พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1268 ติดต่อกันสามวัน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1268 ติดต่อกันสามวัน
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ล้วนเป็นแผนการของชายสวมแว่นกับโคบายาชิจุนอิจิ เดิมทีพวกเขาตั้งใจจะจัดฉากเพื่อให้กลุ่มอันธพาลเข้าไปปล้นฝนสุดากับอุเอสึงิ ฮารุ แล้วโคบายาชิจุนอิจิก็จะปรากฏตัวและจัดการกับอันธพาลทั้งสาม
แต่ไม่คิดเลยว่าฝีมือของอุเอสึงิ ฮารุจะแข็งแกร่งจนชายอันธพาลทั้งสามยังสู้เธอไม่ได้
“โคบายาชิซังครับ ดูเหมือนว่าเรื่องนี้เราคงต้องวางแผนกันยาวๆ แล้วครับ” ชายสวมแว่นพูด
โคบายาชิจุนอิจิพยักหน้า การที่เขายอมจากญี่ปุ่นแล้วมาถึงที่ประเทศจีนนั้นก็เพราะฝนสุดาคนเดียว
แต่ไม่คิดเลยว่าฝนสุดาจะตอบสนองเขาด้วยท่าทีแบบนี้ ซึ่งก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจและอารมณ์แปรปรวนมาก
“ในเมื่อเล่นบทดีแล้วไม่สำเร็จ สงสัยคงต้องเล่นบทร้ายบ้างแล้ว”
โคบายาชิจุนอิจิพูดต่อด้วยสีหน้าชั่วร้าย “ดูเหมือนว่าถ้าเราต้องการครอบครองฝนสุดา เราคงต้องเอาเพื่อนของเธออุเอสึงิ ฮารุให้อยู่หมัดก่อนแล้วสินะ”
จากนั้นทั้งสองก็ออกจากมุมลับนั้น
เย็นวันนั้น หลังจากที่รพีพงษ์กลับไปถึงสำนักเทพยาเซียน สิ่งแรกที่เขาทำก็คือนำโสมที่เขาได้มาไปให้จิรภัทรดูทันที
“นี่……คุณไปได้มันมาจากไหน” จิรภัทรพูดด้วยความประหลาดใจ
จากสายตาของจิรภัทรที่มองโสมแล้ว รพีพงษ์ก็รู้ว่าเขาต้องมองเห็นความพิเศษของโสมนี้เหมือนกับตัวเขาอย่างแน่นอน
จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงกลางวันให้จิรภัทรฟัง
“โชคชะตา โชคชะตาล้วน ๆ เลย!”
จิรภัทรพูดด้วยความดีใจ “รพีพงษ์ คุณรู้ไหม ในตอนที่อาจารย์ทวดของผมยังเป็นหนุ่มอยู่ ท่านเป็นคนเจอต้นโสมนี้บนภูเขาเองนะ เพียงแต่ว่าในขณะนั้นท่านไม่ได้พกเครื่องมือติดตัว ท่านจึงเอาเชือกสีแดงผูกไว้กับโสมแล้วกลับมาเอาเครื่องมือเพื่อจะกลับไปขุด”
รพีพงษ์พยักหน้า เขารู้ดีว่าการที่จะได้โสมที่ดีนั้นต้องคงสภาพเดิมของมันให้ได้ และยังต้องใช้เวลาในการขุดเจาะไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นการขุดเจาะจึงต้องใช้เครื่องมือพิเศษถึงจะทำได้
“แต่ที่ไหนได้” จิรภัทรพูดต่อ “หลังจากที่อาจารย์ทวดของผมกลับไปบนเขาอีกครั้ง ต้นโสมนี้ก็หายไปเหมือนมันเดินได้เลยล่ะ”
“คุณดูสิ!”
จิรภัทรชี้ไปที่เชือกสีแดงที่ผูกไว้กับต้นโสม “อาจารย์ทวดของผมชื่อธนวิทย์ บนเชือกสีแดงนี้ยังมีรอยประทับของท่านด้วยนะ”
รพีพงษ์มองไปที่เชือกสีแดงนั้น และเขาก็เห็นคำว่า “วิทย์” อยู่ในเชือกสีแดงนั้นจริงๆ
“อาจารย์ของผมเคยบอกว่าอาจารย์ทวดถึงกับนอนไม่หลับไปสามวันสามคืนเลย เพราะโสมต้นนี้เป็นเหมือนราชาแห่งราชาของโสม! นอกจากนี้อายุของมันก็มากกว่าหกพันปีแล้วนะ!” จิรภัทรพูด
“หก……หกพันปี!”
