พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 125
บทที่ 125 น้ารองของรพีพงษ์
“รพีพงษ์ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? “อารียาเห็นรพีพงษ์ยืน เหม่อ เลยถามอย่างเป็นกังวล
รพีพงษ์ดึงสติกลับมา แล้วยิ้มให้อารียาจากนั้นพูด ขึ้น:”ไม่มีอะไร คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด เดี๋ยวผมจะ จัดการ2เรื่องนี้ให้เรียบร้อย”
“เข้าใจผิด? นี่อ่ะนะเข้าใจผิด พวกเขาตบฉันเนี่ยนะ? รพีพงษ์ ที่ฉันโดนตบก็เพราะแก แกไปก่อเรื่องไว้ใหญ่โต แล้วจะให้เราประสบหายนะไปพร้อมกับแกด้วยงั้นเหรอ แก ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า! “ศศินัดดาพูดอย่างเดือดดาล
“แม่ เรื่องนี้เป็นเพราะผมก็จริง แต่คงไม่มีใครตบคนอื่น โดยไม่มีเหตุผล แม่ว่าจริงไหม? “รพีพงษ์ถามเธอกลับ
ศศินัดดากินปูนร้อนท้องขึ้นมาทันที ที่เธอโดยตบทั้งสอง ครั้ง เป็นเพราะปากพล่อยๆของตัวเองทั้งนั้น
“เหอะ แกอย่ามาเถียงข้างๆคูๆ แกยังหลอกให้ฉันจ่ายค่า สินทรัพย์เดือนละหนึ่งแสน ฝ่ายสินทรัพย์ที่ไหนกันถึงได้
แพงขนาดนี้ แกคงเป็นคนส่งมาหลอกฉันแน่ๆ”ศศินัดดาพูด
“แม่ วิลล่าหลังนี้แม่เป็นคนให้ผมโอนให้แม่เอง ทำไมถึง กลายเป็นผมหลอกแม่ได้ล่ะ? “รพีพงษ์พูดอย่างอดไม่ได้ การมาของโยษิตาทำให้เขาไม่สบายใจเล็กน้อย
เมื่อศศินัดดาเห็นรพีพงษ์ไม่มีทีท่า ว่าจะจ่ายชุดเชยให้ เธอ เธอจึงนั่งลงบนพื้นและงัดเล่ห์เหลี่ยมออกมา
“ลูก แกดูเจ้ารพีพงษ์คนนี้ ทำให้แม่ต้องโดนตบ แถมยัง หลอกเอาเงินที่เราเก็บมาทั้งชีวิตไปจนหมด ถ้าเขาไม่จ่าย ชดใช้ให้แม่ แกก็หย่ากับเขาซะ !
อารียาขมวดคิ้ว จู่ๆก็คิดได้ว่าที่ศศินัดดาโดนตบ คงเป็น เพราะเธอทำตัวเองแหละ
“แม่ แม่อย่ามาก่อเรื่องวุ่นวายเลย ถ้าแม่คิดว่าแม่รับผิด ชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ของวิลล่าหลังนี้ไม่ไหว งั้นก็คืนวิลล่า ให้รพีพงษ์ ไม่งั้นแม่ก็หาเรื่องใส่ตัวอยู่แบบนี้้”อารียาพูด เสียงเย็นชา
เธอเข้าใจดีที่ศศินัดดามาไม้นี้ ถ้าเธอใจอ่อน ศศินัดดาก็ จะทำให้วุ่นวายกว่าเดิม
เมื่อศศินัดดาได้ยินสิ่งที่อารียาพูดก็ถลึงตาทันที พลาง พูด”จะให้แม่คืนวิลล่าให้เขา ไม่มีทาง หรือที่แม่โดนตบ สองฉาดนี้โดนไปฟรีๆงั้นเหรอ? แม่ไม่เพียงไม่คืนวิลล่านี้ ให้เขา แม่ยังจะให้เขาจ่ายค่าสินทรัพย์นี่แทนแม่ด้วย”
“แม่! แม่ทำเกินไปแล้วนะ! “อารียาพูดอย่างเดือดดาล
เธอไม่คิดว่าศศินัดดาที่ผ่านเรื่องมาขนาดนี้แล้ว ยังไม่ สำนึกผิดอีก
