พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1262 ชาวเขา
“มึงแมร่งเป็นใครวะ ไปให้พ้นเลยนะ ไม่งั้นกูชนมึงตายแน่!”
ชายแว่นดำด่าอย่างเสียงดัง
รพีพงษ์ไม่ได้มีท่าทีว่าจะหลบ แต่กลับมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“ให้ตายสิ!”
ชายแว่นดำเร่งคันเร่งและทำท่าว่าจะพุ่งชนรพีพงษ์
“กูนับถึงสาม ถ้ายังไม่หลบ กูจะชนมึงนะ!” ชายแว่นดำตะโกนออกมา
สามวินาทีต่อมา ชายแว่นดำไม่ได้ขับรถชนรพีพงษ์ แต่เขาเปิดประตูรถแล้วลงมาจากรถและเข้าไปผลักรพีพงษ์ด้วยความโกรธ
เขาผลักรพีพงษ์ด้วยความแรง แต่รพีพงษ์ไม่ได้ขยับเลยแม้แต่นิด กลับเป็นตัวเขาเองที่ต้องถอยหลังไปหลายก้าว
“แมร้งเอ๊ย กูเอารถชนมึงยังต้องไปล้างรถอีก ไอ้สกปรก!” ชายแว่นดำพูดด้วยความโกรธ
เขามองไปที่รพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์แต่งกายธรรมดา เขาจึงมั่นใจว่ารพีพงษ์ต้องไม่ใช่เศรษฐีจากที่ไหนอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงได้ใจมากกว่าเดิม
“กูจะเตือนมึงนะ อย่ามาขวางทางกูอีก กำปั้นของกูไม่ได้มีไว้ตักข้าวกินอย่างเดียวนะ”
รพีพงษ์ยังคงสีหน้าเฉยเมย จากนั้นเขาเดินไปด้านข้างแล้วพยุงหญิงชราขึ้นมา
“คืนโสมให้แก แล้วผมจะปล่อยคุณไป” รพีพงษ์พูด
“บัดซบ! มึงแมร่งเป็นใครวะ กูเวียร์ไม่เคยคายของที่กลืนเข้าไปหรอก!”
“เถ้าแก่ท่านนี้ ถือว่าสงสารป้าเถอะนะ” หญิงชราอ้อนวอนด้วยน้ำตา “ในเมื่อคุณได้ของไปแล้ว คุณก็บอกเองว่ามันสามารถนำไปขายได้มากกว่าสองล้าน ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยเพิ่มเงินให้ป้าหน่อยได้ไหม ป้าขอแค่สองแสน แค่ป้าพอเอาเงินไปช่วยลูกชายก็พอแล้ว ป้าขอร้องนะ”
“ฝันไปเถอะ!”
เวียร์ตะคอกใส่ “ยัยแก่ พูดจาให้มันมีศีลธรรมหน่อยนะ ผมหลอกป้าตรงไหนเหรอ? ป้าเป็นคนยื่นโสมมาให้ผมเองไม่ใช่เหรอ? ส่วนเรื่องลูกชายของป้า มันจะเป็นหรือตายแล้วเกี่ยวอะไรกับผมด้วย!”
“คุณ……” หญิงชรามองเขาด้วยน้ำตา เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะถูกหลอก แต่เธอเสียใจเพราะไม่สามารถช่วยลูกชายได้
“เหอะ แก่แล้วไม่ยอมเจียมตัว อย่างป้าน่ะ ได้เงินห้าหมื่นไปก็ถือว่าบุญแล้ว”
เวียร์พูดแล้วกลอกตาใส่รพีพงษ์ “ให้ตายเหอะ กูต้องมาเสียเวลากับพวกมึงจริงเหรอ คนอย่างพวกมึงควรนอนอยู่ที่บ้าน ไม่ควรออกมาขายหน้าหรอก!”
จากนั้นเขาก็หันเดินกลับไปที่รถ แต่ไม่คิดเลยว่าในชั่วพริบตา รพีพงษ์ก็ยืนขวางอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง
“ไอ้เวร มึงจะเอายังไงกันแน่ อย่าบังคับให้กูต้องลงไม้ลงมือนะ!” เวียร์พูดด้วยความโกรธ
“คืนโสมให้เธอ” รพีพงษ์ยังคงพูดอย่างเย็นชา
“บัดซบเอ๊ย! มึงเป็นใครมาจากไหนกันแน่ เสือกจริงๆ!”
จากนั้นเวียร์ก็ผลักรพีพงษ์อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขาผลักแรงกว่าครั้งแรกมาก
รพีพงษ์ได้ออกแรงโต้ตอบอย่างเงียบๆ เขาเพียงแค่ขยับไหล่ก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามกระเด็นออกไปไกลหลายเมตร
“แหม แรงเยอะใช้ได้เลยนะ สมกับที่เป็นชาวเขาจริง!”
เวียร์ตบฝุ่นบนร่างกายของเขาและพูดอย่างดูถูกว่า “มีแต่แรงไม่มีสมองก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี มึงเห็นรถกูไหม ทั้งชีวิตของมึงไม่มีปัญญาซื้อได้หรอก เอางี้นะ ให้โอกาสมึงมาเป็นบอดี้การ์ดของกู เงินเดือนสองพันหยวน สนใจไหม!”
“คืนโสมให้เธอ”
รพีพงษ์ก้าวไปข้างหน้าด้วยสายตาที่ดุดัน
คนที่กล้าสั่งเจ้าบ้านรพีพงษ์ให้ไปเป็นบอดี้การ์ดของเขานั้นต้องจบไม่สวยอย่างแน่นอน
“กูไม่ให้ แล้วมึงจะมาแย่งของก็เหรอ!”
เวียร์ตะโกนเสียงดัง
“งั้น ผมขอแย่งละกันนะ”
รพีพงษ์สีหน้าเฉยเมย การที่ต้องเอาโสมคืนจากคนธรรมดาคนหนึ่งสำหรับเขานั้นเป็นแค่เรื่องง่ายๆ ไม่ต่างอะไรกับการหายใจเท่านั้น
จากนั้นรพีพงษ์ก็หยุดเงียบไป
ในเสี้ยววินาทีที่รพีพงษ์เงียบไปนั้น โสมและตะกร้าไม้ไผ่ก็มาถึงมือของเขาเหมือนการเล่นมายากล
“คุณป้าครับ นี่ของคุณป้าครับ เก็บไว้ให้ดีนะ” รพีพงษ์ยื่นตะกร้าไม้ไผ่ให้กับหญิงชรา และเธอก็รู้สึกขอบคุณมาก
“พ่อหนุ่ม……ป้าไม่รู้จะขอบคุณพ่อหนุ่มยังไงดีแล้ว?”
ส่วนเวียร์ที่ยืนอยู่อีกมุมเหมือนไม่มีตัวตนอยู่
เขาได้แต่ยืนมองรพีพงษ์แล้วบ่นพึมพำในปาก “นั่นมันผีชัดๆ!”
รพีพงษ์ยิ้มจางๆ แล้วนำเงินห้าหมื่นที่เวียร์ให้กับหญิงชรามาคืนเขา
“เอาเงินของคุณกลับไป!”
รพีพงษ์พูดไปด้วยแล้วเดินเข้าไปหาเวียร์ไปด้วย
“อย่าเข้ามานะ!”
เวียร์รีบพูดอย่างรวดเร็ว ณ ขณะนี้ในสายตาเขา รพีพงษ์ไม่ใช่มนุษย์แล้ว
รพีพงษ์ยิ้มจางๆ แล้วนำเงินวางไว้ที่พื้น
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของเขาจะสามารถเปลี่ยนโลกทัศน์ของคนคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย
เวียร์มองไปที่รพีพงษ์อย่างระมัดระวังแล้วเคลื่อนที่เข้าไปช้าๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอก คุณหยิบเงินไปเลย ถ้าผมไม่อยากให้คุณ ต่อให้คุณระวังตัวแค่ไหนคุณก็ไม่ได้มันไปหรอก!” รพีพงษ์พูดอย่างติดตลก
เวียร์คิดในใจว่าสิ่งที่ไอ้หมอนี่พูดมันก็จริงเหมือนกัน จากเรื่องที่เกิดที่เมื่อกี้นี้ ถ้าไอ้หมอนี่คิดจะแย่งของไปจากเขาจริงๆ มันช่างเป็นเรื่องที่ง่ายดายเหลือเกิน
หลังจากหยิบเงินแล้ว เวียร์ก็รีบวิ่งขึ้นรถและบังคับพวงมาลัยเพื่อจะขับออกไปทันที
“ต่อให้มึงมีฝีมือมากแค่ไหน มึงก็แค่ไอ้จนกระจอก!”
เวียร์ทิ้งประโยคสุดท้ายแล้วรีบเหยียบคันเร่งขับออกไปทันที
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจเขาอีก สำหรับคนไร้ปัญญาแล้วสนใจก็เสียเวลาเปล่า
“คุณป้าครับ ที่นี่โจรในคราบพ่อค้าเยอะ ป้ารีบเก็บของแล้วกลับบ้านไปเถอะ”
รพีพงษ์พูดกับหญิงชราต่อ “ถ้าป้าอยากขายโสมของป้าในราคาที่ดี ผมแนะนำป้าเอามันไปที่แหล่งประมูล ที่นั่นไม่มีใครโกงป้าหรอก”
“ขอบคุณนะ พ่อหนุ่ม”
หญิงชราพูดด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณที่พ่อหนุ่มช่วยป้าเอาไว้นะ ถ้าพ่อหนุ่มให้ป้าสองแสน ป้าจะเอาเงินไปช่วยลูกชายป้า แล้วโสมของป้าก็ถือว่าขายให้พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มว่ายังไงหรือ ถ้าจะให้ป้าเอาโสมไปที่แหล่งประมูล ป้าคงหาไม่เจอหรอก เพียงแต่ว่า……พ่อหนุ่มมีเงินสองแสนนี้ไหม”
รพีพงษ์ยิ้มจางๆ นับประสาอะไรกับเงินสองแสนนี้ ต่อให้เป็นเงินยี่สิบล้านก็เป็นแค่เศษเงินสำหรับเขา
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีการตอบสนอง หญิงชราก็รีบพูดต่อ “พ่อหนุ่ม ป้าไม่ได้ตั้งใจจะหาว่าพ่อหนุ่มจนหรอกนะ ที่ป้าพูดแบบนั้นไป พ่อหนุ่มอย่าถือสาป้าเลยนะ ป้าแค่อยากช่วยลูกชายป้าจริงๆ ถ้าป้าไม่ต้องการใช้เงิน ป้ายกโสมของป้าให้พ่อหนุ่มไปฟรีๆ เลยก็ได้ เพราะมันอยู่กับป้าก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่แล้ว”
“ไม่ครับป้า สองแสนสำหรับผมมันไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ แต่ว่าโสมของป้ามันมีมูลค่ามากกว่าสองแสนนะครับ”
รพีพงษ์อธิบายให้เธอ
“หมายความว่าพ่อหนุ่มมีเงินสองแสนเหรอ?” หญิงชราพูดอย่างตื่นเต้น “เยี่ยมไปเลย งั้นพ่อหนุ่มรับโสมนี้ไปเลยนะ”
หญิงชราก็ยื่นตะกร้าไม้ไผ่ให้กับรพีพงษ์โดยที่ไม่รอช้าอีก
รพีพงษ์มองไปที่โสมโบราณนั้น เขาเห็นรากของโสมโบราณถูกมัดด้วยเชือกสีแดง
หัวโสมนั้นยาวมาก เนื้อแน่น ความยาวของโสมเท่ากับรากของมัน สีเข้ม ผิวบางและดูเหนียวมาก มีรอยมุกค่อนข้างเยอะ ซึ่งมองด้วยตาเปล่าก็สามารถเห็นเป็นรูปทรงที่คล้ายกับคนได้
ตามที่คาดไว้ในเบื้องต้น โสมนี้ต้องมีอายุที่ไม่น้อยกว่าหนึ่งพันปีอย่างแน่นอน
“ในเมื่อป้าพูดแบบนี้ ผมก็ขอรับมันไว้แล้วนะครับ” รพีพงษ์ต้องการโสมเพื่อนำไปทำยาเม็ดวิญญาณชี่อยู่พอดี ดังนั้นเขาจึงรับมันไว้อย่างไม่ปฏิเสธ
“แล้ว……สองแสน”
หญิงชราพูดเบาๆ
“ไม่ต้องห่วงครับคุณป้า ผมจะเอาให้ตอนนี้เลย”
จากนั้นรพีพงษ์ก็หยิบบบัตรธนาคารออกมาแล้วยื่นให้กับเธอ “ป้ารับการ์ดใบนี้ไว้นะครับ”
“อ้อ”
หญิงชราพยักหน้า หลังจากที่รพีพงษ์จากไป เธอก็หันเดินไปที่ร้านค้าที่อยู่แถวนั้น
“อ้าว นี่คุณป้าที่อยู่ในหมู่บ้านผมไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงอยู่ที่นี่ล่ะครับ” เจ้าของร้านเห็นหญิงชราที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกับเขาจึงได้ทักทายเธอ
“หมาก มีคนเอาการ์ดใบนี้ให้ป้า นายช่วยดูให้หน่อยว่าข้างในมีเงินสองแสนไหม”
ป้าเจนจั๊กจั๋นพูดอย่างรีบร้อน
เธอเข้าใจดี ถ้าเธอถูกรพีพงษ์โกงอีก เธอจะได้ตามเขาทัน
“ได้สิป้า ผมมีเครื่องรูดบัตรอยู่พอดีเลย เดี๋ยวผมดูให้”
หมากเสียบัตรเข้าไปในเครื่องอย่างไม่ใส่ใจ แต่สิบวินาทีหลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
“เป็นไงบ้าง มีเงินสองแสนไหม?” ป้าเจนจั๊กจั๋นถามอย่างประหม่า
“สองแสน? นี่มันแปดล้านเลยนะป้า!” หมากพูดอย่างเสียงดัง “ป้าเจนจั๊กจั๋น ป้าเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า?”
“แปด แปดล้าน?”
ป้าเจนจั๊กจั๋นจับการ์ดใบนั้นไว้แน่นๆ แล้วมองหารพีพงษ์ที่เดินหายไป ณ ขณะนี้เธอรู้สึกไม่สบายใจมาก
ก่อนหน้านี้ยังสงสัยว่าจะถูกคนอื่นโกงอีกไหม แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้เธอคงคิดมากไปแล้วจริงๆ