รพีพงษ์ถึงกับอ้าปากค้าง เขาคิดในใจว่าเงินที่ให้กับหญิงชราคนนั้นยังถือว่าน้อยไปจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอคืนโสมนี้ให้คุณดีกว่า” รพีพงษ์พูด
“ไม่!”
จิรภัทรวางโสมลงในกล่องอย่างระมัดระวังแล้วพูดต่อ “มันมีชีวิตและเลือกคนเหมือนกันนะ มันจะอยู่กับคนที่ถูกชะตากับมันเท่านั้น และคุณก็เป็นคนที่ถูกกำหนดชะตาไว้แล้ว ดังนั้นมันก็ต้องอยู่กับคุณ อีกอย่างคุณยังต้องใช้มันเพื่อทำยายาเม็ดวิญญาณชี่ด้วยนะ”
“ครับ งั้นผมขอเก็บมันไว้เองนะ” รพีพงษ์ไม่ได้คิดปฏิเสธอีก
เพราะยาเม็ดวิญญาณชี่สามารถทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น และเขาก็เข้าใกล้ทวีปโอชวินมากขึ้นทุกที
รพีพงษ์คิดว่าสำหรับเรื่องปรุงสูตรยาแล้ว ในสำนักเทพยาเซียนน่าจะไม่มีใครเทียบเขาได้อีก ดังนั้นโสมที่หายากนี้ถ้าอยู่กับเขาแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่สุด
หลังจากอำลากับจิรภัทร รพีพงษ์ก็กลับไปที่โต๊ะทำงานของเขา
เมื่อนึงถึงทวีปโอชวิน เขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
ตั้งแต่ที่เจอนีย์ในห้องประชุมวันนั้น และชายสวมหน้ากากที่ปรากฏตัวภายหลัง รพีพงษ์ก็มั่นใจได้ว่าทั้งสองคนนี้ต้องเป็นคนที่ทวีปโอชวินส่งมาอย่างแน่นอน
อีกอย่าง ในระหว่างนีย์กับโจซี่นั้น พวกเขาต้องมีความเกี่ยวโยงอะไรบางอย่างแน่
ในโลกนี้ นอกจากธีรพัฒน์แล้ว รพีพงษ์คิดว่าไม่มีใครอีกที่จะสามารถจัดการกับเขาด้วยฝ่ามือเดียว
“ยาเม็ดวิญญาณชี่ เราต้องรีบทำยาให้ได้โดยเร็วที่สุด”
จากนั้นรพีพงษ์ก็หยิบโสมออกมาจากกล่องและหยิบวัสดุยาอื่นๆ ออกมาตามสูตร
ซึ่งวัสดุของยาเม็ดวิญญาณชี่นั้นจะหายากมากในตลาดทั่วไป แต่เมื่ออยู่ในสำนักเทพยาเซียน ดินแดนที่เต็มไปด้วยพลังทิพย์นั้น นอกจากโสมต้นนี้ที่เขามี ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนหาได้ไม่ยาก
จนกระทั่งเวลาสามทุ่ม รพีพงษ์ก็ได้เริ่มผสมยาเม็ดวิญญาณชี่ครั้งแรก
ด้วยประสบการณ์ก่อนหน้านี้ในการผสมยาเม็ดเฉียนสิง รพีพงษ์ก็มีประสบการณ์มากพอในการผสมยาที่สมบูรณ์แบบ
แต่มันจะแตกต่างจากการทำยาเม็ดเฉียนสิงในครั้งก่อน เพราะครั้งก่อนคือการแข่งขัน และครั้งนี้เขาจะต้องทำให้ยามีคุณภาพที่ดีกว่าถึงจะชนะได้
ซึ่งครั้งนี้รพีพงษ์ให้ความสนใจกับปริมาณมาก ถึงแม้จะไม่มีชี่ยา แต่เขาแค่ต้องการผลิตยาเม็ดวิญญาณชี่ให้ได้มากที่สุดโดยใช้เวลาในการทำน้อยที่สุด
รพีพงษ์เสร็จสิ้นขั้นตอนที่หนึ่งโดยใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
จากนั้นเขาเก็บชิ้นส่วนจากโสมออกมาเล็กน้อย
ในตัวโสมหกพันปีนั้นแน่นอนว่าต้องเพอร์เฟคทุกชิ้นส่วนอยู่แล้ว ดังนั้นแค่นำออกมาเพียงแค่ชิ้นส่วนเล็กๆ ก็น่าจะเพียงพอ
โสมต้นนี้อาจจะทำยาเม็ดวิญญาณชี่ได้เป็นร้อย ๆ เม็ดเลยก็ได้!