รพีพงษ์ถอนหายใจ แล้วจับไหล่ของอารียาพลาง พูด:”เอาเป็นว่าทำตามที่แม่ว่าเถอะ ผมจะจ่ายค่าสินทรัพย์ เองแต่เงื่อนไขแรกคือต้องให้เราย้ายกลับมาอยู่ที่นี่”
รพีพงษ์คิดว่าที่ศศินัดดาโดนตบ คงเพราะตัวของเธอเอง อีกทั้งวิลล่าเป็นของเขาหรือไม่นั้นเขาไม่สน แค่เพียงได้อยู่กับอารียา อยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน
ศศินัดดาได้ยินรพีพงษ์พูดเช่นนั้น ก็รีบลุกขึ้นจากพื้น พลางพูด “ลูก แกได้ยินแล้วใช่ไหม เขาพูดเองนะ แกรีบเอา เงินค่าสินทรัพย์ของเดือนนี้ให้แม่ เงินหนึ่งแสนที่แม่จ่ายไป นั้น เป็นเงินค่างานศพของแม่เลยนะ”
“ตอนนี้ผมไม่มีเงินสดติดตัวเยอะขนาดนั้น เดี๋ยวผมไป กดแล้วเอามาให้” รพีพงษ์พูด
“ตามที่แกว่า”ศศินัดดาดีใจมาก จนลืมเรื่องที่ตัวเองโดน ตบไปซะสนิท
“คุณให้ท้ายแม่เกินไปแล้ว”อารียาจ้องรพีพงษ์พลางพูด รพีพงษ์ยิ้มบางๆและพูดขึ้น ” แม่เป็นผู้อาวุโส อะไรยอม ได้ก็ยอมไปเถอะ”
“งั้นเรื่องคุณชายตระกูลกุลสวัสดิ์กับผู้หญิงคนนั้น จะมี ปัญหาอะไรไหม? “อารียาถาม
“ไม่ต้องกังวล ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอก พวกเขามาหา ผม ผมไปจัดการนิดๆหน่อยๆก็โอเคแล้ว”รพีพงษ์ยิ้มบางๆ
“งั้นคุณก็ระวังตัวด้วย”อารียาพูดอย่างเป็นห่วง
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วบอกว่าจะไปจัดการเรื่องอะไร หน่อย จากนั้นก็ออกจากวิลล่าไป
โรงแรมซินหล่อเฮ้าส์
โรงแรมแห่งเดียวในเมืองริเวอร์ที่สร้างริมแม่น้ำ พูดได้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่มองเห็นวิวเมืองริเวอร์ได้สวยที่สุด
ที่นี่เหมือนกับโรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชั่นเนล เป็น สถานที่ที่มีระดับ คนที่มาล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง และ บุคคลระดับสูง
เมื่อก่อนที่นี่เป็นของตระกูลกุลสวัสดิ์ นี่เป็นสถานที่ที่กุนล
โรจน์แห่งตระกูลกุลสวัสดิ์จัดเตรียมให้ตัวเองขึ้นมาโดย
เฉพาะ
แต่ตอนนี้ที่นี่เปลี่ยนเจ้าของแล้ว พนักงานทุกคนของโรง แรมซินหล่อเฮ้าส์ล้วนรู้ข่าวแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของคนใหม่ นั้นเป็นใคร รู้แค่ว่าเป็นผู้หญิง
เมื่อรพีพงษ์ปรากฏตัวต่อโรงแรมซินหล่อเฮ้าส์ เขาสวม กางเกงยีนส์และเสื้อกัก มองยังไงก็ไม่เหมือนบุคคลที่มีชื่อ เสียง
เขาเดินเข้าไปในโรงแรมซินหล่อเฮ้าส์ ทันใดนั้นเองก็ มีรปภ.2คนเข้ามา และขวางรพีพงษ์ไว้
