พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1253 ฉันจะทำให้เสร็จ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1253 ฉันจะทำให้เสร็จ
แค่ตนเองไม่อยู่เพียงสองวัน สำนักเทพยาเซียนกลายเป็นเช่นนี้เพราะการมาของสองคนนี้
แววสังหารปรากฏอยู่ในดวงตาของรพีพงษ์ วันนี้ยังไงสองคนนี้ต้องให้คำอธิบายแก่ตนเอง!
เพียงแต่ สำหรับจั๋วเยว่แล้วรพีพงษ์ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย แต่กับฐปนีย์ที่ดูแล้วอายุยังน้อย ทำให้รพีพงษ์รู้สึกว่าเธอเป็นคนลึกลับเล็กน้อย
เพราะว่า เมื่อเผชิญหน้ากับรัศมีอันทรงพลังของตนเอง ผู้หญิงคนนี้ดูสงบเกินไป ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เธอไม่ได้แสดงความตื่นตระหนกออกมาแต่อย่างใด
เมื่อเห็นรพีพงษ์ที่ทรงพลังเดินไปหาตนเองอย่างช้า ๆ จั๋วเยว่รีบไปซ่อนตัวอยู่หลังฐปนีย์โดยไม่รู้ตัว
เขาโผล่หัวออกมาแล้วกล่าวกับจิรภัทรและคนอื่น ๆว่า “ทำไม สำนักเทพยาเซียนของคุณถึงทำแบบนี้? เรียกคนนอกมารังแกคนอื่น? ช่างไร้ยางอาย!”
“คุณก็เป็นเหมือนกัน”
จิรภัทรกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าคุณ ผมเกรงว่าวันนี้คุณจะไม่สามารถเข้ามาในสำนักเทพยาเซียนของพวกเราได้!”
จั๋วเยว่กัดฟัน โกรธจนตาพร่าเล็กน้อย
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวต่อไปว่า “เชอะ ที่ผมมาหาคุณเพื่อแข่งขันเทียบยาเม็ดเท่านั้น และผลก็เพิ่งออกมาเมื่อสักครู่ ผมกลั่นยาเม็ดเฉียนสิงสำเร็จแล้ว แต่พวกคุณล้มเหลว ในที่สุดผมก็ชนะ หรือว่าสำนักเทพยาเซียนของพวกคุณจะตระบัดสัตย์อย่างนั้นหรือ?”
จิรภัทรขมวดคิ้วจนแน่น ผู้ชายคนนี้กำลังพูดความจริง
ถ้าหากตนเองตระบัดสัตย์ และขับไล่พวกเขาออกไปจากสำนักเทพยาเซียน หลังจากที่พวกเขาลงจากภูเขาแล้ว จะต้องป่าวประกาศเรื่องนี้อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้น สำนักเทพยาเซียนจะถูกดูหมิ่นจากผู้คนทั่วโลกแน่
“ไอ้สารเลว อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้ว่าคุณจะมาไม้ไหน! คุณแค่ต้องการใช้เวลาสามวันนี้เพื่อค้นหาของล้ำค่าที่สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของคุณต้องการหา? ผมจะบอกคุณ เมื่อก่อนพวกคุณหาไม่เจอ ตอนนี้พวกคุณก็ไม่สามารถหาเจอเช่นกัน! ”
“แกไอ้เฒ่าสารเลว!”
จั๋วเยว่ดูหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อถูกอีกฝ่ายพูดจี้ใจดำ
“ทำไม คุณอยากต่อสู้หรือ? ตอนนี้รพีพงษ์ก็กลับมาแล้ว คุณคิดว่าพวกเรายังจะกลัวคุณอยู่อีกเหรอ?” ปยุตคันไม้คันมืออยากจะลอง เขาพับแขนเสื้อขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งใหญ่
“นี่หรือคือสำนักเทพยาเซียนที่โอ่อ่า? ช่างน่าเกรงขาม และช่างทระนง!” ฐปนีย์กล่าวอย่างเย็นชา
“ผู้หญิงคนนี้ อย่าพูดรังแกคนอื่นจนเกินไป!”
จิรภัทรกล่าว
ปากของฐปนีย์ยิ้มอย่างเย้ยหยัน “มันเป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือ? ในเมื่อพ่ายแพ้แล้วต้องปฏิบัติตามสิ่งที่เคยพูดไว้ก่อนหน้า มิเช่นนั้น การแข่งขันเมื่อสักครู่จะมีประโยชน์อะไร? เจ้าจิรภัทร คุณคิดว่าฉันพูดถูกไหม”
“คุณ……”
จิรภัทรกำหมัดทั้งสองแน่น เรื่องดังกล่าวนี้ ฝ่ายตนเองไม่มีเหตุผลจริง
“ตกลง” จิรภัทรตัดสินใจแล้วกล่าวว่า “พวกเราสำนักเทพยาเซียนไม่ใช่ไม่รู้เหตุรู้ผล และจะไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็จะปฏิบัติตามที่เคยพูดไว้ก่อนหน้า พวกคุณสองคนสามารถ…….”