จากนั้นควันสีขาวก็โพลนขึ้น จิตวิญญาณเทพแผ่ไปยังเม็ดยาในมือของเขา รพีพงษ์สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของยาเม็ดวิญญาณชี่หลังจากใส่โสมเข้าไป
เมื่อกลิ่นหอมของยาฟุ้งกระจายออกมา ยาเม็ดวิญญาณชี่เม็ดแรกก็เสร็จสมบูรณ์
สมบูรณ์แบบแล้ว
รพีพงษ์ประเมินตามสีของยา
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะสำหรับเขาแล้ว ต่อให้ไม่มีชี่ยา อย่างน้อยยาตัวนี้ก็ควรต้องเป็นยาระดับต้นๆ ของผลงานถึงจะถูก เพราะสิ่งสำคัญคือเขาได้ใช้ส่วนผสมของโสมหกพันปีเลยทีเดียว!
หรือว่าเราเร่งความเร็วเกินไป?
รพีพงษ์คิดในใจ เพราะขั้นตอนการผสมในครั้งนี้มันเร็วกว่าตอนที่เขาผสมยาเม็ดเฉียนสิงมาก
“จริงด้วย เรายังมียาผงหลิงซี!”
รพีพงษ์พูดพึมพำกับตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาได้นำผงหลิงซีกลับมาจากป่าหมอกเป็นจำนวนมาก
และจิรภัทรก็เคยพูดกับเขาว่า ผงหลิงซีเป็นส่วนผสมทางยาที่ดีที่สุดสำหรับการหลอมรวมของเม็ดยาที่มีคุณภาพที่สุด
“บางที ถ้าใส่กับยาเม็ดวิญญาณชี่มันอาจจะเกิดผลอะไรบางอย่างก็ได้นะ”
รพีพงษ์คิดในใจและรีบเริ่มทำใหม่อีกครั้ง
ซึ่งครั้งนี้ ความเร็วของเขาก็เร็วกว่าครั้งก่อนๆ มาก
เพียงแค่สามครั้งในการผสมยาชั้นเลิศ แต่ความแม่นยำ ความละเอียดถี่ถ้วนและความเชี่ยวชาญของรพีพงษ์ก็ดูเหมือนกลายเป็นผู้ชำนาญไปแล้ว
หลังจากยาผงหลิงซีถูกผสมเข้าไป รพีพงษ์ก็รู้สึกได้ทันทีว่ายาในมือของเขาได้ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นแล้ว
เม็ดยาก่อนหน้านี้จะเป็นสีเหลืองเข้ม แต่ในตอนนี้ยาในมือของเขาได้กลายเป็นสีทองแล้ว
“นี่มัน……น่าทึ่งจริงๆ”
รพีพงษ์รู้สึกน่าทึ่งมาก
และอีกสองชั่วโมงผ่านไป เม็ดยาชั้นเลิศที่มีชี่ยาก็อยู่ในมือของรพีพงษ์
ซึ่งรพีพงษ์รู้สึกมั่นใจมากสำหรับความสำเร็จในครั้งนี้
ด้วยการผสมผสานยาหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา จิตวิญญาณเทพของเขาก็รู้สึกชัดเจนมากขึ้น และตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย
ในห้องของเขาก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของไม้จันทน์และกลิ่นยาหอมอบอวล การเคลื่อนไหวของรพีพงษ์ก็รวดเร็วและไม่มีการเลินเล่อใดๆ
……
“ไอจิรภัทร รพีพงษ์อยู่ในห้องสามวันแล้วนะ คุณไม่คิดจะไปดูเขาบ้างเลยเหรอ?”