“นาย ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายจะเข้ามาได้ รีบออกไปซะ อย่า ทำให้กระทบกับธุรกิจของที่นี่ “รปภ.คนหนึ่งพูดอย่างไม่ พอใจ
เขาเห็นรพีพงษ์แต่งตัวแบบนี้ แค่มองก็รู้ว่าเป็นพวกคนจน คนจนเช่นนี้จะมีสิทธิ์เข้ามาในสถานที่ของคนระดับสูงได้ อย่างไร
“ผมมาหาคน คุณไปบอกให้หน่อยสิ ผมชื่อรพีพงษ์ “รพี
พงษ์พูด
รปภ.ทั้ง2หัวเราะออกมาทันที หนึ่งในนั้นก็พูดขึ้นมา:”แก ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรีไงวะ ไม่ดูสารรูปตัวเองเลย คนที่มา โรงแรมซินหล่อเฮ้าส์ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตทั้งนั้น ใครจะ มารอคนชั้นต่ำอย่างแก? ”
“แกรีบออกไปซะ ถ้าส่งผลกระทบกับอารมณ์ของแขก คนอื่นๆ แกรับผิดชอบไหวเหรอ? “อีกคนพูดขึ้น
รพีพงษ์ยักไหล่ไปมา ไม่สนใจสองคนนี้แล้วเดินเข้าไป
ทันใดนั้นก็มีผู้ชายใส่สูทเดินมา เขาเป็นหัวหน้าล็อบบี้ เมื่อครู่เจ้านายคนใหม่บอกกับเขาแล้ว ว่าให้เขารอคนที่ชื่อ รพีพงษ์
เขาเดินมาถึงด้านหลังของรูปภ.ทั้งสอง แล้วพูด:”เกิด อะไรขึ้น? เสียงดังเอะอะโวยวาย พวกแกกลัวแขกด้านใน ไม่ได้ยินงั้นเหรอ? ”
รปภ.ทั้งสองสำรวมขึ้นทันที แล้วหันไปมองผู้จัดการด้วย ความเคารพ
“ผู้จัดการ มีไอ้ชั่วจะเข้าไปด้านในให้ได้ เรากำลังจะไล่ มันออกไป”รปภ.พูด
ผู้จัดการเหลือบมองรพีพงษ์ที่อยู่ด้านนอก เขาดูเหมือน คนชั้นต่ำจริงๆ แต่กผู้ไม่ได้สนใจอะไร และพูดขึ้น:”งั้นก็รีบ ไล่เขาออกไป วันนี้ฉันรอแขกคนสำคัญอยู่ ถ้าเรื่องนี้ผิด พลาดไป พวกแกสองคนรับผิดชอบไม่ไหวแน่ ! ”
รปภ.ทั้งสองพยักหน้า และกำลังจะไปไล่รพีพงษ์
“มันชื่อรพีพงษ์ แถมยังบอกอีกว่ามีคนรออยู่ด้านใน น่าขำจริงๆ คนที่เข้ามาที่นี่ล้วนเป็นคนใหญ่คนโต จะมีใครรอ คนชั้นต่ำแบบนี้ได้ยังไง”รปภ.คนหนึ่งพูดขึ้น
เมื่อผู้จัดการได้ยินก็ตกใจจนตาถลึง เขารีบหันไปเรียก รปภ.สองคนนั้นไว้
“เมื่อกี้พวกแกพูดว่าไงนะ? เขาชื่อรพีพงษ์งั้นเหรอ? “ผู้
จัดการรีบพูด
รปภ.ทั้งสองหันมาพยักหน้า
“ใช่ คนคนนี้ชื่อรพีพงษ์ เหมือนผมจะเคยได้ยินว่าเมืองริ เวอร์มีเศษขยะที่ชื่อรพีพงษ์” รูปภ.พูดอย่างไม่พอใจ
ผู้จัดการหน้าถอดสี ที่เจ้านายคนใหม่สั่งเขาเมื่อครู่คือให้ เขารอคือรพีพงษ์ ไม่คิดว่ารูปภ.สองคนนี้จะไล่รพีพงษ์ไป เจ้านายบอกให้มารอคน คงเป็นคนสำคัญ ถ้าไล่ออกไป
เกรงว่างานของเขาคงไม่เหลือแน่ๆ
เขายกมือขึ้นแล้วตบลงไปบนหน้าของรูปภ.ที่กำลังพูด อยู่ และด่าทอ “ฉันว่าแกนั่นแหละที่เป็นเศษขยะ ถึงได้กล้า ต้อนรับแขกคนสำคัญของเจ้านายแบบนี้ ฉันว่าแกไม่อยาก มีชีวิตอยู่แล้ว!