“ช้าก่อน!”
รพีพงษ์กล่าวทันที
“ไอ้รพีพงษ์ คุณจะไม่จบใช่ไหม เจ้าจิรภัทรตกลงแล้ว คุณอยากจะทำอะไรอีก? หรือว่า? คุณจะยุ่งแม้แต่เรื่องของสำนักเทพยาเซียน?” จั๋วเยว่กล่าวด้วยความโมโห
ท่าทางของรพีพงษ์เย็นชา แล้วกล่าวว่า “แกมันเหมือนสุนัข นอกจากเห่าเสียงดังแล้วแกยังจะทำอะไรได้อีก?”
“ไอ้หมอนี่”
เป็นครั้งแรกที่เขาถูกด่าว่าเป็นสุนัข จึงทำให้จั๋วเยว่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ว่าเมื่อพิจารณาถึงพลังความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ เขาก็กัดฟันอดทน
“เพราะในไม่ช้าผู้อาวุโสใหญ่หลายคนในสมาคมก็จะจัดการรพีพงษ์ ดังนั้นปล่อยให้มันได้ใจไปไม่กี่วันก่อน”
จั๋วเยว่คิดอยู่ในใจ
“ผมมาอยู่ที่สำนักเทพยาเซียนหนึ่งสัปดาห์กว่าแล้ว และก่อนหน้านั้นผมร่ำเรียนการกลั่นยากับปยุตตลอด ถ้าพูดตามหลักวิชาการ ผมก็ถือเป็นศิษย์ของสำนักเทพยาเซียน ดังนั้นคุณคิดว่าเรื่องของวันนี้ ผมมีสิทธิ์ที่จะก้าวก่ายไหม?”
รพีพงษ์เงยหน้าขึ้นแล้วกล่าว ส่วนปยุตที่ยืนอยู่ข้างหลังรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ตนเองไม่เคยสอนเทคนิคการกลั่นยาให้รพีพงษ์เลย ความสามารถของไอ้หมอนี้อยู่เหนือจินตนาการ
“อยากก้าวก่ายก็ก้าวก่ายสิ เพราะยังไงเมื่อสักครู่ผมก็ชนะแล้ว ผลลัพธ์นี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้” จั๋วเยว่กล่าว
“จริงหรือ?”
รพีพงษ์เหลือบมองอีกฝ่ายอย่างดูถูก “คำพูดอย่าให้มันเกินไป คุณบอกว่าจิลลาพ่ายแพ้แล้ว แต่ผมรู้สึกว่าเธอยังไม่พ่ายแพ้”
“ไม่แพ้? ฮ่า ๆ เป็นไปได้อย่างไร รพีพงษ์ ก่อนที่คุณจะพูดโปรดลืมตาดูให้ดีเสียก่อน ยาเม็ดเฉียนสิงของเธอกลั่นไปถึงครึ่งทางก็ถูกแว้งกัดแล้ว ทำไมถึงยังบอกว่าไม่แพ้ล่ะ? ”
จั๋วเยว่หัวเราะเสียงดัง
รพีพงษ์มาที่โต๊ะ แล้วหยิบยาเม็ดเฉียนสิงครึ่งหนึ่งที่จิลลากลั่นเอาไว้ “อย่างที่คุณพูด เธอกลั่นได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ต่อไปผมจะกลั่นอีกครึ่งหนึ่งให้เสร็จ! ”
“คุณจะกลั่นให้เสร็จ?”
“ใช่” รพีพงษ์พยักหน้า “ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ของสำนักเทพยาเซียนมาสองวันแล้ว ผมคิดว่า ผมมีคุณสมบัติพอที่จะแทนจิลลา”
“ฮึ่ม แม้ว่าคุณจะรับช่วงต่อแล้วยังไงล่ะ จะกลั่นยาเสร็จหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง ต่อให้คุณกลั่นยาเสร็จ แต่คุณก็ใช้เวลามากกว่าผม ในที่สุดผมก็ชนะอยู่ดี” จั๋วเยว่กล่าวอย่างไม่แยแส
“แล้ว…… ถ้ายาเม็ดเฉียนสิงของผม เกรดสูงกว่าของคุณล่ะ?” รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ
“คุณพูดเรื่องอะไร เกรดสูงกว่าของผม?” ดวงตาของจั๋วเยว่ตกตะลึง แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ผมฝึกกลั่นยาเม็ดเฉียนสิงมากกว่าสิบครั้ง ยาเม็ดที่ผมกลั่นเสร็จวันนี้ สามารถกล่าวได้ว่าถึงระดับสูงแล้ว ยาของคุณจะดีกว่าของผมได้อย่างไร!”
