่ว่าก็ยังสามารถหาได้ในสำนัก มีเพียงชนิดสุดท้ายเท่านั้น ยาผงหลิงซี มันคืออะไรกันแน่ ผมก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อน ไม่รู้ว่าเจ้าจิรภัทรเคยเห็นมันมาก่อนหรือไม่?”
“ยาผงหลิงซี นี่เป็นส่วนที่น่ากลัวที่สุดของเม็ดยานี้”
จิรภัทรพูดเสียงต่ำว่า : “เพราะว่า อยากจะได้สมุนไพรยานี้มา ค่อนข้างเป็นอันตรายมาก เพราะว่า ตั้งแต่ที่เราได้สูตรยาชั้นเลิศแบบนี้มาจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครที่สามารถผสมผสานจนออกมาเป็นยาเม็ดไป่หลิงได้เลย”
รพีพงษ์มองไปยังอีกฝ่าย : “งั้นเหรอ?เป็นไปได้หรือไม่ว่ายาผงหลิงซีนี้จะอยู่ที่หน้าผา หรือว่าจะอยู่ในขุมนรกที่ก้นทะเลสาบลึก?”
จิรภัทรฝืนยิ้ม : “ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆก็ดีนะสิ”
ทันใดนั้น เขามองไปยังรพีพงษ์ด้วยสายตาที่จริงใจ : “ถึงยังไง เจ้าก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปเสี่ยงอันตรายนี้ ถ้าหากเจ้าอยากจะกลั่นยาชั้นเลิศแบบออกมาจริงๆล่ะก็ ที่ข้ายังมีสูตรยาอื่นๆอีก เจ้าสามารถเอามันไปได้นะ ”
“อย่างนี้นี่เอง”รพีงพงษ์พยักหน้า ถึงอย่างไรเขาก็แค่อยากจะทดลองกลั่นยาชั้นเลิศทำแบบเท่านั้นเอง ส่วนยาเม็ดไป่หลิงหรือว่าเม็ดยาอื่นๆ สำหรับรพีพงษ์แล้ว ก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย
“ปยุตคนนี้ กลับไปข้าต้องไปคุยกับเขาสะหน่อยแล้ว มีสูตรยาตั้งเยอะแยะเขาไม่ให้เจ้า ดันเอาอันนี้มาให้แก่เจ้า เขาคงสับสนมึนงงไปหมดแล้วจริงๆ” จิรภัทรพูดด้วยความโกรธ
รพีพงษ์ยิ้มพร้อมพูดว่า : “สงสัยตอนนั้นเขาไม่ทันได้ระวังมั้ง ในเมื่อเจ้าจิรภัทรพูดแบบนี้แล้ว งั้นข้าก็เอาสูตรยานี้คืนให้เจ้า เพียงแค่ ในใจของข้าอยากรู้ว่า ในเมื่อยาผงหลิงซีนี้ยากที่จะได้มาเช่นนี้ งั้นเมื่อยาเม็ดไป่หลิงผสมผสานกันจนสำเร็จผลแล้ว สรรพคุณคืออะไรล่ะ?”
“ยาเม็ดไป่หลิงเป็นเม็ดยาที่รวบรวมพลังทิพย์แห่งฟ้าดิน เมื่อผสมผสานกันอย่างสำเร็จผลแล้ว สามารถแก้พิษทั้งหมดในโลกได้ เป็นยาชั้นเลิศแบบที่หายากจริงๆ ”จิรภัทรพูดจาฉะฉานมีหลักมีฐาน
จะรู้ได้ยังไงว่า หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินแล้ว แต่รู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตยังไงอย่างนั้น ตอกอยู่กับที่
“ประมุกรพี คุณเป็นอะไรไป?”จิรภัทรเอ่ยพูดด้วยความประหลาดใจว่า : “เจ้าคงไม่ได้มีความคิดเห็นอะไรกับยาเม็ดไป่หลิงหรอกนะ?เอาสูตรยามาให้ข้า ข้าจะนำยาชั้นเลิศแบบอย่างอื่นให้เจ้า”
“ไม่”
หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินแล้ว พับเก็บสูตรยาเม็ดไป่หลิงไว้อย่างดี ใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงเลย
“นี่……”
จิรภัทรคิดยังไงก็ไม่เข้าใจเลย
“ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมปยุตถึงมอบสูตรยานี้ให้กับข้า” รพีพงษ์ยิ้มพร้อมมองไปยังจิรภัทร : “เจ้าจิรภัทรตอนนี้ เจ้าช่วยบอกวิธีที่จะได้ยาผงหลิงซีมาให้กับข้าหน่อย ต่อให้ลำบากยากเย็นแค่ไหน ข้าก็จะเอามันมาให้ได้ ”
“เจ้า ……ทำไมจู่ๆเจ้าถึงได้คิดเปลี่ยนใจล่ะ?ทำไมเหรอ?”จิรภัทรพูดถาม
“เพื่อเธอ!”