รปภ.คนนั้นอึ้งไป ไม่คิดว่าผู้จัดการจะกล้าลงไม้ลงมือตบ คนอื่น รปภ.อีกคนยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็โดนตบไปเหมือนกัน
และโดนผู้จัดการด่า
หลังจากผู้จัดการสั่งสอนทั้งสองคนเสร็จ ก็รีบเดินไปหารพีพงษ์อย่างนอบน้อม และพูดอย่างเคารพ: “คุณคือคุณรพี พงษ์?
รพีพงษ์พยักหน้า
“ต้องขอโทษจริงๆครับ รปภ.สองคนนั้นเพิ่งมาใหม่ ไม่รู้ เรื่องอะไรถึงได้ล่วงเกินคุณ หวังว่าคุณคงไม่ใส่ใจ เดี๋ยว ผมจะไล่ทั้งสองคนออกครับ”ผู้จัดการพูด
รปภ.ทั้งสองรู้สึกไม่ยุติธรรม ผู้จัดการเป็นคนบอกให้ไล่ รพีพงษ์ออกไปเองแท้ๆ ทำไมพอได้ยินชื่อรพีพงษ์ ผู้ จัดการถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้?
“พาฉันไปเถอะ”รพีพงษ์พูด
ผู้จัดการพยักหน้าทันที แล้วพารพีพงษ์เข้าไปในโรงแรม
ซินหล่อเฮ้าส์
ทั้งคู่เดินมาถึงห้องที่ดีที่สุดของโรงแรมซินหล่อเฮ้าส์ ผู้ จัดการพูดอย่างเคารพ:”เจ้านายของเรารอคุณอยู่ด้านใน
ครับ”
รพีพงษ์พยักหน้า พลางยืนมือไปผลักประตู แล้วเดิน เข้าไป
ห้องนี้พื้นที่กว้างมากๆ การตกแต่งเรียบง่าย แต่เผยให้ เห็นบรรยากาศหรูหรา หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานบาน ใหญ่ ช่วยให้มองเห็นความสวยงามของเมืองริเวอร์
หน้ากระจกบานใหญ่มีโต๊ะที่ฝีมือละเอียดอ่อนวางอยู่ และมีผู้หญิงหน้าตาดีนั่งอยู่หน้าโต๊ะ ข้างๆผู้หญิงคนนั้นมีผู้ อาวุโสอายุราวๆ 50-60ปียืนอยู่
เมื่อเห็นว่าประตูเปิดออก ผู้หญิงคนนั้นก็หันไปมอง พลาง พูด:”มาแล้วเหรอ”
รพีพงษ์เดินหน้าตายไปยังด้านหน้าของโต๊ะแล้วนั่งลง
“เรียกพบผมมีอะไร? “รพีพงษ์พูด
“ทำไมเย็นชาแบบนี้ล่ะ ฉันเป็นน้าของเธอนะ แม้แต่คำว่า น้าเธอก็เรียกไม่ได้งั้นเหรอ? โยษิตาพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ
รพีพงษ์มองผู้หญิงที่สวยจนทำให้คนในสั่นและอ่อนโยน จนทำให้คนหลงตรงหน้า เขารู้ว่ามันเป็นเพียงการแสดง
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ตอนนั้นเป็นคนใส่ร้ายเขาว่า เขาจะฆ่าแม่ของตัวเองเพื่อยึดอำนาจ จึงทำให้เขาโดนไล่ ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์
“วันที่ผมออกจากตระกูลลัดดาวัลย์วันนั้น ผมกับคุณก็ ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอะไรกันอีก ในสายตาของผม คุณก็เป็นแค่คนแปลกหน้า”รพีพงษ์พูด
โยษิตาได้ยินรพีพงษ์พูดเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็หาย ไปทันที และถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา
“ในเมื่อแกพูดแบบนี้ งั้นฉันก็ไม่อ้อมค้อมละนะ กลับไป กับฉัน ตอนนี้ตระกูลลัดดาวัลย์ต้องการแก” โยษิตาพูด