“รอจนกว่าจะถึงเวลาที่กลั่นเสร็จ แล้วให้ทุกคนประเมินมันก่อนดีไหม?”
รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ
“โอเค ผมก็อยากดู ว่าคุณจะกลั่นยาชั้นเลิศที่สูงกว่าระดับสูงสุดได้อย่างไร” จั๋วเยว่กล่าวอย่างมั่นใจ
ในความรู้สึกของเขา เม็ดยาชั้นเลิศระดับสูงสุดนั้น เป็นจุดสุดยอดของเม็ดยาอยู่แล้ว และเขาไม่สามารถกลั่นยาที่ดีกว่าของตนเองได้ ดังนั้น เขาจึงอยากดูรพีพงษ์ต้องอับอายขายหน้า
รพีพงษ์ไม่สนใจอีกฝ่าย เขาหลับตาลง และสัมผัสความรู้สึกของยาเม็ดชั้นเลิศครึ่งหนึ่งที่อยู่ในมือของตนเอง!
จิรภัทรกับปยุตขมวดคิ้ว
พวกเขารู้ดีว่าที่รพีพงษ์กล่าวว่ายาที่สูงกว่านั้นหมายความว่าอย่างไร!
หากต้องการยาเม็ดชั้นเลิศระดับสูงสุด จะต้องผลิตชี่ยา!
ยาเม็ดระดับต่ำและเม็ดยาระดับสูงที่รพีพงษ์ทำไว้ก่อนหน้า ด้านบนจะมีชี่ยาอยู่ เป็นไปได้ไหมว่าครั้งนี้ บนยาเม็ดชั้นเลิศจะมีชี่ยาปรากฏอยู่ด้วย?
ปยุตกับจิรภัทรกลั้นหายใจ ยาชั้นเลิศที่มีชี่ยาเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาหลายร้อยปีแล้ว!
ขณะนี้ ฐปนีย์ที่อยู่ข้าง ๆ มีสายตาแปลก ๆ และแววตาของเธอมีความกังวลอยู่เล็กน้อยขณะมองรพีพงษ์ที่กำลังกลั่นยาอยู่
“เป็นไปได้ไหมว่า ได้หมอนี้จะมีพลังความแข็งแกร่งพอที่จะทำ…….”
ฐปนีย์ไม่กล้าคิดมาก เพียงเฝ้าดูการปฏิบัติขั้นต่อไปของรพีพงษ์
การรับรู้โดยจิตวิญญาณเทพ ทำให้รพีพงษ์ค้นพบข้อบกพร่องทั้งหมดของขั้นตอนแรกในการหลอมรวมของจิลลาได้อย่างรวดเร็ว
รพีพงษ์สามารถวินิจฉัยได้ว่า จิลลามีความก้าวหน้าอย่างมากในช่วงสองวันที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับครั้งก่อน แต่เพราะนี่คือยาชั้นเลิศ
หลังจากปรับปรุงแก้ไขทั้งหมดที่จิลลาขาดไปก่อนหน้า ขณะนี้ ยาเม็ดเฉียนสิงที่เสร็จครึ่งหนึ่งนี้สว่างกว่าเดิมมาก
กลิ่นหอมจาง ๆ ของยากระจายไปทั่วห้องโถง ทำให้อารมณ์ของจิรภัทรกับปยุตยิ่งตึงเครียดมากขึ้น
ต่อไปคือขั้นตอนสุดท้าย จะสำเร็จหรือล้มเหลว!
ก่อนหน้านี้ จิลลาถูกยาเม็ดแว้งกัด ตอนนี้รพีพงษ์จะประสบปัญหาเดียวกันหรือไม่
เพียงแต่ เมื่อเทียบกับจิลลา จิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์นั้นบริสุทธิ์กว่า และในขณะเดียวกันก็มีพลังมากกว่า
ผงละเอียดเล็กน้อยปรากฏขึ้นในมือของรพีพงษ์ แล้วหลอมรวมกับวัตถุดิบยาตัวสุดท้าย
พริบตาเดียว แก่นแท้ของวัตถุดิบยาเปลี่ยนไป และพลังทิพย์ของวัตถุดิบยาเต็มเปี่ยมกว่าเดิมหลายเท่า
“ยาผงหลิงซี!”
จิรภัทรกล่าวโพล่งออกมา
ปยุตรู้สึกตกใจมาก “นี่…..ยังมีเรื่องอะไรที่ไอ้เด็กคนนี้ทำไม่ได้?”