พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1256 ผมคุ้มครอง
จิรภัทรกับลูกศิษย์ทั้งหมดเตรียมจะไล่ตาม
“ไม่ต้องไล่ตามแล้ว!”
รพีพงษ์หยุดทุกคนไว้ แล้วจ้องมองฝนที่ตกอยู่ข้างนอก
“คนเมื่อสักครู่ มีพลังที่แข็งแกร่งมาก ผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
“อะไรน่ะ?”
จิรภัทรรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก รพีพงษ์ผู้ซึ่งอยู่ในระดับแดนเทพครึ่งก้าวแล้ว กลับกล่าวว่าชายผู้นี้แข็งแกร่งกว่าตนเอง
แต่เรื่องเมื่อสักครู่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คนที่อยู่ที่นี่ไม่มีใครเห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นแค่ว่าฐปนีย์ได้รับการช่วยเหลือไปแล้ว
“กลับกันเถอะ อาการบาดเจ็บของฐปนีย์ กว่าจะหายก็ต้องใช้เวลาครึ่งเดือน พวกเขาจะไม่มาทำร้ายพวกเราเป็นการชั่วคราว ผมจะต้องคิดให้ออกว่าฐปนีย์เป็นใครกันแน่”
รพีพงษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ฐปนีย์ที่อายุน้อยก็ฝึกมาถึงระดับแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว และบุคคลที่มาช่วยเธอในวันนี้ เป็นคนที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก
“เอาล่ะ รพีพงษ์ คุณกลับมาจากป่าหมอกก็เจอเรื่องมากมายเช่นนี้ คุณกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องก่อนเถอะ ผมจะอยู่รักษาการณ์ด้วยตนเอง และจัดให้ลูกศิษย์ลาดตระเวนตลอดทั้งคืน หากพบสถานการณ์ผิดปกติ ผมจะส่งสัญญาณให้ทุกคนทราบทันที” จิรภัทรกล่าว
“อืม ผมก็ต้องรีบกลับไปเช่นกัน”
ปยุตกล่าว แล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว
จิรภัทรและรพีพงษ์รู้ดีว่า ปยุตเป็นห่วงว่า ถ้าฐปนีย์และชายสวมหน้ากากเข้าไปในถ้ำ แล้วพวกเขาพบสมบัติในถ้ำ มันก็จะแย่
ขณะนี้ คนที่อึดอัดที่สุดก็คือจั๋วเยว่
เขานั่งอยู่ที่ประตูและกล่าวอย่างโศกเศร้าว่า “พวกคุณอย่าเพิ่งไป จะไปก็พาผมไปด้วย!”
รพีพงษ์ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาจั๋วเยว่ ด้วยนัยน์ตาที่เย็นชา
“รพี…….รพีพงษ์ ผมผิดไปแล้ว คุณปล่อยผมไปเถอะ ผมจะลงเขาทันที” จั๋วเยว่กล่าว
“ผมให้คุณยืนขึ้นได้แล้วเหรอ?”
รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น
จั๋วเยว่เข่าอ่อน แล้วก็คุกเข่าลงอีกครั้ง
รพีพงษ์เดินมาอยู่ข้างหน้าของอีกฝ่าย และถามเสียงดังว่า “พูดสิ คราวนี้คุณมาสำนักเทพยาเซียนด้วยจุดประสงค์อะไร แล้วคุณไปเจอผู้หญิงที่ชื่อฐปนีย์ได้อย่างไร!”
จั๋วเยว่รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และเขาก็รีบกล่าวว่า “อาจารย์ของผมเป็นคนวางแผนให้ผมมาสำนักเทพยาเซียนในครั้งนี้”
“อาจารย์ของคุณคือใคร!” รพีพงษ์ถาม
“ผู้อาวุโสใหญ่ของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ ชื่อชนุตร์” จั่วเยว่ตอบ
“ชนุตร์?”
ทุกคนสูดหายใจเข้าลึก ๆ จิรภัทรขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ปกติชนุตร์ไม่ค่อยรับลูกศิษย์ ดูเหมือนว่าเขาจะมีความเชื่อมั่นในตัวคุณน่ะ”
“ที่อาจารย์ให้ผมมาที่สำนักเทพยาเซียนในครั้งนี้ หนึ่งคือดูลาดเลาของพวกคุณ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทดลองกลั่นยาในอนาคต สำหรับประเด็นที่สอง…..คือ……..”
ขณะกำลังพูด เขาเหลือบมองจิรภัทรเหมือนไม่กล้าพูดออกมา
“ประเด็นที่สอง คือช่วยเขาหาของใช่ไหม”
จิรภัทรกล่าวด้วยเสียงที่เคร่งขรึม และหลังจากเห็นจั๋วเยว่พยักหน้า เขาก็ถอนหายใจ “นี่ก็ผ่านไปนานหลายปีแล้ว เขายังคงดื้อรั้นมาก”
รพีพงษ์มองจิรภัทรที่กำลังคิดถึงอดีต แล้วถามว่า “แล้วฐปนีย์ล่ะ พวกคุณรู้จักกันได้อย่างไร ถ้าไม่มีเธอพาคุณเข้ามา ผมคิดว่าคราวนี้คุณไม่สามารถเข้าแม้แต่ประตูของสำนักเทพยาเซียนได้!”
“คุณพูดถูก แต่คุณอย่ามาโทษผม ผมไม่ได้เป็นฝ่ายไปหาเธอ แต่เธอเป็นฝ่ายมาหาผมเองต่างหาก มิฉะนั้น คราวนี้ผมก็คงไม่มาที่สำนักเทพยาเซียนแล้ว”
จั๋วเยว่รีบกล่าว
“เธอเป็นฝ่ายมาหาคุณเอง? ทำไมเธอต้องมาหาคุณด้วย? คุณคิดว่าตนเองหล่อนักหรือ? ” รพีพงษ์กล่าวอย่างเย้ยหยัน
“มันเป็นเรื่องจริง” ใบหน้าของจั๋วเยว่เต็มไปด้วยความขมขื่น “ไม่กี่วันก่อน ฐปนีย์มาที่สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของพวกเราเพียงลำพัง เธอบอกข่าวหนึ่ง ก็เลยทำให้ผมต้องขึ้นมาบนภูเขาในครั้งนี้”
“ข่าวอะไร!”
จิรภัทรถาม
จั๋วเยว่เหล่มองไปที่รพีพงษ์ และพูดอย่างประหม่า “เธอ…..เธอบอกว่าคุณฆ่าศิษย์อาพรต”
“ศิษย์อาพรต? คุณหมายถึง พรตใช่ไหม? ” รพีพงษ์ถาม
จั๋วเยว่พยักหน้า “ใช่ ตอนนั้นเธอพูดเช่นนี้ และเธอยังบอกอีกด้วยว่า เธอจะคุ้มครองความปลอดภัยของผมตลอดทางที่มาสำนักเทพยาเซียน แค่ให้ผมรับปากกับเธอว่า จะให้เธออยู่ในสำนักเทพยาเซียนเป็นเวลาสามวัน”
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกัน?
ตอนที่ตนเองฆ่าพรตนั้น ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ยกเว้นฝนสุดา
“แล้วตอนนี้ คุณคิดว่าเธอยังจะสามารถปกป้องคุณให้ปลอดภัยได้อีกหรือ?” รพีพงษ์ถามอย่างเย็นชา
จั๋วเยว่ส่ายศีรษะอย่างผิดหวัง และคิดในใจว่า ถ้าคุณไม่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เรื่องก็จะสำเร็จไปแล้ว
“รพีพงษ์ ปล่อยผมไปเถอะ ผมรับรองว่า ต่อไปสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของพวกเราจะไม่สร้างปัญหาอีก และก็จะไม่มาหาเรื่องที่นี่อีก”
จั๋วเยว่พูดขอร้อง เขารู้ว่าท่ามกลางผู้คนมากมาย มีเพียงรพีพงษ์เท่านั้นที่จะปล่อยเขาไป เขาถึงจะไปได้จริง ๆ
“อยากไป?”
มุมปากของรพีพงษ์ยกขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้น เขาก็เตะไปที่เข่าของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ
“โอ๊ย!”
เสียงร้องเจ็บปวด กระดูกขาซ้ายของจั๋วเยว่แตกหักทันที
“คุณไปได้แล้ว เกือบลืมบอกคุณว่ามีหมาป่าอยู่บนภูเขา คุณจะรอดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของคุณ”
รพีพงษ์กล่าว
“ครับ! ครับ!”
จั๋วเยว่ทนความเจ็บปวด แล้วเดินกะเผลก ๆไปที่ประตู
“กลับไปบอกอาจารย์และคนอื่น ๆ ในสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุว่า สำนักเทพยาเซียนแห่งนี้ ผมรพีพงษ์คุ้มครอง! ไสหัวออกไป!”