รพีพงษ์กระตุกปาก แล้วพูดขึ้น: “ตอนนั้นที่ไล่ผม ทำไม คุณไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ที่ต้องการผม หมดประโยชน์ก็ไล่ พอมีประโยชน์ก็เรียกกลับไป พวกคุณเห็นผมเป็นอะไร? ”
“เรื่องในตอนนั้น ฉันกับพี่รู้แล้วว่าเข้าใจผิด ขอโทษด้วยแกกลับไปเก็บของแล้วกลับไปกับฉันวันนี้เลย”
โยษิตาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ขอโทษงั้นเหรอ ผมไม่รับคำขอโทษของพวกคุณหรอก ผมกับตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว เรื่อง ของพวกคุณผมไม่เข้าไปยุ่ง”รพีพงษ์พูด
“ไม่คิดว่ามาอยู่ที่นี่ไม่กี่ปี ี แกจะทระนงได้ขนาดนี้ แต่ฉัน ได้ยินมาว่าแกอยู่ที่นี่ไม่ได้ราบรื่นนัก”โยษิตาพูดเยาะ
“ราบรื่นหรือไม่ราบรื่น มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ ถ้าที่คุณเรียก ผมมาเพื่อแค่ให้ผมกลับตระกูลลัดดาวัลย์ งั้นผมจะบอก คุณให้นะ ว่าคุณอย่าเสียเวลาเลย”รพีพงษ์พูดอย่างเด็ด
ขาด
โยษิตายิ้มออกมา ไม่โกรธกับสิ่งที่รพีพงษ์พูดออกมา แม้แต่น้อย
“ในเมื่อแกไม่อยากกลับ งั้นฉันก็จะไม่บังคับ อ้อ ฉันจะ แนะนำให้รู้จัก นี่คือกุนลโรจน์หัวหน้าตระกูลกุลสวัสดิ์แห่ง เมืองริเวอร์”
คนที่ยืนข้างๆ โยษิตาเดินขึ้นมาทันที จากนั้นพูดกับรพี พงษ์อย่างเคารพ:”ผมกุนลโรจน์ ดีใจที่ได้รู้จักคุณชาย”
รพีพงษ์ชะงักไป แล้วถามขึ้น”คุณคือพ่อของกุมุท? ”
กุนลโรจน์คิดไม่ถึงเช่นกันว่ารพีพงษ์จะพูดแบบนี้ เขารีบ พยักหน้าและพูดขึ้น:”ใช่ กุมุทเป็นลูกชายของผม ไม่คิดว่า คุณชายจะรู้จักกับลูกชายไม่เอาไหนของผม นับว่าเป็น เกียรติกับตระกูลกุลสวัสดิ์ของผมมาก”
กุนลโรจน์รู้ดีว่าโยษิตาเป็นตระกูลใหญ่ในเกียวโต และ จากบทสนทนาเมื่อครู่ เขาก็พอจะเดาออกว่ารพีพงษ์ต้อง เป็นคนสำคัญของตระกูลนี้แน่ๆ
แต่ไม่ว่าตัวตนของรพีพงษ์ในเมืองริเวอร์คืออะไร นั่นก็ ไม่ใช่ตระกูลกุลสวัสดิ์ของเขาจะไปยุ่งได้ ดูจากอำนาจ ของตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว เกรงว่าอาจล้มตระกูลกุลสวัสดิ์ ได้ด้วยมือเดียว
ดังนั้นเขาจึงต้องหาวิธีประจบรพีพงษ์เข้าไว้
“ผมกับลูกชายคุณไม่ถึงกับรู้จักกันหรอก แต่เขามันไม่ เอาไหนจริงๆ “รพีพงษ์ยิ้มออกมาอย่างหยอกล้อ
วันนี้กุมุทเพิ่งจะไปตบศศินัดดามา ถ้าเขารู้ว่าตอนนี้พ่อ ของตัวเองกำลังนอบน้อมเขาอยู่ละก็ ไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไง บ้าง
กุนลโรจน์ได้ยินรพีพงษ์เช่นนั้นก็อึ้งไปทันที และพูด ขึ้น:”คุณชาย ลูกชายของผมยั่วโมโหคุณรึเปล่า ถ้าเขาไป ยั่วโมโหคุณเข้า กลับไปผมจะตีขาเขาให้หักเลย!