รพีพงษ์ยิ้มอย่างเงียบสงบ ปรากฏเงาร่างของอารียาขึ้นมาในใจ
ยาเม็ดไป่หลิงสามารถกำจัดพิษทุกชนิดได้ ไม่รู้ว่าจะสามารถขจัดพิษในร่างกายของอารียาได้ไหม แต่ว่าไม่ว่าอะไรก็ตามแต่ เพื่ออารียา รพีพงษ์จะต้องลองดู
“ประมุกรพี เจ้าต้องคิดดูให้ดีนะ ต้องคิดคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าด้วย ข้าแนะนำเจ้านะอย่าไปตามหายาผงหลิงซีเลย เพราะว่า มันเป็นการเสี่ยงอันตรายจนเกินไป!” จิรภัทรพูดอย่างเป็นกังวล
“ข้าตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครทำให้เปลี่ยนใจได้”
รพีพงษ์มีท่าทีที่แน่วแน่ : “และหวังว่าเจ้าจิรภัทรจะบอกนะ ถ้าเจ้าไม่บอกล่ะก็ ข้าจะไปถามปยุตให้รู้เรื่อง”
เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์เฉียบขาดอย่างนี้ จิรภัทรถอนหายใจพร้อมพูดว่า :“ก็ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็รู้ว่าข้าคงรั้งเจ้าไว้ไม่ได้ งั้นข้าก็จะบอกเจ้า ว่าจะหายาผงหลิงซีได้อย่างไร”
รพีพงษ์กลับไปนั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง ฟังสิ่งที่จิรภัทรพูดอย่างสงบนิ่ง
“เจ้ารู้จัก ป่าหมอกไหม?”
จิรภัทรพูดถาม
รพีพงษ์ส่ายๆหน้าพร้อมพูดว่า : “ข้าไม่เคยได้ยินชื่อแห่งนี้มาก่อน นั่นคือที่ไหนเหรอ?”
จิรภัทรมานั่งอยู่ตรงหน้าของรพีพงษ์ : “ป่าหมอก เป็นสถานที่ที่อยู่ไม่ห่างไกลจากสำนักเทพยาเซียน ต้นไม้ที่นั่นรกทึบ ถึงแม้จะเป็นเวลากลางวัน แสงอาทิตย์ก็ไม่สามารถสาดส่องเข้าไปข้างในได้ อีกอย่าง โดยปกติแล้วส่วนใหญ่ก็จะถูกปกคลุมไปด้วยหมอก เพราะงั้นจึงเรียกว่าป่าหมอก ”
“ที่เจ้าบอกว่าที่ที่อยู่ไม่ไกลจากถ้ำที่ข้าอยู่ นั่นก็คือป่าที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่นั่นใช่ไหม?” รพีพงษ์พูดถาม
จิรภัทรพยักหน้า : “ใช่ ที่นั่นแหละ ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้มาบ้างแล้ว”
“ไม่ ปยุตเคยพูดเตือนผมแล้วครั้งหนึ่ง เขาให้ผมอยู่ห่างๆกับป่าไม้นี่หน่อย บอกว่าที่นั่นอันตราย ” รพีพงษ์พูดตามความจริง
“ใช่ ที่นั่นอันตรายจริงๆ”จิรภัทรพูดกล่าว : “หลายร้อยปีมานี้ คนของสำนักเทพยาเซียนของเรา ได้เข้าไปทั้งหมด 8คน มี7คนที่หายสาบสูญไปอย่างไร้วี่แวว มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีชีวิตรอดกลับมาได้”
“หืม?จะเป็นไปได้ยังไง?หรือว่า ที่นั่นจะมียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่?” รพีพงษ์พูดกล่าว
“ใช่ เจ้าสามารถพูดได้ว่า ยอดฝีมือที่อยู่ในป่าหมอก ไม่ใช่คน!”จิรภัทรพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“ไม่ใช่คน?แล้วจะเป็นอะไรได้ล่ะ?” รพีพงษ์รู้สึกช็อคมาก ที่จิรภัทรพูดทั้งหมด ลึกลับยิ่งกว่าลึกลับ ตัวเองก็ค่อนข้างยากที่จะเข้าใจหน่อยๆแล้ว
“สัตว์เซียน!”
จิรภัทรตอบกลับ ราวกับว่าเข้าไปอยู่ในห้วงความทรงจำที่แสนเจ็บปวดยังไงอย่างนั้น : “หนึ่งในแปดคนนั้น คนเดียวที่สามารถมีชีวิตหนีรอดมาจากป่านั้นได้ ก็คืออดีตเจ้าสำนักแห่งสำนักเทพยาเซียน ก็คือปรมาจารย์ของข้ากับปยุต”
“ข้ายังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้อย่างแม่นยำ ปรมาจารย์เขาถูกหามออกมาจากทางฝั่งของป่าหมอก เลือดทั่วตัว ยุบลงไปครึ่งใบหน้า มีอาการหวาดกลัว”
“ถึงแม้ว่าจะใช้ยาครอบจักรวาลของสำนักเทพยาเซียนของเรา ปรามาจารย์อยู่ในวัยชราแล้ว สุดท้ายก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนก็เสียชีวิตลงแล้ว อย่างที่รู้กัน ชายชราเขาในตอนนั้นก็เพิ่งจะอายุเพียง90ปีเท่านั้น!”
รพีพงษ์รู้สึกเสียใจภายหลังที่ให้จิรภัทรรำลึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา สำหรับนักบำเพ็ญตนแล้ว 90ปี ก็ยังไม่ถือว่าแก่อะไรเลยจริงๆ
“ในเมื่อก่อนหน้ามีเจ็ดคนที่เสียชีวิตลงในป่าหมอก ทำไมปรมาจารย์ของเจ้าถึงยังจะเข้าไปอีกล่ะ?”รพีพงษ์เอ่ยถาม
จิรภัทรขมวดคิ้ว : “เพราะว่า……สำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุแล้ว ความดึงดูดของป่าหมอกมันช่างยิ่งใหญ่มากเกินไปแล้วจริงๆ!”
“พลังทิพย์ของที่นั่นสูงกว่าที่สำนักเทพยาเซียนยาของเราเป็น10เท่า แม้ว่าจะเป็นสมุนไพรยาที่เหมือนกัน ภายในป่าหมอก ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพหรือว่าคุณสมบัติของยาก็อยู่เหนือกว่าที่นี่ของเรามาก ก็เป็นเพราะว่าพลังทิพย์ของที่นั่นท่วมท้นมาก ที่นี่ถึงได้กำเนิดสัตว์เซียนขึ้นมา!”
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนว่า ป่าหมอกแห่งนี้จะเป็นอันตรายจริงๆ แต่ว่า โชคดีที่ตัวเองเป็นคนของครึ่งแดนเทพ มีความมั่นใจมากพอที่จะไปทุกมุมในโลกแห่งนี้
“เจ้ารู้ไหมว่า ตอนที่ปรมาจารย์ของข้าเข้าไปในป่าหมอก อยู่ระดับไหน?” จิรภัทรพูดถาม
หลังจากที่เห็นรพีพงษ์ส่ายหน้า เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า : “ในตอนนั้นปรมาจารย์ เป็นแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว เพียงแค่คิดไม่ถึง แม้ว่าจะมีพละกำลังเช่นนี้ ก็ยังไม่สามารถหนีรอดมาจากป่าหมอกนั่นได้”
พูดมาถึงตรงนี้ จิรภัทรก็รู้สึกเจ็บปวดครู่หนึ่งแล้ว
“รพีพงษ์ เมื่อคุณได้ฟังที่ข้าพูดมาทั้งหมด เจ้ายังจะไปอีกไหม?”จิรภัทรพูดถาม
“ไป” รพีพงษ์พูดกล่าวอย่างหนักแน่น
“แต่ว่า พละกำลังของข้า……”จิรภัทรค่อนข้างเป็นกังวลเล็กน้อย ถึงอย่างไร ปรมาจารย์ของตัวเองในตอนนั้นก็เป็นแดนดั่งเทพชั้นยอด แม้ว่ารพีพงษ์จะอยู่ในระดับเดียวกับปรมาจารย์ในตอนนั้น ก็ยากที่จะรอดกลับมา
“วางใจเถอะ ตอนนี้ข้า ได้ย่างก้าวเข้ามาสู่ครึ่งแดนเทพแล้ว ”
รพีพงษ์กล่าวพูดอย่างราบเรียบ
“แดนเทพครึ่งก้าว!”
จิรภัทรมองไปยังรพีพงษ์ด้วยความตกใจ แข็งทื่อเหมือนหินไปโดยสิ้นเชิง