ปยุตพูดกับจิรภัทรในศาลาเล็กๆ แห่งหนึ่งของสำนักเทพยาเซียน
“เขาสั่งแล้วว่าห้ามพวกเราทุกคนไปรบกวนเขา แค่วางอาหารไว้ที่หน้าประตูก็พอ แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงล่ะ” จิรภัทรพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ปยุตขมวดคิ้ว “จะบอกคุณไว้นะไอจิรภัทร ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับรพีพงษ์ที่นี่ ผม……ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่!”
“อ้าว นี่คุณคิดว่าผมอยากให้เกิดอะไรขึ้นกับรพีพงษ์เหรอ ถึงกล้ากล่าวหาผมแบบนี้!”
จากนั้นจิรภัทรก็เหวี่ยงฝ่ามือไปที่ปยุต
แต่ไม่คิดว่าปยุตจะหลบไปได้อย่างง่ายดาย
รอยยิ้มที่น่าสงสัยปรากฏขึ้นนัยน์ตาของจิรภัทร “ไอ้หมอนี่ ดูเหมือนว่าจะแอบซุ่มซ้อมเหมือนกันนี่นา ถึงได้พัฒนาขนาดนี้!”
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะไม่ถูกไอจิรภัทรอย่างคุณรังแกแย่เลยเหรอ?”
ปยุตยิ้มพูด
“พอที คุณก็แค่โชคดีเท่านั้นแหละ แต่ว่าไปไหวพริบของคุณเมื่อกี้นี้ผมไม่เคยเห็นจริงๆ นะ” จิรภัทรพูด
ปยุตได้แต่ยิ้มและไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ
หลังจากที่ฝึกคาถาคำสิบมาระยะหนึ่ง เขารู้สึกว่าตอนนี้เริ่มเห็นผลแล้ว
“ไปกันเถอะ ไอจิรภัทร วันนี้ผมต้องเข้าไปดูรพีพงษ์ให้ได้ เพราะถ้าเขาเกิดอะไรขึ้นที่นี่จริงๆ คุณกับผมไม่มีปัญญารับผิดชอบแน่” ปยุตพูด
จิรภัทรขมวดคิ้ว ถ้าหากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับคนอย่างรพีพงษ์ที่นี่ เกรงว่าทั้งสำนักเทพยาเซียนจะถูกรื้อทิ้งโดยที่ไม่เหลือซากอย่างแน่นอน
จากนั้นทั้งสองก็มาถึงหน้าประตูห้องของรพีพงษ์ และทั้งสองก็เห็นประตูห้องของรพีพงษ์ยังคงปิดอยู่อย่างมิดชิด
“รพีพงษ์ ผมเอง ผมมีเรื่องอยากถามคุณหน่อยครับ ช่วยเปิดประตูให้ที”
ปยุตเคาะประตูและพูดเบาๆ
แต่ผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
ปยุตกับจิรภัทรต่างก็มองหน้ากัน
“ไอจิรภัทร มันจะเงียบเกินไปแล้ว หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับรพีพงษ์จริงๆ”
ปยุตพูดอย่างประหม่า
“ไม่รู้เหมือนกันสิ ตามความเป็นจริงแล้ว ฝีมืออย่างรพีพงษ์คงไม่ถูกฤทธิ์ยาแว้งกัดหรอกนะ” ” จิรภัทรก็เริ่มลังเล
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมขอเป็นคนผิดก็แล้วกัน”
จากนั้นปยุตก็ถีบประตูออก และทั้งสองก็รีบเดินเข้าไป
และเมื่อเข้าไปในห้องแล้ว กลิ่นยาที่หอมอบอวลไปทั้งห้องก็ทำให้ทั้งสองต้องตกตะลึงทันที!
ซึ่งบนโต๊ะชาและโต๊ะทำงานในห้องจะมีกล่องเล็กๆ วางอยู่อย่างเป็นระเบียบ และด้านในกล่องทุกกล่องนั้นจะมียาวางอยู่หนึ่งเม็ด ซึ่งทั้งหมดจะเป็นยาเม็ดวิญญาณชี่ที่มีชี่ยา
เมื่อหันมองไปบนเตียง ทั้งสองก็เห็นรพีพงษ์ที่หลับอยู่อย่างสนิท หลังจากที่เขาอดหลับอดนอนมาติดต่อกันสามวันสามคืน ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวและเผลอหลับไป