พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1244 เข้าสู่ป่าหมอก
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1244 เข้าสู่ป่าหมอก
สามารถที่จะอยู่ร่วมยุคสมัยกับคนที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้ สำหรับนักบำเพ็ญตนอย่างจิรภัทรแล้ว เป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่มาก
“โอเค ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้ารอเลย ข้าจะให้ของบางอย่างกับคุณ”
พูดแล้ว จิรภัทรก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปข้างนอก
ผ่านไปไม่ถึง 10 นาที จิรภัทรก็เดินกลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้ ในมือของเขาก็มีแผ่นกระดาษสีเหลืองเก่าๆติดมือมาด้วย
“นี่คือ?”
“นี่เป็นแผนที่ที่ปรมาจารย์ของข้าวาดมาจากความทรงจำ หนึ่งเดือนก่อนที่จะเสียชีวิตลง อาจจะช่วยเหลือเจ้าได้” จิรภัทพูดกล่าว
“ขอบคุณมากเจ้าจิรภัทร!”
รพีพงษ์พูดกล่าว พร้อมรับแผนที่มาแล้ว
จะว่าไปแล้ว แผนที่ค่อนข้างที่จะละเอียดมาก ที่ไหนมีภูเขามีแม่น้ำ ที่ไหนมีลำธารในหุบเขา ได้ทำการหมายเหตุไว้อย่างชัดเจน
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ปรมาจารย์ของจิรภัทรในตอนนั้น ก็ได้ทำสัญญาลักษณ์บอกถึงจุดที่เป็นอันตรายในป่าหมอกไว้ด้วย
เพียงแค่ มองแล้ว แผนที่ฉบับนี้ไม่ค่อยครบถ้วนสักเท่าไหร่ เหมือนว่าจะขาดหายไปเยอะ
“ตอนนั้นปรมาจารย์ยังไม่ทันได้เข้าไปสู่ใจกลางของป่าหมอก ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว เพราะงั้น สำหรับป่าหมอก ทั้งหมดที่เขารู้ก็มีเพียงเท่านี้แหละ” รพีพงษ์พูดกล่าว
“ยาผงหลิงซี จะได้มาอย่างไร” รพีพงษ์พูดถาม
“เห็นตรงนี้หรือไม่”
จิรภัทรชี้ไปยังที่ที่หนึ่งบนแผนที่ ที่แห่งนั้นอยู่ใกล้กับใจกลางป่าหมอก
เมื่อรพีพงษ์มองไป ก็เห็นแค่เพียงตัวหนังสือหนึ่งบรรทัดเท่านั้น
“หุบเขาหลิงซี ในนั้นมีสัตว์เซียนที่ชื่อแรดโบราณ ยาผงหลิงซียังคงเป็นตัวยาชั้นดีที่ช่วยเพิ่มคุณสมบัติทางยาได้ ที่ซ่อนอยู่บนตัวของมัน ”
รพีพงษ์พยักหน้าเล็กน้อย ดูเหมือนว่า ยาผงหลิงซีน่าจะเอามาจากบนนอของแรดโบราณแล้วแหละ
“หน้าที่ยุบเข้าไปครึ่งหนึ่งของปรมาจารย์ ก็เกิดจากการถูกแรดโบราณตัวนี้ทำร้าย เจ้าดูนี้สิ!”
พูดแล้ว จิรภัทรก็พลิกแผนที่ไป
รพีพงษ์มองเข้าไป ที่หลังของแผ่นที่ก็ยังคงเขียนตัวหนังสือหนึ่งบรรทัดเช่นเดียวกัน
เมื่อเทียบกับหนี่งบรรทัดก่อนหน้านี้ บรรทัดนี้สามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่า คนที่เขียนหนังสือมีพลังเลือดไม่เพียงพอ น่าจะเขียนตอนที่กำลังจะตาย
ไม่เข้าสู่แดนเทพ อย่าริอาจเหยียบเข้าไปในป่าหมอก!
“นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายของปรมาจารย์ของเรา หลังจากที่เขียนประโยคนี้จบ ชายชราเขาก็ได้เสียชีวิตลงแล้ว” จิรภัทรพูดอย่างสะเทือนอารมณ์
รพีพงษ์นิ่งเงียบ แผ่นที่ใบนี้เป็นความพยายามทุ่มเทอย่างหนักของปรมาจารย์จิรภัทร แต่ในเวลาเดียวกัน ก็เป็นการเตือนสติคนรุ่นหลัง อันตรายที่อยู่ในป่าหมอก ให้พวกเขาเอาสิ่งนี้เป็นอุทาหรณ์ กระทำการอย่างระมัดระวัง
“แผ่นที่ใบนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของปรมาจารย์เจ้า เจ้าเก็บไว้ให้ดีเถอะ” รพีพงษ์พูดกล่าว : “ครั้งนี้เข้าไปตามหายาผงหลิงซี อันตรายมาก ถ้าหากเกิดความเสียหาย งั้นข้าก็คงรับผิดชอบไม่ไหว”
“ไม่ รพีพงษ์ เจ้ารับมันไปเถอะ ในป่าหมอกมีหมอกปกคลุมหนามาก มันก็อาจจะช่วยเจ้าได้บ้าง” จิรภัทรพูดกล่าว
“ไม่ต้องแล้ว ข้าได้จดจำแผ่นที่ทั้งหมดไว้แล้ว” รพีพงษ์ตอบกลับ
จิรภัทรมองไปยังรพีพงษ์อย่างไม่พูดไม่จา เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็สามารถจดจำทั้งหมดในแผ่นที่ได้แล้ว
แต่ว่า เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวของรพีพงษ์ จิรภัทรไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย
เพราะว่า พรสวรรค์อันน่าทึ่งของรพีพงษ์ แสดงอยู่เบื้องหน้าของจิรภัทรตั้งนานแล้ว
“เพียงแค่ ข้ายังมีอีกหนึ่งข้อสงสัยที่อยากจะถามเจ้า”
รพีพงษ์เอ่ยถามต่อ : “ป่าหมอกอยู่ติดกับสำนักเทพยาเซียน ตามที่เจ้าพูดมาทั้งหมด สัตว์เซียนที่อยู่ในนั้นมีพลังกำลังที่แข็งแกร่งมาก งั้นทำไมเมื่อหลายร้อยปีก่อน พวกเจ้าทั้งสองถึงไม่เคยเกิดความขัดแย้งขึ้นมาก่อนล่ะ ?”
“เรื่องนี้……พวกข้าก็ไม่มีคำตอบมาโดยตลอด”
จิรภัทรพูดตามตรงว่า : “พูดแล้วก็แปลกนะ หลายร้อยปีก่อน สัตว์เซียนทั้งหลายไม่เคยเหยียบย่ำออกมายังป่าหมอกแม้แต่ครึ่งก้าว ขอเพียงแค่คนของสำนักเทพยาเซียนไม่เข้าไปคุกคาม พวกเขาก็จะไม่ออกมาโจมตีพวกข้า เพราะงั้น ทุกคนต่างก็ใช้ชีวิตอย่างสงบ”
“นี่มันก็ค่อนข้างแปลกจริงๆนะ”
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ขี้เกียจจะไปคิดพิจารณาอะไรเยอะแยะ
ตอนนี้ ต้องเอายาผงหลิงซีมาให้ได้ นำมากลั่นเป็นยาเม็ดไป่หลิงถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
“วันนี้ก็ขอบคุณเจ้าจิรภัทรมาก พรุ่งนี้เช้า ข้าก็จะเข้าไปยังป่าหมอก ” รพีพงษ์พูดกล่าว
“โอเค ในเมื่อเจ้าตัดสินใจดีแล้ว งั้นข้าก็จะไม่รบกวนการพักผ่อนของเจ้าแล้ว” พูดแล้ว จิรภัทรก็ถอยออกไป
เช้าวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าแจ่มใส
จิรภัทรพารพีพงษ์ไปยังป่าหมอกด้วยกัน เบื้องหลังของพวกเขา ก็เป็นลูกศิษย์ทั้งหมดของสำนักเทพยาเซียนติดตามมาด้วย
และหนึ่งในนั้นก็ยังรวมถึงจิลลาและปยุต
ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว สุดท้ายก็มีคนกล้าบุกเข้าไปในป่าหมอกอีกครั้ง
จิรภัทรมีท่าทีที่จริงจัง และรพีพงษ์ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
ตัวเองก็เป็นเสินจิ้งครึ่งก้าว แม้ว่าจะพูดไม่ถึงแดนเทพ อย่าริอาจเหยียบย่ำเข้าป่าหมอก แต่ว่ามีการปลุกเสกของคาถา รพีพงษ์ก็มีพละกำลังของเสินจิ้งขั้นกลาง
เขาคาดเดาว่า พละกำลังแบบนี้ เพียงพอที่จะทำให้เขาถอนตัวได้เมื่อเผชิญกับอันตราย
“ประมุกรพี ข้างหน้าก็คือป่าหมอกแล้ว เราก็มาส่งเจ้าถึงตรงนี้นะ” จิรภัทรหยุดก้าวเดินพร้อมพูดกล่าว หยิบยาเม็ดสีเหลืองอ่อนๆออกมาหนึ่งเม็ด
“ชื่อยานี้ก็คือยาเม็ดกู้เสิน มีการยกระดับสูงขึ้นเพียงเวลาสั้นๆด้วยจิตวิญญาณเทพ เป็นยาชั้นเลิศที่ข้ากลั่นออกมาเมื่อหนึ่งปีก่อน หวังว่าจะสามารถช่วยเหลือเจ้าได้”
หลังจากที่รพีพงษ์รับยาไป ยิ้มพร้อมพูดว่า : “ขอบคุณเจ้าจิรภัทรที่มอบให้ ทุกท่านกลับไปเถอะ”
พูดแล้ว รพีพงษ์ก็เตรียมที่ก้าวเข้าไปยังป่าหมอกแล้ว
“พี่รพี!”
ในเวลานี้ จิลลาก็เดินก้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“เจ้ามีธุระอะไรเหรอ?” รพีพงษ์เอ่ยพูดอย่างเนิบๆ
“ครั้งนี้เจ้าจะเข้าไปยังป่าหมอก ประมาณกี่วันเหรอ”
“ข้าได้ดูแผนที่แล้ว ถ้าหากทุกอย่างราบรื่น ภายในสามวัน จะต้องกลับมาแน่นอน” รพีพงษ์พูดกลับ
“อื้ม”จิลลาพยักหน้าเบาๆ ทันใดนั้นก็ยิ้มพร้อมพูดว่า : “ฉันเชื่อว่าพี่รพีจะกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน นี่คือเสบียงกรังที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าค่ะ เวลาที่เจ้าหิวก็สามารถกินรองท้องได้”
พูดแล้ว จิลลาก็เอาถุงผ้าออกมา อยากจะมอบเข้าไปในมือของรพีพงษ์
“ไม่จำเป็นนะ ถ้าหิว ก็หาผลไม้เหล่านั้นในป่ากินก็ได้แล้ว”
รพีพงษ์ตอบปฏิเสธกลับไป
นั่นเป็นเพราะว่า เขาเหลือบมองไปไม่ไกล ปยุตส่งสายตาให้กับตัวเอง พร้อมทั้งทำมือโบกปัดๆไปเล็กน้อย
ฝีมือการทำอาหารของจิลลาสำหรับปยุตแล้วคือฝันร้ายยังไงอย่างนั้น
ไม่รู้จริงๆว่ายัยเด็กคนนี้เอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงได้มั่นใจในฝีมือการทำอาหารของตัวเอง
“พี่รพี เจ้ารับไว้หน่อยเถอะ ข้า……”จิลลารู้สึกน้อยใจเล็กน้อย คิดว่ารพีพงษ์ยังคงโกรธเคืองกับความอำมหิตของเธอก่อนหน้านี้
“พอแล้ว จิลลา”
จิรภัทรเดินก้าวขึ้นมาพูดว่า : “ที่รพีพงษ์พูดก็ถูกนะ นำเสบียงกรังเหล่านี้เข้าไปในป่าหมอก ถึงอย่างไรก็เป็นภาระ”
“อ้อ ”จิลลาทำปากมุ่ย ในใจก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
พระอาทิตย์ขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่รพีพงษ์บอกลาทุกคนแล้ว ก็หันหลังเข้าไปในป่าหมอก
“ทุกคนฟังคำสั่ง!”
หลังจากที่รพีพงษ์เข้าสู่ป่าหมอกไปแล้ว รพีพงษ์พูดเสียงดังว่า : “ข้าขอสั่ง ให้ศิษย์ในสำนัก ผลัดกันเฝ้าชายป่าหมอกตลอด 24 ชม ห้ามเกิดข้อผิดพลาดเด็ดขาด!”
“รับทราบ!”
ลูกศิษย์ทุกคนตอบกลับ
จิรภัทรมองยังป่าหมอกที่อยู่ข้างหน้าอีกครั้ง ความรู้สึกประเดประดังเข้ามาพร้อมกันหมด
รพีพงษ์ เจ้าจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่รอให้เจ้าไปทำให้สำเร็จนะ
……
ข้างนอกอากาศแจ่มใส หลังจากที่เข้าไปยังป่าหมอกแล้ว เป็นอย่างที่จิรภัทรบอกเลย ทันใดนั้นฟ้าก็มืดลงทันที
กิ่งก้านที่สูงตระหง่านปกคลุมฟ้า บดบังแสงแดดจากรอบนอก
ภายในป่าหมอก หมอกปกคลุมหนาแน่น เหมือนดั่งแดนสวรรค์ แต่มันก็มีความแปลกๆอยู่บ้าง
รพีพงษ์เดินทางอย่างรวดเร็วเข้ามาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
ตลอดทาง กลับว่าไม่ได้เจอเรื่องที่เป็นอันตรายเลย ในทางกลับกัน ได้เข้ามายังป่าหมอกแล้ว รพีพงษ์เพียงแค่รู้สึกว่า ในอากาศ รายล้อมด้วยปราณทิพย์ แม้แต่หายใจเข้าออกก็สะดวกราบรื่นขึ้นเยอะเลย
“ที่นี่เป็นสวรรค์แห่งการหลบเข้ามาพักผ่อนจริงๆ!”
รพีพงษ์พูดชื่นชม
ตามแผนที่ที่จดจำมาได้ ข้างหน้าที่อยู่ไม่ไกล มีแนวภูเขาและสายน้ำลำธาร
เร่งฝีเท้าผ่านป่าเข้าไปอย่างรวดเร็ว รพีพงษ์ก็รู้สึกค่อนข้างกระหายน้ำแล้ว
งั้นก็ดื่มน้ำใสๆกลางภูเขาก่อน แล้วค่อยมุ่งหน้าเข้าไปสู่ข้างในป่าหมอก
คิดแล้ว รพีพงษ์ก็เร่งฝีเท้าเข้าไปถึงลำธารนั่นแล้ว
“ใสสะอาดเลยจริงๆ!”
รพีพงษ์พูดชื่นชม ก้มตัวลง ดื่มไปหนึ่งอึกแล้ว
รสชาติของน้ำในลำธารนำมาซึ่งความหวานจางๆ แก้กระหายได้มาก อร่อยกว่าน้ำแร่ภูเขาตราหนงฟูในเมืองเยอะเลย
หลังจากที่ดื่มไปอีกสามสี่อึก รพีพงษ์ก็พึงพอใจมาก ดูเหมือนว่า ภายในลำธารนี้จะเต็มเปี่ยมไปด้วยปราณทิพย์ ทำให้คนเกิดปฏิกิริยารับรู้ได้ไวทันที
ตอนที่รพีพงษ์กำลังเช็ดปาก เตรียมจะออกเดินทางต่อไป
ทันใดนั้น ใต้ก้นของกระแสน้ำลำธาร ก็แพร่ซ่านเสียงดังใหญ่โต
รพีพงษ์ตื่นตัวขึ้นมาทันที ภายใต้จิตวิญญาณที่ทรงพลัง เขาถอยลงไปไกลกว่าสิบเมตรทันที
ตามมาด้วย กระแสน้ำลำธารที่เดือดขึ้นมาอย่างกับถูกต้มยังไงอย่างนั้น เดือดขึ้นมาแล้ว
“นี่คือ……”
รพีพงษ์มองไปยังทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้า ทันใดนั้น มีฟองอากาศใหญ่มากเข้ามา มีงูยักษ์ทะยานขึ้นจากน้ำ!
พูดถึงงูยักษ์ตัวใหญ่มาก ไม่ถือว่าเว่อร์เกินจริงแม้แต่นิดเดียว
ในความทรงจำของรพีพงษ์ งูยักษ์ตัวนี้ใหญ่กว่างูหลามยักษ์ในสวนสัตว์ซาฟารีเกียวโตหลายสิบเท่า!
งูยักษ์คายลิ้นออกมาเหมือนเสื่อยังไงอย่างนั้น หัวเชิดสูงขึ้น แววตาจ้องเขม็งไปยังรพีพงษ์
“นี่……คือสัตว์เซียนเหรอ?”