จั๋วเยว่ละทิ้งความโกรธเคือง เปิดประตู และเดินออกไป
ห้องโถงกลับมาสงบอีกครั้ง
“รพีพงษ์ ลำบากคุณแล้ว” จิรภัทรกล่าว
“ไม่เป็นไร” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ หยิบยาเม็ดเฉียนสิงออกมาจากเสื้อ
“ขอมอบยาเม็ดนี้ให้พวกคุณ” รพีพงษ์กล่าว
“แบบ……แบบนี้มันไม่ดีมั้ง” จิรภัทรปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
ยาชั้นเลิศที่มีชี่ยา ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้
“รับไว้เถอะ เจ้าจิรภัทร ต่อจากนี้ผมจะอยู่รบกวนพวกคุณที่สำนักเทพยาเซียนอีกระยะหนึ่ง ยาเม็ดนี้ถือเป็นค่าตอบแทนของผม” รพีพงษ์ยิ้ม
จิรภัทรไม่ปฏิเสธอีกต่อไป และรับเม็ดยาไว้ในมือ
เขาบอกว่าอยู่รบกวนตนเอง อันที่จริง จิรภัทรรู้ดีว่า ถ้ารพีพงษ์อยู่ที่นี่หนึ่งวัน สำนักเทพยาเซียนก็จะผาสุกไปอีกวัน
“พี่รพีพงษ์!”
ขณะนี้ชุติเดชได้เดินเข้ามา และเหล่าลูกศิษย์ก็ล้อมรพีพงษ์ไว้ตรงกลาง
“รพีพงษ์ คุณคือไอดอลของผมจริง ๆ ขนาดป่าหมอกคุณยังไปมาแล้ว”
“ใช่ พี่รพีพงษ์ ที่นั่นมีสัตว์เซียนจริง ๆใช่ไหม สัตว์เซียนมีลักษณะอย่างไร? คุณช่วยเล่าให้พวกเราฟังได้ไหม?”
“ผมได้ยินมาว่ายังดอกไม้กินคนที่สูงกว่าคน เป็นเรื่องจริงไหม?”
……
ฝูงชนกล่าว แล้วมองไปที่รพีพงษ์ด้วยสายตาที่เลื่อมใสศรัทธา
“พวกคุณแต่ละคน ยังมีแรงกระปรี้กระเปร่า พวกคุณไม่เหนื่อย เลยไม่ยอมให้รพีพงษ์กลับไปพักผ่อนหรือ?”
จิรภัทรเดินไปช่วยรพีพงษ์ในเวลานี้
“เอาละทุกคน ถ้าอยากจะฟังเรื่องนี้ พรุ่งนี้ตอนบ่ายผมจะเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟัง แต่ตอนนี้ ผมต้องการให้ทุกคนทำสิ่งหนึ่ง” รพีพงษ์กล่าว
“เรื่องอะไรครับ?” ชุติเดชถาม
“อย่าลืมนะ คนสองคนนั้นเพิ่งหนีออกไปจากที่นี่ ตอนนี้ไม่รู้ว่าพวกเขาออกจากสำนักเทพยาเซียนแล้วหรือยัง ผมต้องการให้พวกคุณแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มล่ะสามคนแล้วไปลาดตระเวน จำไว้นะ เมื่อพวกคุณพบเป้าหมาย อย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม ให้รีบกลับมารายงานผม” รพีพงษ์กล่าว
“เข้าใจแล้วครับ พี่รพีพงษ์ พวกเราจะไปตอนนี้เลย”
ชุติเดชตอบก่อน แล้วจากไปพร้อมกับลูกศิษย์อีกหลายคน
รพีพงษ์ เพิ่งปลดปล่อยจิตวิญญาณเทพของตนเอง แต่โชคดีที่ภายในรัศมีสิบกิโล เขาไม่รู้สึกถึงพลังของคนสองคนในขณะนี้
แต่เพื่อความปลอดภัย ควรส่งคนไปลาดตระเวน
“เจ้าจิรภัทร ผมกลับไปพักผ่อนก่อน” รพีพงษ์กล่าว
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” จิรภัทรกล่าว หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันทั้งคืน และร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาก็เหนื่อยล้ามากเช่นกัน
เมื่อเดินออกจากห้องโถง และเดินไปตามทางเดินอีกสักพัก รพีพงษ์ก็มาถึงประตูห้องของตนเอง
เมื่อผลักประตูเข้าไป ก็มีเสียงกรีดร้องออกมาจากข้างใน
รพีพงษ์เบิกตากว้าง แล้วจ้องมองมากกว่าสามวินาที
“คุณ……คุณทำไมมาอาบน้ำในห้องผม?”